สวัสดีคะ โอปาโจคะ เพิ่งลงเป็นครั้งแรก ผากติชมด้วยนะคะ ^__^
เสียงของเวลา
เวลาดั่งธารวารีที่จะไม่มีวันไหลย้อนกลับ.. สุภาษิตนี้กระโดดเข้ามาในห้วงคำนึงของฉันทันที เมื่อเนทบอกกับฉันว่า เขา ได้ยินเสียงนาฬิกาเดิน
อ้อเหรอ ฉันเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจนัก
ก็แค่เสียงนาฬิกาเดิน
เสียงของมันดังติ๊ก
ติ๊ก เขาบอก
ก็ลองหาดูสิ ว่าได้ยินมาจากที่ไหน? ฉันแนะนำ เขาจึงหยุดเดินวนรอบตัวฉัน แล้วออกเดินเตร่ไปในห้องสมุดแทน ปล่อยให้ฉันก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป
ฉันรู้จักกับเนทมาหลายปี เราพบกันตั้งแต่วันแรกที่ลงทะเบียนเรียน ตัวเขาผอมเก้งก้าง สวมแว่นสายตามีกรอบ ไม่มีบุคลิกใดโดดเด่น ในสายตาของคนทั่วไปแล้ว
เขาเป็นผู้ชายที่พบเห็นได้ดาษดื่นทั่วไป
เนทเดินกลับมาหาฉันหลังจากเดินไปๆมาๆครู่ใหญ่
ไม่มีเลย
มีนาฬิกาตั้งโต๊ะเรือนหนึ่งบนเคาน์เตอร์บรรณารักษ์ แต่มันไม่ใช่เสียงเดียวกับที่ฉันได้ยิน
ฉันยอมแพ้เงยหน้าขึ้นมามองหน้าเขา พลางแสดงความคิดเห็นอย่างใจเย็น
อาจจะดังมาจากที่อื่นข้างนอกก็ได้ ฉันพูด แต่เนทส่ายหน้า ก่อนทรุดตัวลงนั่งข้างฉัน
ไม่ใช่มั้ง
เสียงมันดังใกล้นิดเดียว แล้วเขาก็ชี้ใบหูตัวเอง อย่างกับดังอยู่ใกล้ๆหูของฉันเนี่ยแหละ
ความอดทนของฉันสิ้นสุดลงตรงนั้น ฉันลุกยืนจัดกระดาษรายงานเข้าแฟ้ม แล้วสาวเท้าเดินออกไปยังประตูทางออก
อ้าว! จะไปแล้วเหรอ ฉันได้ยินเสียงเนทร้องไล่หลังมา ตามด้วยเสียงลุกพรวดจากโซฟา
ซึ่งเขาเพิ่งหย่อนก้นนั่งไปไม่ถึงนาที
เราเดินคู่กันออกมาจากห้องสมุด จะว่าให้ถูกแล้ว ฉันเป็นคนเดินนำ และเนทเป็นคนตาม แสงแดดแผดเผาจากด้านหลัง เงาของเนทพาดทับมายังเงาส่วนหนึ่งของฉันราวกับเป็นการจับจอง ฉันพยายามจะเดินไม่ให้ชิดกันมากนัก แล้วพยายามเดินไปตามทางที่ไม่มีคนเดินนัก จะได้ไม่รู้ว่าเราเดินด้วยกัน จะได้ไม่รู้ว่าเราเป็น แฟน กัน
ใช่...เราสองคนคบกันมาได้ ปีแล้ว ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่สวยหรือโดดเด่นอะไร ไม่ใช่ผู้หญิงที่มีเสน่ห์เสียด้วยสิ ฉันแอบหวังลึกๆว่าจะมีคนมาปลื้มบ้าง หวังว่าวันหนึ่งจะมีเจ้าชายขี่ม้าขาวมาหา...
แล้ว...วันหนึ่งก็มีคนมาปลื้มฉัน แต่ท่าทางจะไม่ใช่เจ้าชาย...วันนี้ของของปีที่แล้ว เนทเดินเข้ามาบอกฉันว่า...ฉันชอบเธอนะ เป็นมากกว่าเพื่อนได้ไหม?
