ชื่อเรื่องอาจจะฟังดูหยาบไปหน่อย ครับ อย่างไรแนะนำด้วยนะครับ ผมมือใหม่ครับ ของคุณครับ
สังคมหมาหมา
ตอน : รักครั้งแรก
แฟนฉัน หนังเรื่องนี้ทำให้ผมได้แนวคิดที่จะเขียนตอนนี้ขึ้นมา ถึงจะเป็นหนังที่ไม่ยิ่งใหญ่มากมายนัก แต่ทำให้ผม และคนในวัยรุ่นๆเดียวกันกับผม ได้หวนคิดถึงวันเวลาเก่าๆ เมื่อครั้งเรายังเด็ก คิดแล้วก็ยิ่งอยากที่จะย้อนเวลาได้ จริงๆเลย เฮ้อ ให้ตายเหอะ
โย สาวน้อยน่ารักประจำโรงเรียนแถบชายแดนเขมร โยเป็นเด็กเมืองกรุง พ่อแม่เป็นนักธุรกิจ แต่โยต้องมาเรียนที่โรงเรียนบ้านนอกแถบชายแดนเขมร(พูดไปก็เหมือนละครน้ำเน่า) เหตุที่โยจำต้องมาเรียนอยู่ที่แห่งนี้ คงเป็นเพราะ(ผมเดาเอานะ เพราะไม่เคยถามเขาเหมือนกัน) คุณยายของเธอเป็นแน่ ยายของโยเป็นคนจีนที่ผมกลัวมากๆ คนหนึ่งในหมู่บ้าน ผมขาวๆของแกทำให้ผมนึกถึงนางมารร้ายอยู่เรื่อยเลย ยายของโยมีร้านขายของชำ ขนาดใหญ่ที่สุดในตำบลก็ว่าได้(เท่าที่จำได้ตอนนั้นมีร้านค้าอยู่ 3 ร้าน) มีขายเกือบทุกอย่าง ต้องบอกว่า ตั้งแต่ สากกะเบือยันเรือรบ ทุกครั้งที่ผมไปซื้อของถ้าเจอยายของโย ผมจะไม่ซื้อเด็ดขาด รอจนกว่า ป้าจอน (คนนี้สำคัญมากๆ) จะมาอยู่หน้าร้านผมถึงจะเดินเข้าไปซื้อ
มาดูหน้าตาโยกันดีกว่า อิอิ โยเป็นลูกสาวคนจีน(แถวบ้านผมเรียกเจ๊ก) ผิวขาว ผมดำตรง ตาชั้นเดียว โอ้ย น่ารัก ถ้าเป็นสาวๆ ก็ประมาณ ขาว หมวย สวย
ว่างั้น เด็กๆแถวบ้านผมนี่ แอบรักโยกันแทบทุกคน แต่ขอร้อง ใครๆ ก็สู้ผมไม่ได้หรอก พูดแล้วจะหาว่าคุย
เฮ้ย สีหมอก ผู้ใด๋หว่า คือจังเป็นตาฮักแท้ คำแรกที่ผมพูดเมื่อเห็นหน้าโย มันเป็นเวลาประมาณ เจ็ดโมงกว่าๆ สาวน้อยผู้น่ารัก ก้าวลงจากรถเก๋งคันงาม จนทำให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่รุมมองกันทั้งโรงเรียน สีหมอก เดินเข้าไปลูบตรงกระโปรง เฮาอยากได้หลายเด้อ สีหมอกแทบน้ำลายไหล เพราะสีหมอกชอบรถมากๆ ยิ่งเป็นรถเก๋งอีกตะหาก สามปียังแทบจะไม่ได้เห็นสักคันเลย ป๊าป เสียงดังลงบนหัวของสีหมอก เบิ่งตะรถนั่นหล่ะ บักฮาเมิงเอ้ย เต๋อตะหวาดใส่สีหมอก ส่วนผมเหรอ ตาค้างครับ เกิดมาเพิ่งจะเห็นคนขาวๆ กะเขาสักที
