1.
หลังอาหารค่ำ พวกเราทุกคนนั่งอยู่ในห้องรับแขก พี่ชายเล่าเรื่อง ๆ หนึ่งให้ฟัง
ฟั่นต้าถง เป็นเพื่อนนักเรียนในห้องพวกเรา วันนี้หลังเลิกเรียนเขาเดินออกมานอกห้อง จู่ ๆ ก็ได้ยิน
เสียงประหลาด พอเงยหน้าดู ก็พบว่ากล้องวงจรปิดนอกห้องเรียนเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่
รู้ กล้องรุ่นใหม่นี้จะมีตัวเซนเซอร์การเคลื่อนไหวของคน แล้วหมุนตาม ทีนี้ฟั่นต้าถงก็นึกสนุก จึงเริ่ม
เล่นกับกล้องวงจรปิด พอเขาเดินไปทางซ้าย กล้องก็หันตามไปทางซ้าย เดินไปทางขวา กล้องก็หันไป
ทางขวา ฟั่นต้าถงก็สนุกละสิ ประเดี๋ยวก็กระโดดผึงไปทางซ้าย ประเดี๋ยวก็กระโดดผึงไปทางขวา
โบกไม้โบกมือให้กล้อง แล่บลิ้นปลิ้นตา ขณะที่เขากำลังสนุกสนานอยู่นั่นเอง ประกาศเสียงตามสาย
ของโรงเรียนก็ดังขึ้น เป็นเสียงของอาจารย์ฝ่ายปกครอง ตะคอกว่า
ประกาศจากฝ่ายปกครอง ประกาศจากฝ่ายปกครอง นักเรียนที่กระโดดไปกระโดดมาหน้ากล้อง
วงจรปิดที่ระเบียงห้องสองทับหก ให้มารายงานตัวที่ฝ่ายปกครองเดี๋ยวนี้ !
พวกเราทุกคนหัวเราะงอหายกับพฤติกรรมของเพื่อนพี่ชาย ขณะที่บรรยากาศกำลังครื้นเครงอยู่นั่นเอง
ผมก็ได้ยินเสียงดนตรีจากรถเก็บขยะดังมาแต่ไกล
เฮ้อ
อาทิตย์นี้ถึงคิวผมเป็นคนเทขยะอีกแล้ว จึงลุกขึ้นอย่างไม่เต็มใจ ขนถุงขยะวิ่งออกไปนอกประตู กด
ลิฟท์ ประตูลิฟท์เปิด เดินเข้าลิฟท์ ประตูลิฟท์ปิด ผมยืนมองกล้องวงจรปิดในลิฟท์อย่างเย็นชาแว่บห
นึ่ง จากนั้นก็ ห้า สี่ สาม สอง ลิฟท์ลงมาจนถึงชั้นหนึ่ง... แล้วประตูลิฟท์ก็เปิด ผมวิ่งอย่างรวดเร็วไป
ทิ้งขยะ และรีบวิ่งกลับมาที่ลิฟท์ กดลิฟท์ ขึ้นลิฟท์ ประตูลิฟท์ก็ปิดอีก เหล่กล้องวงจรปิดอีกที หนึ่ง
สอง สาม สี่ ลิฟท์กลับขึ้นมาถึงชั้นห้า พอประตูลิฟท์เปิดเท่านั้น ผมก็ร้องเสียงหลง
อ๊า--
พิงอยู่ข้างห้องใต้บันใดนั่นคือจักรยานของผม แม้จะไม่มีกองเลือด ตัวรถก็ยังถือว่าสีสันสดใส แต่
เบาะรองนั่งสิ ถูกมีดกรีดเสียจนยับเยิน จนกระทั่งฟองน้ำข้างในกระจุยกระจายอย่างไม่มีชิ้นดี
พอนึกถึงสถานที่เกิดเหตุ ของคดีฆาตกรรม เกิดอยู่ตรงหน้าบ้านพวกเรานั่นเอง ความรู้สึกนั้นทำให้
ผมต้องกรีดร้องเสียงหลงอีกรอบ
อ๊ะอ๊าอ๊า
