ตอนแรกผมไม่ได้สงสัยอะไรเกี่ยวกับการเห็นผู้หญิงชุดขาวทั้งตัวคนหนึ่ง ซึ่งไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ปรากฏตัวอยู่ในรัศมีสายตาเสมอ ไม่ว่าจะเป็นที่ทำงาน ตามถนนหนทาง บนรถเมล์ และสถานที่ต่างๆ ราวกับเธอกำลังติดตามความเคลื่อนไหวของผมตลอดเวลา
ที่จริงผมคิดว่าจะมากจะน้อยต้องรู้จักหรือไม่ก็เคยเห็นผู้คนทุกคนในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ดี เพราะผมทำงานอยู่ที่นี่มานาน ส่วนนานเท่าไรผมเองก็จำไม่ค่อยได้เท่าไร เพราะพักหลังรู้สึกเหมือนเป็นคนล้มละลายทางความจำชอบกล หมอบอกว่าอาจเป็นเพราะโลหะหนักที่ปะปนมากับอาหาร แต่ผมเองก็ไม่แน่ใจในเรื่องนี้เท่าไร
แต่ผู้หญิงชุดขาวคนนั้น ผมแน่ใจว่าเธอไม่ใช่คนเมืองนี้แน่นอน คุณว่ามันน่าแปลกไหมล่ะที่ผมพบเธอทุกวัน วันละหลาย ๆ ครั้ง
บางครั้งผมเคยเดินแหวกผู้คนเพื่อจะเข้าไปถามเธอตรงๆ แต่เธอก็ถูกกลืนหายไปกับฝูงชนมากมายตามถนนอย่างไม่น่าเชื่อ บางครั้งเห็นหลังเธอไวๆ อยู่หัวมุมถนน พอวิ่งตามไปก็พบว่าเธอหายลับไปกับมุมตึกราวกับกลายเป็นอากาศธาตุ บางครั้งผมนั่งรับประทานอาหารอยู่ในร้านอาหาร เห็นเธอยืนมองผ่านกระจกร้านเข้ามา สายตาของตาจ้องมองไปตรงๆ ไม่ได้จับจ้องมาที่ผม แต่ผมกลับรู้สึกว่าเธอกำลังจ้องมองด้วยสายตาที่ไม่อาจทายถูกว่าใบหน้าเย็นชาไร้ความรู้สึกนั้นกำลังคิดอะไรอยู่
ผมเคยเล่าเรื่องนี้ให้ภรรยาฟัง แต่สุดที่รักแห่งผมกลับหัวเราะเหมือนเป็นเรื่องตลกเสียเต็มประดา
คุณคงคิดมากไปเอง
เธอว่า สีหน้าท่าทางไม่วิตกทุกข์ร้อนอะไรกับความทุกข์ร้อนของสามีตัวเอง
มันคงเป็นเรื่องบังเอิญ ไม่แปลกหรอกที่คุณจะเจอใครคนหนึ่งโดยบังเอิญ คุณไม่ต้องไปสนใจอะไร ก็จบเรื่อง เธอไม่มายุ่งอะไรกับคุณหรอก เชื่อเถอะค่ะ
ผมอยากเชื่อแบบนั้นเหมือนกัน แต่ไม่มองข้ามไหล่ของภรรยาที่รัก ไปเห็น เธอ คนนั้นกำลังยืนนิ่งอยู่สนามหญ้าหน้าบ้าน และเดินหลบหายไปอย่างรวดเร็วก่อนที่ผมจะมีโอกาสชี้มือให้ภรรยาดู
แบบนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน เสียงหมาหน้าบ้านเห่ากรรโชกครู่หนึ่งเหมือนเห็นคนบุกรุกเข้ามา นั่นทำให้รู้ว่าไม่ได้ตาฝาด
การปรากฏตัวของเธอบ่อยมากขึ้น และระยะทางก็ใกล้เข้ามาทุกที ผมคิดว่าแบบนี้ไม่นานเธอคงจะเข้ามาใกล้จนสามารถจับตัวมาเค้นคอซักถามหาความจริงได้ แต่ขณะเดียวกันผมก็รู้สึกขนลุกอย่างไม่มีเหตุผลทั้งที่เธอยังไม่มีทีท่าคุกคามทำร้ายอะไรผมเลย