สีหมอก ชื่อนี้ไม่ใช่ม้านะครับ มันเป็นเพื่อนสนิทตอนที่ผมอยู่ประถม สีหมอก เป็นลูกพ่อค้า รับซื้อยางพารา แถบๆ อำเภอผม พ่อมันรวยครับ ได้เงินมาโรงเรียนวันละ ห้าบาท ส่วนผมเหรอ ห้าสิบสตางค์ครับ
ส่วนเต๋อ เพื่อนสนิทอีกคน เต๋อเป็นลูกเพื่อนบ้านที่มาทำงานกับพ่อผม จริงๆแล้ว มันน่าจะชื่อ เด๋อ หรือไม่ก็เอ๋อ เพราะมันเอ๋อๆ งัยไม่รู้ พ่อผม พ่อสีหมอก เป็นเพื่อนสนิทกัน ค้าขายด้วยกัน ส่วนพ่อเต๋อก็มักคุ้นกับพ่อผม และพ่อของสีหมอก ส่วนหน้าตาเหรอ ก็น่าจะพอๆเดาได้นะ สีหมอก มันไม่ได้ขาวเหมือนหมอกนะ แต่สีมันเหมือนม้าสีหมอก แบบว่า ออกหม่นๆหน่ะ ถึงขั้นดำเลยหล่ะ อิอิ(ได้โอกาสเผามันก็คราวนี้) เต๋อเหรอ อืมห์ นึกหน้าสายัญไปก่อนละกัน คริๆๆๆ
เข้าเรื่องเลยดีกว่า แนะนำตัวละครซะเนิ่นนาน เดี๋ยวจะลืมความหลังกันพอดี ผมเรียนอยู่ชั้นประถมปีที่สอง ห้องหนึ่ง มีสองห้องครับ ถึงจะชายแดนแต่โรงเรียนผมดังนะ คนเรียนเยอะ (นี่กะจะเข้าเรื่องละนะ ดันมาแนะนำตัวซะอีก) ส่วนน้องโยหน่ะเหรอ เธอเรียนชั้นประถมปีที่หนึ่งครับท่าน หึๆๆ รุ่นพี่กะรุ่นน้อง (แต่เมื่อก่อนไม่มีรับน้องนะ) ห้องเรียนเราอยู่ติดกันเลยครับ อาจเป็นเพราะพรหมลิขิต ก็เป็นได้ ทำให้เราได้เจอกันบ่อยๆ ผมเป็นคนเรียนดีครับ หุๆๆ พูดแล้วจะหาว่าคุย เป็นตัวแทนแข่งขันคณิตคิดเลขเร็ว มาตั้งแต่ชั้นประถมปีที่หนึ่ง บ่อยครั้งที่คุณครูฉวี (ครูประจำชั้นของน้องโย) จะเรียนเชิญให้ผมไปสอนน้องๆในการคิดเลขแบบเร็วๆ นั่นเลยเป็นโอกาสที่ทำให้ผม ได้เจอน้องโยบ่อยกว่าหนุ่มๆคนอื่น แต่ผมก็ไม่เคยคุยกะน้องโยเลยแม้สักครั้งเดียว คนที่คุยบ่อยเป็นใครรู้มั้ยครับ ก็ไอ้สีหมอกนั่นแหล่ะ แบบว่าน้องโยเขาชอบร้องเพลง สีหมอกก็ดันเป็นตัวแทนแข่งร้องเพลงของโรงเรียนตั้งแต่ชั้นประถมปีที่หนึ่งเหมือนกัน ด้วยเหตุนี้ผมจึงต้องไปฝึกร้องเพลง และผมได้ครูดีครับ เป็นพี่ข้างๆบ้าน เล่นกีตาร์เก่งมาก สอนผมร้องเพลงตั้งหลายเพลง ผมฝึกร้องเพลงกะพี่แหลมอยู่สักพัก จึงได้มีโอกาสเจอน้องโยซะที วันนั้นเป็นวันคัดเลือกตัวแทนสำหรับไปแข่งขันทักษะต่างๆ ผมเหรอ คณิตศาสตร์แน่นอนอยู่แล้ว แต่ผมแวะไปหาสีหมอก เพื่อที่จะได้เจอกับน้องโย ไปเป็นกำลังใจให้น้องโยในการเป็นตัวแทนฝ่ายหญิง แต่แล้ว น้องโยก็ต้องผิดหวังครับ เพราะเหตุผล ยังเด็กเกินไป คุณครูให้รุ่นพี่ไปแทน เข้าทางผมเลยครับ