เสียงร้องของผมทำให้คุณพ่อ คุณแม่ พี่ชาย และน้องสาวของผมรีบรุดมาดูอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ผมจะ
พยายามเน้นย้ำว่า คดีฆาตกรรมจักรยานเป็นเรื่องซีเรียส แต่ดูเหมือนนอกจากผมเพียงคนเดียว คนอื่น
ๆ ในที่เกิดเหตุล้วนแสดงสีหน้าตื่นเต้นแฝงดีใจนิด ๆ เสียอีก คงเป็นเพราะอ่านการ์ตูนหรือนิยาย
สืบสวนสอบสวนมากเกินไปหน่อย ไม่มีใครแสดงความรู้สึกระแวดระวังหรือเศร้าโศกตามที่ควรจะมี
กับที่เกิดเหตุฆาตกรรมเอาเสียเลย ทุกคนพากันยิงคำถามใส่ผม ความพิสดารของแต่ละคำถาม เกิน
จินตนาการของผมแทบทั้งสิ้น
คำถามประหลาด ๆ เหล่านี้แบ่งได้เป็นหลายประเภทดังต่อไปนี้ อย่างเช่นคำถามในส่วนของแม่ จะ
เป็นประเภทสุดขั้ว อย่างเช่น มีคนร้ายที่ไหนเพ่งเล็งลูกอยู่หรือเปล่า ? หรือไม่ก็ คนร้ายยังแอบอยู่
ตรงไหนของตึกนี้หรือเปล่า ?
คำถามของน้องสาว ตามหลักการแล้วสามารถจับเข้าประเภทคำถามปัญญาอ่อน ระดับความงี่เง่าของ
คำถามสามารถพิสูจน์ว่า ไม่ว่าเจ้าหล่อนจะเคยอ่านการ์ตูนโคนันหรือการ์ตูนอื่นใดอีกก็ตาม ล้วนอ่าน
เสียเที่ยวเปล่า
อย่างเช่น เฮียเจอเมื่อไหร่อ่ะ ก็เจอตอนที่ร้องตะกี๊อ่ะดิ
ทำไมเฮียต้องร้องด้วยอ่ะ ? ก็ทำไมจะร้องไม่ได้ละ
เฮียรู้ไหมว่าใครทำ ? ประสาท รู้แล้วจะร้องเหรอ ?
ที่ปัญญาอ่อนไปกว่านั้นคือ ตอนนี้เฮียรู้สึกยังไงบ้าง ? โธ่ถัง ผมยังรู้สึกอะไรอีกหละ หรือผมควร
จะพูดว่า จักรยานของผมได้รับเกียรติเป็นผู้เคราะห์ร้าย ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง หรือครับ ?
มีเพียงคนเดียวที่ดูเข้าท่าคือคุณพ่อ เดิมทีเดียวกำลังอ่านนิตยสารพวกซุบซิบอยู่ ตอนนี้เขาหนีบเล่ม
นิตยสารที่เต็มไปด้วยรูปแอบถ่าย และข่าวคราวเมาท์แตกไว้ใต้วงแขน เริ่มจากเดินไปตรวจสอบตรง
ขั้นบันได ตรวจสอบหน้าต่างทุกบาน แล้วก็ตรวจสอบฝ้าเพดาน เสร็จแล้วยังตรวจสอบจักรยานตั้งแต่
หัวจรดปลายอย่างละเอียด หลังจากทำทุกอย่างที่ดูเป็นมืออาชีพเหล่านี้เสร็จแล้ว ก็เริ่มตั้งคำถาม
ลูกเห็นจักรยานครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ?
ก็ตอนเลิกเรียน ผมกลับมาถึงบ้านปุ๊บก็เอาจักรยานออกไปขี่เล่นที่สนามข้างล่าง
ตอนนั้นเบาะนั่งยังอยู่ในสภาพที่ดีอยู่ใช่ไหม ?
ผมพยักหน้า
จากนั้นละ คุณพ่อถาม
อะไรจากนั้น ?
หลังจากขี่จักรยานเสร็จละ ?
