เมื่อกลางปีที่ผ่านมา วินัยได้ขึ้นเงินเดือน หลังจากที่ทำงานหนักมา 5 ปี แต่เรื่องนั้นไม่ได้สลักสำคัญอะไร ถ้าเทียบกับเรื่องงานเลี้ยงที่จะจัดขึ้นใจคืนนี้ จัดขึ้นเพื่อประกาศความสำเร็จของผู้หญิงคนหนึ่ง
ผู้หญิงซึ่งผู้ชายทั่วประเทศแอบฝันถึง แต่วินัยไม่เชื่อว่าจะมีใครฝันถึงเธอได้บ่อยเท่ากับเขา เขาฝันถึงเธอทุกวัน ทุกคืนไม่มีเบื่อ
ยุวดี กิตติเกษม คือชื่อของผู้หญิงคนนั้น
ชื่อในการแสดงของเธอ คือ โอ๋ ยุวดี เธอเป็นที่รู้จักครั้งแรกในมิวสิควีดีโอเพลง มากกว่าคำว่ารักเธอ คงจะไม่เกินเลยนัก ถ้าจะบอกว่า โอ๋ ยุวดี ดังยิ่งกว่านักร้องที่ร้องเพลงนั้นซะอีก หลังจากนั้นงานละคร งานโฆษณามากมายก็มุ่งหน้ามาหาเธอ ตอนนั้นเธอมีอายุแค่ 14 ปีเท่านั้น
วินัยยิ้มที่มุมปาก เขาเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ หลับตานึกถึงครั้งแรกที่เขาเห็นเธอ วันเวลา
ไหลทวนกระแสน้ำของกาลเวลามาอย่างง่ายดาย
เพลง มากกว่าคำว่ารักเธอ โด่งดังในช่วงที่วินัยกำลังจะฆ่าตัวตาย
วินัยไม่ใช่คนเจ้าชู้ แต่เขาอกหักเพราะรักข้างเดียว เพราะความไม่ประสีประสาในความรักของเขามากกว่า และตอนนั้นเองที่เขาได้ยินเพลง มากกว่าคำว่ารักเธอ
มากกว่าคำว่ารักเธอ
ยิ่งกว่าการได้พบเธอ
เหนือทุกสิ่ง ทุกอย่าง
จะนานสักเท่าไหร่ ใจชั้นให้เธอ...หมดใจ
ตัวฉันขอยืนยัน
ความรู้สึกที่ให้ไป...มากกว่าคำว่ารักเธอ
ตอนนั้นวินัยยกมือปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ความรู้สึกมากมายคละเคล้าปนเปกัน เขารู้สึกสงสารตัวเองอยู่บ้าง แต่โดยหลัก ๆ แล้ว วินัยสงสารเธอมากกว่าตัวของเขาเอง เธอถูกทำร้ายเพราะเชื่อใจในคำว่ารัก เธอตกเป็นเหยื่อ เขามองเธอคุกเข่าอ้อนวอนให้ผู้ชายคนนั้นกลับมา แต่ก็เปล่าประโยชน์ เธอได้รับชะตากรรมเดียวกับเขาไม่ผิดเพี้ยน วินัยรู้สึกหลงรักผู้หญิงคนนั้นอย่างจับใจ
โอ๋ ยุวดี คือรักแท้ของวินัย
ตลอด 5 ปีมานี้ วินัยทำงานหนักชนิดที่เรียกว่าเดือน ๆ หนึ่ง เขาแทบจะไม่กลับบ้านเลย วินัยกินอยู่หลับนอนที่ทำงาน เสื้อผ้าที่ใส่ พอครบ 7 วันก็ส่งร้านซักรีดที
แต่ละคืน วินัยจะนั่งอยู่ในห้องตัดต่อ และที่นั่นเองที่เขาจะพบกับเธอ
ตอนที่วินัยเรียนจบใหม่ ๆ เขาแทบจะคุกเข่าอ้อนวอนบริษัทให้รับเขาเป็นเด็กฝึกงาน เหตุผลเดียวที่เขายอมทำขนาดนั้น ก็เพียงเพราะบริษัทนี้เป็นบริษัทต้นสังกัดของผู้หญิงที่เขารัก วินัยต้องการจะใกล้ชิดกับโอ๋ เขาต้องการจ้องมองทุกสัดส่วนของเธอได้อย่างเจ้าข้าวเจ้าของ และปฏิเสธการจ้องมองอย่างแมวขโมย วินัยรู้ตัวดีว่าเขาไม่ชอบลักษณะการทำงานในกองถ่าย เขาไม่สามารถทนกับการทำงานกับคนจำนวนมาก ๆ ได้โดยไม่หงุดหงิด และที่สำคัญเขาไม่สามารถจ้องมองทุกสัดส่วนของโอ๋ได้โดยเธอไม่รังเกียจ ดังนั้นวินัยจึงเลือกที่จะทำงานในส่วนของการลำดับภาพ