ช้าง ช้าง ช้าง เป็ดอาบน้ำในคลอง ตาก็จ้องแลมอง เพราะในคลองมีหอย ปู ปลา เงียบเสียงไปสักพัก น้องโยก็หัวเราะดังลั่น เพราะนั่นเป็นเพลงที่ผมร้องให้น้องโยฟัง ฝึกมาตั้งนาน ฝึกมาอย่างดี ดันมาร้องเพลงตอนอนุบาล แถมร้องผิดซะนี่ เฮ้อ ก็มันเขินอ่ะ นี่แหร่ะครับที่เขาเรียกว่า เจอหน้าแล้วอึ้ง ทำอะไรไม่ถูกเลย เงอะๆงะๆ หรือว่า เราหลงรักเขาเข้าแล้วหล่ะเนี่ย แต่ผมก็ดีใจที่ทำให้น้องโยหัวเราะ ดูสดใส น่ารัก มีความสุข และมันเป็นการเริ่มต้นที่ดีครับ หลังจากวันนั้น ผมก็ได้คุยกับน้องโยบ่อยขึ้น มันช่างมีความสุขเหลือเกิน เอิ๊กๆๆ
แต่มันไม่ง่ายไปหรอกนะครับ มันต้องมีอุปสรรคกันบ้าง(บอกแล้วว่ามันเหมือนละคร) ผมลืมบอกไป โย มีพี่น้องทั้งหมดสามคน โยเป็นคนเล็ก และมีพี่สาวอีกสองคนคือ ยีนส์ และ ฝน ฝนเป็นพี่สาวคนโต แต่เรื่องมันดันไปเกี่ยวกับยีนส์ เธอเป็นรุ่นเดียวกับผม เราอยู่ห้องเดียวกัน ผมเป็นคนที่มีเสน่ห์ มั้งเลยทำให้สาวๆติดตรึมเลย แม้กระทั่งยีนส์เอง ผมเหรอจะไม่สน ฮิๆๆๆ สาวมาชอบ ใครจะไม่สนหล่ะ ยิ่ง ขาวๆ หมวยๆ ด้วยละ (เจ้าชู้แต่เด็กเล้ยเราเนี่ย) ยีนส์แอบปิ๊งผมตั้งแต่วันแรกเลยหล่ะ เธอเห็นว่าผมเรียนเก่ง ชอบให้สอนทำการบ้านอยู่เรื่อยเลย พักเที่ยงนี่ผมต้องสอนยีนส์ทำการบ้านก่อนแล้วค่อยออกไปทานข้าว เพราะวิชาเลขคุณครูจะสอนแต่เช้าแล้วให้การบ้านเลย แต่ยีนส์ไม่รู้หรอกว่าผมชอบโย จนวันที่ความลับต้องถูกเปิดเผย มันเป็นวันเดียวกันกับวันอกหักครั้งแรก อกหักตั้งแต่ยังไม่ได้รักเลยอ่ะ ขณะที่ผมสอนการบ้านยีนส์อยู่นั้น ผู้หญิงที่ผมคิดว่าผมมีความรักให้เธอ เดินเข้ามาที่ห้องพร้อมกับป้าจอน (บอกแล้วว่าป้าจอนหน่ะสำคัญ) ใช่แล้วครับ โยเดินมากับป้าจอน ทั้งสองคนร้องให้ระงมมาเลยครับ ผมนี่อึ้งไปเลย พลางคิดไปว่า