ผมก็จูงจักรยาน กดลิฟท์ ลิฟท์เปิด จูงจักรยานเข้าลิฟท์ แล้วลิฟท์ก็ปิด... โอ๊ย ก็พวกนั้นนั่นแหละ
เหมือนทุก ๆ วันนั่นแหละ
เจอใครน่าสงสัยบ้างหรือเปล่า ?
ก่อนลิฟท์จะปิด ประตูลิฟท์ก็เปิดอีกครั้ง คุณลุงชิวที่อยู่ห้องตรงข้ามพาเสี่ยวเม่ยเข้ามาด้วย
เอ๋ ? คุณพ่อถามอย่างไว้ท่า เสี่ยวเม่ยอยู่โรงเรียนเดียวกับลูก พวกลูกควรจะกลับจากโรงเรียน
เวลาเดียวกันนี่นา ? ทำไมลูกถึงกลับบ้านมาก่อน ขี่จักรยานเล่นพักใหญ่แล้ว เขาเพิ่งจะกลับมาละ ?
เสี่ยวเม่ยนะเป็นเด็กดี ถึงแม้อายุจะน้อย ๆ แต่ทุก ๆ วันก็ไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม คุณแม่มอง
ผมด้วยสายตาค้อน ๆ แล้วพูดว่า ไม่เหมือนลูกชายบ้านคุณหรอก ตีให้ตายก็ไม่ยอมไปเรียน
เอ้ย กำลังทำคดีกันอยู่ไม่ใช่หรือ ? ทำไมจู่ ๆ ก็มีกระสุนบินว่อนกันอย่างนี้ ?
จากนั้นละ ? โชคดีที่คุณพ่อตั้งคำถามต่อไป
ผมก็สวัสดีคุณลุงชิว คุณลุงชิวบอกว่าผมเป็นเด็กดี ยังถามผมว่าจักรยานใหม่ได้มายังไง ? ผมบอก
ว่าประกวดเรียงความได้ที่สอง คุณพ่อซื้อให้เป็นรางวัล คุณลุงชิวก็ยิ่งดีใจใหญ่ ลูบหัวผมบอกว่าผม
นะ ทั้งเป็นเด็กดีทั้งฉลาด ยังบอกเสี่ยวเม่ยว่า ต้องเอาผมเป็นตัวอย่าง...
พอแล้ว ๆ คุณแม่พูดขึ้น เรื่องขี้โม้ขี้โอ่นะ ข้าม ๆ ไปก็แล้วกัน
จากนั้นละ ?
จากนั้นคุณลิงชิวก็ถามผมว่า ได้อ่านไบเบิลหรือเปล่า แล้วก็เริ่มบอกผมว่า พระเจ้ารักมนุษย์... พวก
เขาทั้งบ้านเป็นชาวคริสต์ที่เคร่งครัดศรัทธา วันทั้งวันเปิดปากปิดปากก็มีแต่ รัก รัก รัก อีกทั้งยังจับคุณ
ไว้ไม่ปล่อย ค่อนข้างน่ากลัว
ในส่วนนี้ก็ข้ามได้ คุณแม่บอก
ยังไงต่อ ?
ลิฟท์ก็เลื่อนขึ้นมาชั้นห้า จากนั้นประตูลิฟท์ก็เปิด
ลูกแน่ใจหรือว่าตอนนั้นเบาะนั่งยังปกติดีอยู่ ?
ผมพยักหน้า ก็ต้องปกติดีสิ หรือว่าเบาะนั่งจู่ ๆ จะขาดเองในลิฟท์ ธ่อ
คุณพ่อยืนกอดอก แล้วก็ลูบคางทำท่าครุ่นคิด สุดท้ายก็ให้ข้อสรุปที่ดูเหมือนมืออาชีพ แต่ไม่ค่อยจะมี
ประโยชน์นัก คุณพ่อบอกว่า
หมายความว่า เวลาที่จักรยานถูกทำร้าย เป็นช่วงเวลาระหว่างเสี่ยวพันกลับบ้านกินข้าว จนถึง
ออกไปทิ้งขยะ
ตลก ! ผมคิดในใจ แต่ปากกลับพูดว่า
อืม มีเหตุผล !
จากคุณ :
beer87
- [
5 ส.ค. 48 21:02:48
]