ไม่ช้าไม่นานต่อมา เมื่อบริษัทได้เห็นความตั้งใจในการทำงานของวินัย เขาก็ได้รับความไว้วางใจและได้รับการบรรจุเป็นพนักงานตัดต่อของบริษัทอย่างเป็นทางการในที่สุด
ทุกวันทุกคืนเขาอยู่ที่นี่ ในห้องที่เต็มไปด้วยเครื่องมือตัดต่อ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเล่นเทปเบต้า คอมพิวเตอร์ ลังเทป footage และอีกสารพัดอย่าง ที่อัดแน่นอยู่เต็มห้อง
วินัยทำงานทุกวันไม่เคยหยุด และสิ่งที่เขาทำก็คือการตัดต่อละครที่โอ๋ ยุวดีเป็นนางเอกนั่นเอง เขาตัดต่อละครที่เธอเล่นทุกเรื่อง ทุกวัน บางครั้งโฆษณาสินค้าบางตัว ที่เธอเป็นพรีเซนเตอร์ก็ผ่านฝีมือการตัดต่อของเขา วินัยสามารถบอกได้เลยว่า คำไหนที่โอ๋ ยุวดีพูดไม่ได้ คำไหนที่พูดแล้วต้องเทค เวลาเดินเธอก้าวเท้าไหนก่อน เขารู้ล่วงหน้าว่าเธอจะหยิบแก้วน้ำด้วยมือไหน ยิ่งช่วงปีที่ผ่านมา ทางบริษัทได้ผลิตรายการให้โอ๋ ยุวดี เป็นพิธีกร และแน่นอนว่าคนตัดต่อนั้นไม่ใช่ใครอื่น นอกจากวินัย หลายคนเป็นห่วงว่าเขาจะทำงานไม่ไหว แต่เขาพูดยิ้ม ๆ ว่า
สบายมาก
หลังจากที่วินัยตัดรายการได้ไม่นาน เขาก็ได้ค้นพบสิ่งที่ยิ่งใหญ่ นั่นคือแทนที่เขาจะรู้ล่วงหน้าว่า โอ๋ ยุวดี จะก้าวเท้าข้างไหน จะแสดงสีหน้ายังไง แต่ตอนนี้เขากลับล่วงรู้ไปถึงความคิดของเธอ
จริงอยู่ว่า คำถามที่เธอใช้ถามในรายการส่วนหนึ่งมาจากบรรดา creative ของบริษัท แต่บางคำถามจะต้องมาจากไหวพริบของพิธีกร อย่างที่เขาว่ากันว่าถ้าอยากจะรู้จักตัวตนที่แท้จริงของดาราให้มองตอนที่เธอหรือเขาเป็นพิธีกร เพราะตอนนั้นเขาหรือเธอจะเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด
วินัยนั่งตัดรายการตาม script ที่ได้จาก creative และเขาได้พบความจริงว่า โอ๋ ยุวดี ถามตาม script ไม่กี่คำถาม และนี่เองที่ทำให้วินัยซึมซับวิธีคิดของโอ๋ ยุวดีอย่างหมดจด
แม้ว่าวินัยจะรู้จักโอ๋ ยุวดี มากแค่ไหนก็ตาม แต่ในทางกลับกัน โอ๋ ยุวดีกลับไม่เคยรู้เลยว่าในโลกนี้ มีเขาอยู่
จนกระทั่งเมื่อตอนเย็นที่ผ่านมา
เป็นเวลาเย็นมากแล้วตอนที่ โอ๋ ยุวดี ก้าวเท้าเข้ามาในห้องตัดต่อ พร้อมกับพี่เอกซึ่งเป็นเจ้าของบริษัท
เฮ้ย วินัยดูสิใครแวะมาเยี่ยม
วินัยหมุนเก้าอี้ไปทางต้นเสียง แล้วตาเบิกโพลง
สวัสดีค่ะ พี่ โอ๋ ยุวดีทักเขาอย่างคุ้นเคย ทั้ง ๆ ที่เธอไม่เคยรู้จักเขามาก่อน เธอเดินมานั่งที่โซฟา แล้ววางกระเป๋าถือไว้ข้างตัว
วินัยรับไหว้อย่างงง ๆ
วันนี้น้องเขา อยากจะเข้ามาเยี่ยมคนที่ตัดต่องานให้เขามาตลอดน่ะ พี่เอกแอบขยิบตาให้วินัย คุยกันไปก่อนนะ