ตายห่า น้องโยเล่นไปบอกทางบ้านเลยเหรอเนี่ย แถมยังพาผู้ใหญ่มาอีก เราก็ไม่ได้ทำอะไรผิด นี่นา แล้วเขาร้องให้กันทำไมว๊า ผมก็ตกอกตกใจวิ่งไปหาโย แล้วจับมือเธอพร้อมพูดว่า อ้ายฮักโยเด้อ แป่วๆๆๆ ก็ผมพูดไทยยังไม่ค่อยชัดอ่ะ แบบว่าอยู่บ้านนอก ผมอึ้งไปสักพัก แบบว่าเจอหน้าโยทีไร มัวแต่อึ้ง พูดฟังอะไรไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก แต่พอหันหลังกลับมา ยีนส์ร้องให้โฮๆๆๆ ซวยอีกแล้วตู ผมคิดอยู่ในใจ ทำไมต้องเป็นกูวะเนี่ย ดันเกิดมาหน้าตาดี ผู้หญิงสองคนต้องมานั่งร้องให้เพราะเราเหรอเนี่ย แต่ผมพอมีสติ เหลืออยู่บ้าง จึงเดินไปหายีนส์ พร้อมกำมือยีนส์(อีกแล้ว เรื่องหลอกแต๊ะอั๋งนี่ ถนัดเลย ถนัดมาก) พลางพูดออกไปว่า เราเป็นเพื่อนกันนะยีนส์ เป็นงัยครับ คำพูดที่ผมใช้สติอันน้อยนิดในช่วงนั้น กลั่นกรองออกมาพร้อมกับพูดเป็นภาษาไทยได้เต็มปากเต็มคำ
ป๊าป!!!!!!!!!!!! นั่นคื่อเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินก่อนที่ผมจะหลับไป
หลังจากวันนั้นผมก็ไม่ได้เจอโย และ ยีนส์อีกเลย มีเพียงป้าจอนเท่านั้นที่เล่าเหตุการณ์วันนั้นให้ฟัง หลังจากเวลาผ่านไป สองอาทิตย์ เพราะผมแวะไปซื้อน้ำตาลให้แม่ ป้าจอนเรียกผมมานั่งคุย และเล่าให้ฟังว่า วันนั้น ป้าจอนไปรับโย และยีนส์กลับไปบ้าน เพื่อที่จะต้องเดินทางกลับกรุงเทพเพราะแม่ของเธอได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ โย ยีนส์ และฝน พี่สาวของเธอเลยต้องย้ายกลับไปเรียนในกรุงเทพ และอยู่กับพ่อของเธอ ผมเลยนึกได้ว่า อ๋อ ที่โย กะยีนส์ร้องให้นี่ไม่ใช่เพราะตูนี่หว่า แต่ก็ยังงงที่ว่าทำไมผมถึงหลับไป เลยถามป้าจอน แกก้อตอบแบบ อายๆ ว่า กะมิงนั่นหล่ะ เป็นอี๊หยังกะบ่อฮู้ เว่ายูคนเดียว ป้ากะเลยตบหัวไปเทียนึง แตวาป้าตบแฮงไป อิอิอิอิ นี่งัย ผมบอกแล้วว่าป้าจอนหน่ะเป็นคนสำคัญมากๆๆ
นี่แหระครับรักครั้งแรกของผม แต่มันเป็นรักข้างเดียวครับ คิดเอง เออเองอยู่ข้างเดียว แต่มันก็มีความสุขนะครับ อิอิอิอิอิอิอิอิอิอิ
จากคุณ :
Mongther
- [
4 ส.ค. 48 15:49:37
]