สายฝนที่ตกกระหน่ำมาช่วงเย็น ทำให้บรรยากาศคลายความอบอ้าวไปได้
อาคารมากมาย พากันเปิดไฟยามค่ำคืน แข่งกันส่องแสงท่ามกลางความมืดเมื่อตะวันลับฟ้า
เป็นไฟนำทางสำหรับผู้คนที่ยังอยู่ตามท้องถนน...
ช่างเป็นบรรยากาศที่เย็นสบายจากทุกวันที่ฉันต้องติดอยู่บนถนนธุรกิจสายนี้...
เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่ฉันนั่งกลับบ้านทุกวัน.....แต่วันนี้กลับไม่เหมือนทุกวัน...
แม้อากาศจะเย็นสบาย...แต่วันนี้จิตใจฉันช่างร้อนรุ่ม กระวนกระวายกว่าทุกวัน
จะว่า..เป็นเพราะรถติดก็ไม่ใช่... ในเมื่อรถเมล์คันนี้ ทันสมัยเหลือเกิน
คนขับอุตสาห์เปิดเพลงโลโซดังลั่นรถ..เพื่อลดความเบื่อหน่ายในภาวะการณ์จราจรที่รถติด....
เสียงเพลงในรถยังทำหน้าที่ขับกล่อมผุ้โดยสารอย่างดี..
"ปานนี้ จะเป็นอย่างไร จากมาไกล แสนไกล คิดถึง คิดถึงบ้าน จากมาตั้งนาน เมื่อไรจะได้กลับ... แม่จ๋า แม่รู้บ้างไหม ว่าดวงใจ ดวงนี้เป็นห่วง จากลูกน้อย...
อยากอยู่เงียบๆนะพี่ขอร้อง ดูซิไล่น้องเห็นเป็นคนอื่นไกล อยากอยู่คนเดียวสักพักได้ไหม จะแอบร้องไห้เสียน้ำตาก็บอกมาเลย... เสียงโทรศัพท์ฉันเอง ที่ดังแทรกขึ้นมา(คนละอารมณ์เลยเพลง)ในเพลงโลโซ....ฉันเห็น miss call ขึ้นที่โทรศัพท์ แม่ฉันเองที่โทรมา...
แต่ฉันไม่อยากรับสายเลย..ฉันงอน!!! รู้จักมั้ยงอน.... เรื่องเล็กนิดเดียว.. แต่มันติดในใจฉัน....
แม่นัดฉันช็อปปิ้งวันนี้...แต่แม่ไม่รอฉัน ..แม่ไปก่อน...ไปช็อปปิ้งกับพี่สาวฉัน....ฉันเคือง....ฉันเคือง...ฉันไม่พอใจ...ฉันรู้มันงี่เง้า.....
อยากอยู่เงียบๆนะพี่ขอร้อง ดูซิไล่น้องเห็นเป็นคนอื่นไกล
อยากอยู่คนเดียวสักพักได้ไหม จะแอบร้องไห้เสียน้ำตาก็บอกมาเลย ..เสียงเมโรลี่...โทรศัพท์ฉันดังขึ้นมาอีกครั้งแล้ว.....ฉันตัดสายทิ้ง...ไม่ยอมรับโทรศัพท์..นี่ฉันบ้าหรือเปล่า.... ก็ฉันยังไม่พร้อมที่จะคุยนี่ (เคยเป็นกันบ้างมั้ย อารมณ์แบบนี้)
ฉันมองดูสายฝนที่ตกพร่ำ ๆ ไม่มีทีถ้าจะหยุด.........แล้วฉันก็ได้ยิน....คิดถึงแม่ขึ้นมา น้ำตามมันก็ไหล อยากกลับไป ซบลงที่ตักแม่ ในอ้อมกอด รักจริง ที่เที่ยงแท้ ในอกแม่สุขเกินกว่าใคร เพลงของโลโซ...ที่ดังลั่นในรถ....ทำให้ฉันคิดถึงแม่...ฉันย้อนนึกไปถึงตอนเมื่อยังเป็นเด็ก.....
แม่จ๋า...ทำไมหนูถึงได้เกิดมา ฉันไม่รู้เลยทำไมตอนนั้นฉันไม่ถามเหมือนเด็กทั่วไปที่ถามแม่ว่า..แม่จ๋าหนูเกิดมาจากไหน..
แม่กลับมองหน้าฉันและยิ้ม หนุก็เกิดมาจากความตั้งใจของแม่นะสิ เพราะแม่ต้องการหนูจ๊ะ
แล้วแม่ก็เริ่มเล่าให้ฉันฟัง....แม่มีลูกแล้ว 2 คน คือพี่สาว และพี่ชาย ของฉัน ห่างกัน 3 ปี..