หลังจากนั้น 2- 3 นาที ความเคอะเขินของคนทั้งคู่ก็หายไป โอ๋รู้สึกแปลกใจ ที่ไม่ว่าเธอจะขยับทำอะไร ผู้ชายที่ชื่อวินัยก็คล้ายจะรู้ทันความคิดของเธอไปซะทุกอย่าง เพราะแค่เธอรู้สึกหิวน้ำ เขาก็กดอินเตอร์คอมบอกชั้นล่างทันที
เอาน้ำมะนาวนะ ใส่น้ำเชื่อมมาช้อนหนึ่งด้วย วินัยพูดใส่ทางอินเตอร์คอม ก่อนจะหันมายิ้มให้กับโอ๋ น้ำมะนาวดีที่สุดจริงไหม
ค่ะ เธอยิ้มพร้อมกับตอบ
ไม่นานแม่บ้านก็ถือน้ำมะนาว 2 แก้วเข้ามาในห้องตัดต่อ ส่งให้โอ๋หนึ่งแก้ว วินัยหนึ่งแก้ว
ปกติ เขาห้ามเอาอาหาร เครื่องดื่มเข้ามาในนี้ แต่วันนี้เป็นกรณีพิเศษ วินัยบอกกับโอ๋พร้อมรอยยิ้ม
เห็นพี่เอกบอกว่า พี่วินัยทำงานที่นี่มานานแล้ว
5 ปีแล้วครับ เขายิ้มตอบเธอเล็กน้อย พี่อยากขอบคุณโอ๋มาตลอด
ขอบคุณเรื่องอะไรคะ เธอนึกสงสัยในใจ
5 ปีที่แล้ว ตอนที่พี่ดู MV. มากกว่าคำว่ารักกันที่โอ๋เป็นนางเอก... เขาเว้นวรรคเล็กน้อย ...มันทำให้พี่อยากมีอาชีพเป็นคนตัดต่อ
ทำไมล่ะค่ะ
พี่อยากตัดทุกอย่างที่โอ๋เล่น... โอ๋เห็นรอยยิ้มของวินัยค่อย ๆ เลือนหายไป ...พี่รู้ว่านอกจากพี่แล้วไม่มีใครหรอก ที่จะตั้งใจทำให้ภาพออกมาดีเพื่อโอ๋จริง ๆ
...คนอื่น ๆ อาจจะตัดไปตามหน้าที่เพื่อรอรับเงินตอนสิ้นเดือน แต่พี่ทำงานเพื่อให้โอ๋ ยุวดี ได้เป็นผู้หญิงในอุดมคติ โอ๋ สังเกตเห็นวินัยกำมือแน่นเกร็งจนเส้นเลือดปูดออกมา
เมื่อเขาพูดจบ โอ๋ไม่รู้ควรจะกลัวหรือขอบคุณเขาดี แต่รวม ๆ แล้วเธอรู้สึกขนลุกเมื่อสบสายตากับเขา
ประตูห้องตัดต่อ ถูกเปิดขึ้น พี่เอกเดินเข้ามา
เป็นไง คุยกันสนุกไหม
โอ๋นิ่งได้แต่ยิ้มตอบ วินัยเองก็เช่นกัน
อ้าว นิ่งกันทั้งคู่เลย... พี่เอกหัวเราะ ...โอ๋ พี่มีประชุมด่วนนะ ยังไงงานคืนนี้พี่จะไปช้าหน่อย ไปก่อนได้เลยนะ ไม่ต้องรอ พี่เอกหันหลังทำท่าจะเดินออกจากห้อง แต่เหมือนว่านึกอะไรได้จึงหันกลับมา
วินัย นายเองก็ไปให้ได้นะ... ความรู้สึกขอบคุณอย่างจริงใจฉายออกมาในแววตาของพี่เอก ...งานคืนนี้จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้านายไม่ได้มาทำงานที่นี่
โอ๋และวินัยพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน แล้วพี่เอกก็ปิดประตูเดินออกจากห้องไป
ความเงียบปกคลุมห้อง จนโอ๋เริ่มรู้สึกอึดอัด ใจจริงเธออยากจะลุกเดินหนีออกจากห้องนี้ไป เพราะเธอสัมผัสได้ถึงความรู้สึกไม่ชอบมาพากล แต่เธอก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมเธอจึงยังต้องนั่งอยู่ในห้องกับวินัย
กลัวพี่เหรอ วินัยพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ
โอ๋ส่ายหน้า
โอ๋ ยุวดี ไม่ใช่คนที่จะทำอะไรฝืนความรู้สึกของตัวเองนี่นา แล้วในความเงียบวินัยก็ดีดนิ้วดัง เปาะ
...ใช่สินะ เพราะพี่เอก
โอ๋นั่งเงียบ แต่ทุกคำพูดของวินัยแทงถูกใจดำของเธอทั้งสิ้น