ฉันทั้งรู้สึกแปลกใจและตกใจ ปกติเนทไม่ค่อยแสดงความรู้สึกส่วนตัวมากนัก ยิ่งสำหรับอารมณ์รัก ดูเหมือนจะไม่เหมาะกับเขาที่สุด
วินาทีแรก ฉันไม่รู้ว่าจะตอบเขาว่าอะไร แต่ในวินาทีถัดมาฉันจึงตอบตกลงเขาทั้งที่ไม่แน่ใจว่าตัวเองคิดอย่างไร รู้เพียงว่า...ฉันยังไม่อยากปล่อยเขาไป เราจึงคบกันตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
แต่เนทไม่ใช่ผู้ชายที่น่าภูมิใจ เขา...ไม่เหมือนคนอื่น ไม่ได้เป็นมือเบสในวงดนตรี ไม่ได้เป็นนักกีฬาที่ดีในทีมฟุตบอล ไม่ใช่ผู้ชายที่จะคล้องแขนไปงานเลี้ยง เขาแตกต่างโดยสิ้นเชิง เขาชอบเอาแต่อยู่ในห้องสมุด เนื้อตัวเปื้อนฝุ่นมอมแมมได้ทั้งวัน จริงจังในเรื่องแปลกๆ จนเพื่อนๆของฉันมักจะเรียกเขาลับหลังด้วยสมญาน่าเกลียดๆ
ด้วยเหตุนี้เอง ฉันจึงไม่ชอบทำตัวใกล้ชิดเขาให้ถูกล้อเลียน
ร้านไอศกรีมข้างร้านหนังสือขนาดใหญ่เป็นที่ที่เรามาฉลองวันครอบรอบ 1 ปี เบื้องหน้าของฉันมีไอศกรีมเหล้ารัมในถ้วยคริสตัล
ฉันตักไอศกรีมเหล้ารัมเข้าปาก รสแอลกอฮอล์อ่อนๆละลายไปทั่วลิ้น ไอศครีมเหล่านี้เนทเป็นคนเลี้ยง โดยปกติแล้วเขาจะสั่งรสเหล้ารัมเหมือนกัน แม้เขาจะบอกว่าชอบมานานแล้ว กระนั้นฉันก็อดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่า เขาสั่งตามฉัน แต่วันนี้ไม่มีไอศกรีมสักถ้วยเดียวตรงหน้าเขา
สีหน้าของเนทดูเซ็งๆ เขายกมือทั้งสองขึ้นนวดขมับ สายตามองมาที่ฉันอย่างเหม่อลอยจนฉันไม่มีแก่ใจจะกินต่อ ได้แต่นั่งเขี่ยก้อนไอศกรีมเล่นไปมา
อ้าวทำไมไม่กินล่ะ? เขาคงแปลกใจปกติฉันมักกิน 2 ถ้วยเสมอแต่ถ้วยที่2 ฉันจะจ่ายเอง อย่างน้อยก็ไม่อยากรู้สึกผิดมาก หากวันหนึ่งเราจะเลิกกัน หรือ หากเนทเป็นฝ่ายเบื่อและบอกลาไป ถ้าอย่างนั้นฉันคงไม่เสียใจเท่าไร ความคิดเหล่านี้พรั่งหรูออกมาทั้งที่เพิ่งคนไอศกรีมเล่นได้รอบเดียว
ไม่ล่ะ...อิ่มแล้ว ฉันโกหก ทั้งที่จริงเตรียมท้องมากินไอศครีม 2 ถ้วยเต็มที่
แล้วทำไมเนทไม่กิน
ไม่ล่ะ เนทยิ้มเหนื่อยๆ ไม่มีอารมณ์กิน เสียงนาฬิกาในหัวยังอยู่เลย
คำพูดของเขาทำให้ฉันส่ายหน้าหน่ายๆ
นอนดึกอีกล่ะสิ ยังไงกลับถึงบ้านก็กินยาแล้วเข้านอนเสีย ก่อนหน้าเราจะมาคบกัน ฉันกับเนทเป็นเพื่อนกันมาก่อน หลายครั้งที่ฉันมานั่งคิดว่าทำไมเขาถึงชอบฉัน อาจจะเป็นไมตรีที่ฉันมีให้ก็ได้ ที่ทำให้ความรู้สึกของเนทก้าวเกินกว่าความเป็นเพื่อน
ฉันเลื่อนถ้วยไอศกรีมไปด้านข้าง เนทยื่นทิชชูยื่นมาให้อย่างรวดเร็ว ฉันรับมาซับปาก แล้วเราก็ลุกขึ้นจากโต๊ะ การกระทำช่างพร้อมเพรียงกันทุกก้าว คนทั่วไปคงจะคิดว่าเรารักกันมากแน่ๆ...