แต่บางครั้งการนิ่งเฉยไร้ความรู้สึกสีหน้าท่าทางว่างเปล่ากลับน่ากลัวกว่าการมีทีท่าคุกคามทำร้ายเสียอีก
ผมคิดว่าบางทีอาจต้องไปพบจิตแพทย์ แต่ก็ควรจะตรวจสอบทดลองอะไรบางอย่างให้แน่ใจเสียก่อน ดังนั้นผมจึงพกกล้องถ่ายรูปขนาดเล็กติดตัวเสมอ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือที่ทำงาน มีเวลาว่างผมมักจะหัด ชักกล้องถ่ายรูป ให้รวดเร็วฉับไว ในทำนองเดียวกันกับพวกมือปืนตะวักตกสมัยที่นิยมดวลปืนกันสนั่นเมือง ต่างกันตรงที่ผมใช้กล้องแทนปืนเท่านั้น
ดึงกล้องออกจากกระเป๋า- สะบัดกล้องจับภาพ-กดชัตเตอร์ ต้องรวดเร็วแม่นยำ บางครั้งผมถึงกับหัดถ่ายรูปในขณะกำลังพุ่งตัวเอียงไปด้านข้าง ราวกับมือปืนที่พุงกายหลบกระสุนและยิงสวนออกไป ผมทำถึงขนาดนั้นเพื่อความมั่นใจว่าจะไม่พลาด
แล้วโอกาสก็เป็นของผมในคืนหนึ่ง คืนที่อากาศเย็นสบาย ฝนเพิ่งหยุดตกไปได้ไม่นาน แต่ยังคงมีเสียงฟ้าคำรนคำรามเป็นระยะ และฝนพรำาบางช่วง แสงสว่างจากสายฟ้าวูบวาบเป็นระยะ ผมเปิดหน้าต่างรับลมปนไอเย็น
ในขณะที่เคลิ้มๆ เธอก็ปรากฏตัวขึ้นนอกหน้าต่าง อะไรก็ไม่รู้เหมือนกันทำให้ผมมองเห็นเธอทั้งที่จะหลับแล้ว ด้านนอกไม่มีกันสาดและเป็นชั้นสองของบ้าน เธอปรากฏกายได้อย่างไร..ผมรู้ว่าเป็นเธอแน่นอนใบหน้านั้นซ่อนในความมืดผมเผ้าปลิวสยายราวภาพในฝันร้าย วินาทีแรกผมรู้สึกตัวเย็นเฉียบ โลกทั้งโลกเหมือนหยุดนิ่งไปชั่วขณะ เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกว่ากลัวหรือตื่นเต้นกันแน่ที่มากกว่า แต่พอได้สติผมก็สะบัดผ้าห่มออกจากร่าง คว้ากล้องออกมาจากใต้หมอนพลิกตัวลงจากเตียงวาดหน้ากล้องไปยังเป้าหมายอย่างรวดเร็วอย่างชำนาญชัดเจนเพราะฝึกมานับครั้งไม่ถ้วน
เสียงฟ้ากัมปนาทกึกก้องจังหวะที่ผมกดชัตเตอร์พอดี ราวกับผมกำลังลั่นปืนใหญ่ออกไป ไฟแฟลชสว่างวาบจับภาพที่ต้องการปานจับวาง ผีก็ผีเถอะ คงนึกไม่ถึงว่าจะมีมนุษย์หน้าไหนฝึกถ่ายรูปได้รวดเร็วราวสายฟ้าขนาดนี้
เมื่อสายฟ้าด้านนอกสว่างวาบอีกครั้ง เธอก็หายไปแล้ว
ผมนั่งคุกเข่าข้างหนึ่งข้างเตียงมือถือกล้องแน่นิ่ง ซึ่งถ้าถ่ายรูปตัวเองได้ในขณะนั้นจะเห็นว่าท่าเท่ห์มากจนไม่อยากเปลี่ยนอริยาบท ในความรู้สึกเดียวกับยอดมือปืนผู้ซึ่งเพิ่งลั่นกระสุนสอยศัตรูร่วงลงไปจากหน้าต่าง ทั้งอิ่มเอมทั้งเท่ห์ทั้งสะใจ
ที่รัก..คุณทำบ้าอะไรอยู่ข้างล่าง
ภรรยาร้องอย่างตกใจ จังหวะที่สะบัดผ้าห่มออกจากตัวคงทำให้เธอสะดุ้งตื่น และยังคงเห็นผมนั่งในท่าเท่ห์ไม่ยอมลุก