หลังจากที่ผ่านผู้ชายมากหน้าหลายตา ไม่มีสักครั้งที่เธอเคยพบเจอกับความรัก ทุก ๆ ครั้ง มันก็เป็นแค่ความต้องการทางสรีระ เธอไม่เคยรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับใคร แม้ในยามร่วมรัก ที่อวัยวะของฝ่ายตรงข้ามอยู่ในร่างกายของเธอ โอ๋ก็ไม่เคยรู้เป็นหนึ่งเดียวกับใคร ตรงกันข้ามเธอกลับรู้สึกอ้างว้างด้วยซ้ำไป
แม้แต่พี่เอก พี่เอกอายุห่างกับเธอร่วมสิบห้าปี โอ๋เชื่อว่าพี่เอกไม่ได้รักเธอ และเธอรู้ว่าตัวเธอเองก็ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับพี่เอก
มันก็เป็นแค่เรื่องผลประโยชน์
ร่วมไปถึงการที่เธอต้องนั่งอยู่ในห้องตัดต่อกับผู้ชายท่าทางไม่ปกติอย่างวินัย หากพี่เอกไม่ขอร้อง เธอเองก็ไม่คิดจะมาเหยียบที่นี่หรอก
พี่เอกขอร้องให้มาที่นี่ใช่ไหม
โอ๋นิ่งเงียบ
เขารู้สินะ ว่าพี่อยากจะเจอโอ๋ วินัยจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ
พี่วินัย พี่เป็นบ้าหรือเปล่า โอ๋พยายามทำน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุด
เขายิ้มก่อนตอบ อยากรู้ไหมว่าคนบ้าเป็นยังไง...
...มีคนประเภทหนึ่ง ที่มันไม่รู้จักพอ ชีวิตของไอ้คนพรรค์นี้มันมีแต่ผลประโยชน์ ต่อให้มีคนพยายามปั้นให้ออกมาดูดีแค่ไหน สุดท้ายก็ไม่มีประโยชน์เพราะข้างในมันเน่าไปหมดแล้ว... เสียงของวินัยบ่งบอกความเศร้ามากกว่าจะมีน้ำเสียงโกรธเคือง
...ไม่น่าเชื่อ ว่าโอ๋ ยุวดีจะกลายเป็นคนประเภทนั้นไปได้
แล้วมันผิดตรงไหน...ตัวจริงของโอ๋ก็เป็นอย่างนี้แหละ แบบที่เน่า ๆ นี่แหละ แล้วไง สุดท้ายแกก็คงจะอยากนอนกับชั้นเหมือนกับคนอื่น ๆ น่ะแหละ เสียงของโอ๋ดังขึ้นจนกลายเป็นเสียงตวาด
สิ้นเสียงคำสุดท้ายโอ๋ ยุวดี ดันตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว เธอไม่ต้องการที่ทนอยู่กับผู้ชายคนนี้อีกต่อไป
แต่ไม่เร็วไปกว่าวินัยที่โถมร่างพร้อมกับใช้มือปิดปากที่ปล่อยถ้อยคำอันแสลงหูของเขาให้เงียบเสียงลง
ตอนนี้เพิ่งจะทุ่มกว่า ๆ เท่านั้น แต่ที่บริษัทกลับเงียบสงบ ผิดไปจากทุกวันที่ทุกคนยังวิ่งวุ่นปั่นงานกันไม่ลืมหูลืมตา แต่สำหรับวันนี้ไม่เหลือใครอยู่ที่บริษัทแล้วนอกจาก รปภ.
ป่านนี้คนอื่น ๆ คงไปถึงงานเลี้ยงกันแล้ว อีกสักพักเขาเองก็คงต้องไปเหมือนกัน แต่วินัยตัดสินใจแล้ว ว่าเขาจะไปในนามของโอ๋ ยุวดี ไม่ว่าเธอจะเป็นยังไง เขาก็เกลียดเธอไม่ลงหรอก
วินัยหยิบหน้าของโอ๋ ยุวดีที่เพิ่งถลกออกมาอย่างถนอม เขาวางหน้าของเธอทาบบนหน้าของเขา และใช้เข็มกับด้าย ค่อย ๆ เย็บหน้าของเธอกับหน้าของเขาเข้าด้วยกัน
ตอนนี้เขารู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับเธออย่างแท้จริง
จากคุณ :
CU.
- [
7 ส.ค. 48 13:47:09
]