นี่! เดี๋ยวก่อน เสียงเนทดังไล่หลังมาขณะที่เดินเลียบไปใต้กันสาดของร้านค้าริมถนน
อะไรเหรอ? ฉันหยุดเท้าลง รู้สึกผิดเล็กๆเหมือนกันที่ทิ้งเขาไว้เบื้องหลัง กระนั้นก็อดไว้ท่าไม่ได้
แล้วทันทีที่ฉันหันหลังกลับไป อะไรบางอย่างก็ยื่นเข้ามาประชิดใบหน้า จนฉันต้องผงะออกด้วยความตระหนก ก่อนจะเพ่งมองวัตถุใกล้หน้าอีกครั้ง ในตอนแรกมันพร่ามัวเป็นดวงไฟสีทองสว่างไสว แต่เมื่อปรับสายตาจนเห็นชัดเจนก็พบว่า...มันเป็นแหวนวงหนึ่ง!
....แหวนสีทองเกลี้ยงเกลาไร้ลายสลัก.... วางสงบนิ่งอยู่ในกล่องกำมะหยีสีน้ำเงิน
...ใจของฉันเต้นรัวโดยไม่อาจบังคับ ใบหน้าร้อนขึ้นจนแทบเป็นอุณหภูมิเดียวกับความร้อนที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเนท
เล่นบ้าอะไรเนี่ย? ฉันพยายามปรับสีหน้าตัวให้ปกติ
เนทยิ้มกว้างจนเห็นฟันแทบทุกซี่...เหงื่อของเขาไหลโซมเต็มใบหน้า
ก็รีบออกมานี่... เขาหอบไปด้วยก่อนจะยื่นกล่องกำมะหยีสีน้ำเงินให้กับฉัน แต่ฉันหดมือไปไว้ข้างหลังอย่างรวดเร็ว
ไม่เอา...เก็บไว้เถอะ มันแพงเกินไป ฉันอดขำในความช่างเอาใจของเขาไม่ได้ แต่อีกใจก็ตกใจในความมุ่งมั่นของเขา
รู้สึกใจเสียเหมือนกันที่ทำให้เนทหน้าเศร้า เขายิ้มเจื่อนๆพลางเก็บกล่องแหวนลงกระเป๋า
ไปไหนกันต่อดี? เขาถามแต่ฉันส่ายหน้าให้เขา
ไม่ล่ะ อยากกลับบ้าน เนทไม่พูดอะไร ได้แต่บอกกับฉันว่า กลับดีๆนะ
ฉันไม่กล้าสบตาเขา ได้แต่หันหลังเดินจากมา
เมื่อกลับถึงบ้าน ฉันตรงขึ้นไปยังห้องของตัวเองทันที เหวี่ยงกระเป๋าลงบนโต๊ะ แล้วล้มตัวนอนบนเตียง ผ้าปูที่นอนอุ่นสบาย คงเพราะตากแดดมาตลอดบ่าย
ฉันลืมตาโพลงมองเพดาน ภายในหัวอดคิดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่ได้ คราวนี้เขาดูจริงจัง การปฏิเสธครั้งนี้คงทำให้เขาเสียหน้ามากทีเดียว บางทีเขาอาจจะโกรธจนบอกเลิกฉันไปเลยก็ได้... ฉันนอนคิดเรื่องนี้พักใหญ่จนผลอยหลับไป...
เมื่อตื่นขึ้นมาอีกหนก็ค่ำเสียแล้ว ฉันลุกขึ้นมานั่งงัวเงียอยู่พักใหญ่ รอบกายของฉันถูกปกคลุมด้วยความมืด อากาศเย็นขึ้นจนฉันต้องดึงผ้าห่มมาคลุมกายเป็นเวลาเดียวกันกับที่โทรศัพท์ดังขึ้น ฉันเอื้อมมือรับมันมาแนบหู
คะ ครับ สวัสดีครับ เสียงของเนทดังกรอกมาตามสาย ขอสาย
อือ พูดอยู่
ฉันพยายามปรับเสียงไม่ให้งัวเงีย
เหรอ เขาหัวเราะเก้อๆ เสียงแปลกๆน่ะ
เพิ่งตื่น ฉันตอบสั้นๆ เดาทางเนทไม่ถูกเลยว่าเขาจะโทรมาทำไม
หรือว่าจะมาบอกเลิก?