ผมยิ้มที่มุมปากอย่างผู้ชนะก่อนหันไปบอกเธอว่า
ผมทำสำเร็จแล้ว ที่รัก ผมเพิ่งถ่ายรูปเธอคนนั้นได้ตรงหน้าต่างเมื่อครู่ ทีนี้คุณจะรู้ว่าที่ผมเคยเล่าให้ฟังเป็นเรื่องจริง เธอมาถึงที่นี่ ผมไม่ได้ตาฝาดและคิดไปเอง..พรุ่งนี้เราจะรู้กันเมื่อผมเอาฟิล์มไปล้างมาให้คุณดู
+++++
เมื่อทำการล้างฟิล์มจัดการออกมาจนเป็นภาพ นอกจากภาพที่ถ่ายสัพเพเหระแล้ว ไม่มีภาพผู้หญิงคนนั้นเลย มีเพียงภาพถ่ายใบหนึ่งเป็นภาพหน้าต่างว่างเปล่า.....ถ้าคุณคิดแบบนี้คุณคิดผิดแน่นอน เพราะที่จริงมีภาพใบหนึ่งซึ่งแสดงถึงความมีตัวตนของเธอ.... ภาพผู้หญิงโผล่ครึ่งร่างอยู่ที่หน้าต่างชัดเจนพอสมควร เธอเป็นคนเดียวกับคนที่คอยปรากฏกายให้เห็นอย่างน่ากลัวและน่าพิศวงคนนั้นนั่นเอง
ผมกำชัยชนะในมือแนบแน่นจนมาถึงบ้าน แล้วโลดแล่นเอาไปให้ภรรยาซึ่งกำลังทำกับข้าวอยู่ห้องครัว
ดูสิที่รัก....นี่เป็นภาพที่ผมถ่ายได้เมื่อคืน เชื่อแล้วใช่ไหมว่าผมไม่ได้บ้า
ภรรยาหันมามองภาพถ่ายในมือของผมซึ่งยืนให้ดูแล้วหัวเราะบอกว่า
คุณเข้าใจเล่นตลก นี่คงไปให้ร้านถ่ายรูปตัดต่อรูปเอามาหลอกฉันล่ะสิ
ชัยชนะของผมแทบลาลับดับหายไป ณ บัดนั้น อะไรกันนี่ เธอไม่ได้สนใจให้ความสำคัญกับเรื่องสำคัญแบบนี้เลย ยังหาว่าเป็นเรื่องล้อเล่นอีก
ผมไม่ได้ทำอะไรตลกร้ายแบบนั้นหรอก
ผมอธิบายอย่างอดทนทั้งที่ความเชื่อมั่นในมนุษยชาติกำลังลดฮวบราวหุ้นดิ่งนรก
มันเป็นภาพที่ถ่ายได้จริงๆ เมื่อคืนนี้ ผมจะหลอกคุณไปทำไม เห็นไหมว่าผู้หญิงคนนี้มีตัวตนเองๆ
แล้วเธอออกไปอยู่นอกหน้าต่างได้ยังไงล่ะคะ
เธอหันไปหั่นพักต่อ คำถามนั้นก็ดูเหมือนถามพอเป็นพิธีมากกว่าจะสนใจถามอย่างจริงจัง
แล้วจะตอบอย่างไรดีล่ะ
เธอเป็นผี
ผมตอนสั้นๆ พอได้ยินเสียงภรรยาหัวเราะ จึงเดินคอตกออกมาจากห้องครัวอย่างรันทดหดหู่ พวกผู้หญิงบางทีทำไมไม่ยอมคิดยอมฟังเหตุผลกันเลย ถ้าขืนคุยต่อไปผมคงกลายเป็นคนบ้าเต็มขั้นในสายตาของเธอแน่ๆ
เธอยืนอยู่บนชั้นสอง สายตาไร้ความรู้สึกจ้องมองตรงมา แต่เป็นการจ้องมองที่เวิ้งว้างว่างเปล่าเหลือเกิน ความเวิ้งว้างว่างเปล่าที่เย็นเฉียบจนแทบทำให้เลือดจับตัวเป็นก้อน นี่เธอถึงขั้นบุกรุกเข้ามาในบ้านซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวของครอบครัวผมเข้าให้แล้วหรือนี่.......
แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 48 21:52:12
แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 48 21:47:38
จากคุณ :
Psycho man
- [
6 ส.ค. 48 21:41:34
]