..ใจของฉันเต้นรัว
เนทพึมพำในลำคอเป็นเชิงรับรู้ก่อนเราสองคนจะต่างเงียบกันไปพักใหญ่
นานจนฉันเป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้น
มีอะไรเหรอ? ฉันถาม แล้วก็ตอบตัวเองไปพลางว่าเนทจะบอกเลิก ทั้งที่ใจจริงไม่เชื่อสักนิดเดียว ฉันรู้จักผู้ชายคนนี้ดี
เออ คือ เออ หลังจากนิ่งไปสักพักเนทก็เอ่ยขึ้น แต่ธุระก็ไม่หลุดออกจากปากเขาสักคำเดียว ฉันยักไหล่ตอบสนองคำพูดเขาแม้รู้ว่าเขาไม่เห็น
ฉัน
เนทพยายามอีกครั้ง ฉันแอบลุ้นไปด้วย พอเขาพูดคำว่า ฉัน จบก็เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงต่อว่า
.ฉันขอโทษ
อ้อ
อือ เรื่องอะไรล่ะ? ฉันได้ยินเสียงเนทสูดลมหายใจก่อนพูด
เรื่องที่ให้
เออ แหวนกับเธอน่ะ ฉันไม่น่าทำเหมือน
เหมือน
เหมือนขอเธอแต่งงานเลย ฉะ ฉันไม่คิดว่าเธอจะโกรธขนาดนี้
เสียงท้ายประโยคของเขาแผ่วเบา
คือ ฉันไม่ได้คิดอะไรหรอก ฉันรู้สึกแย่จริงๆตอนนี้ ทั้งที่คิดว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดอะไรมากมาย ทำไมกับแค่เขาไม่สบายใจฉันถึงได้หดหู่ตามเขาแบบนี้นะ ให้ตายเถอะ
เนทนี่..มีพรสวรรค์จริงๆ
เงียบอีกแล้ว
เราต่างฝ่ายต่างเงียบอีก สงสัยจริงว่าทำไมฉันถึงพูดอะไรไม่ออก ในเมื่อมีอารมณ์หลายอย่างบังเกิดขึ้นในตัวฉัน
ฉันจะไม่ทำอีกแล้ว เนทพูดขึ้นราวกับเอ่ยคำสาบาน สัญญา ฉันจะไม่ทำเรื่องอย่างนี้อีกแล้ว ได้ยินเท่านี้ฉันเลยพูดอะไรไม่ออกได้แต่ฟังเขาไปเรื่อยๆ
เพื่อเป็นการไถ่โทษ เนทพยายามทำเสียงให้ร่าเริง ซึ่งฉันไม่ได้ยินมานาน ในสมัยที่เรายังเป็นเพื่อนกัน เขาทำเสียงแบบนี้ทีไร ฉันเป็นต้องครึกครื้นสนุกด้วยร่ำไป
จะทำอะไร? ฉันอดตื่นเต้นตามไปด้วยไม่ได้
พรุ่งนี้ไปดูหนังกันเถอะ ฉันจะเลี้ยงเอง ตกลงนะ
ไปสิ ฉันยิ้ม รู้สึกร่าเริงเหมือนเป็นเด็กเล็กๆ
งั้นตกลง พรุ่งนี้เจอกัน
แล้วเจอกัน
ฉันค่อยๆวางหูโทรศัพท์ รู้สึกร่าเริงอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่ควรตอบตกลง หากฉันทำเย็นชาสักวันเนทก็จะเลิกราไปเอง ฉันอยากกลับไปเป็นแค่เพื่อนกับเขาเหลือเกิน อยากคุยเล่นกันอย่างไม่ต้องคิดอะไร
ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนหันไปกอดผ้าห่มแน่น รู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรมาจุกที่คอ พอยกมือลูบคอก็พบว่าตัวเองกำลังสะอื้น น้ำใสๆไหลไปตามแก้มทั้งสอง
ในที่สุดฉันก็ซุกหน้ากับผ้าห่มเพื่อร้องไห้ทั้งที่ไม่เข้าใจตัวเอง
<.><.><.><.><.><.><.>
จากคุณ :
o_Opajo
- [
5 ส.ค. 48 18:25:07
]