วันหนึ่งพี่สาวกับพี่ชายฉันแย่งขนมกันกิน ต่างคนต่างไม่ยอมกัน..แม่ก็เลยหยิบขนมเจ้าปัญหานั่นทิ้งขยะเลยจะได้ไม่ต้องแย่งกัน....แม่บอกว่าวูบนั่น..อยู่ ๆ ก็คิดว่าถ้ามีลูกเพิ่มอีกคนก็ดี.... แม่ก็เลยเลิกคุมกำเนิด โดยเอาห่วงออก...(ฉันก็ไม่รู้นะมันเป็นไง) และไม่บอกพ่อด้วย....
และแล้ววันที่แม่รอคอยก็มาถึง...วันที่แม่มีฉัน...
แม่เล่าว่าตอนท้องฉันนั้นไม่แพ้เลย..เหมือนฉันจะรู้ว่าพ่ออยู่ไกล..เลยไม่กวนแม่ตอนท้องเลย....
ที่เด็ดสุด!! ที่ฉันจำไม่เคยลืมเลย...เรื่องราวก่อนที่แม่จะคลอดฉัน...
ใครจะเชื่อว่าแม่ฉันที่ท้องได้ 7 เดือนหน่อย ๆ อยากดูหนังขึ้นมา....
แม่พาลูก 3 คน รวมทั้งฉันที่อยู่ในท้องไปดูหนัง....แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น....
ไฟไหม้จ๊ะ... ไม่ใช่ในหนังที่ดูนะไฟไหม้.... นี่เรื่องจริง... ไฟไหม้โรงหนัง..ที่แม่กำลังดู
ดวงตาของแม่ดูครุ่นคิดเมื่อเล่าเรื่องวันนั้น...
ฉันได้แต่มองหน้าแม่.. แล้วแม่ทำไงตอนนั้น.. พี่สาวฉันได้ถามแทนสิ่งฉันตั้งใจถาม...
แม่มองกวาดสายตามองหน้าเราพี่น้องแต่ละคน...หนี แม่พูดประโยคเดียวเท่านั้น
สักพักแม่จึงเริ่มเล่าให้พวกเราฟัง...
บ่ายวันนั้นที่เริ่มมีคนตะโกนลั่นโรงหนัง...ไฟไหม้..ไฟไหม้..ไฟไหม้...
แม่ก็เริ่มที่จะหนีเหมือนกับคนอื่น ๆ แม่อุ้มพี่ชายไว้ในอ้อมกอด... อีกมือหนึ่งแม่ก็จับจูงพี่สาวฉัน....
แม่เล่าว่า...ไม่สามารถปล่อยวางมือหนึ่งมืดใดได้..เพราะถ้าลูกหายไปแม่จะทำอย่างไง
ตอนนั้นแม่เหนื่อยมาก..เหมือนฉันจะรู้เหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นนี้.. ก็เลยขอมีส่วนร่วมในการรับรู้โดยถีบท้องแม่อย่างแรง... (แต่ฉันคิดว่าที่ฉันถีบท้องแม่..เพราะอยากให้แม่รู้ว่าฉันจะอยู่เคียงข้างแม่)
เรา 3 คนพี่น้อง เริ่มตื่นเต้นกับเรื่องเล่าของแม่....แล้วไงต่อ แม่จ๋า..เสียงเราคนใดคนหนึ่ง แข่งกันทางอย่างเซ็นแซ่....แม่ได้แต่หัวเราะเมื่อเห็นพวกเราถาม.... เราได้แต่รอแม่เล่า...แต่แม่กลับถามเรากลับว่า...
ลูก ๆ มีพระเอกในดวงใจกันบ้างมั้ย แม่ถามแล้วก็ยิ้ม
พวกเราได้แต่แข่งกันบอกชื่อพระเอก..คนนั้น..คนนี้เต็มไปหมด....
สักพักแม่จึงเฉลยให้พวกเราฟัง...
ตอนที่แม่กำลังหนีนั้น มีนักเรียนคนหนึ่งวิ่งมาจับตัวพี่สาวฉันไว้...แม่ตกใจมากๆๆๆ
แม่บอกว่าตอนนั้นดึงพี่สาวมากอดไว้เลย....เด็กนักเรียนคนนั้นมองหน้าแม่แล้วก็ยิ้มให้แม่...
น้าครับไฟจะลามมาถึงแล้วนะครับ...ให้ช่วยดีกว่าไม่งั้นไม่รอดแน่ เด็กนักเรียนก็ยิ้มให้แม่อีกที..
ช่างเป็นยิ้มที่ทำให้โลกของแม่วันนี้สดใสจริง ๆ แม่ให้เค้าอุ้มพี่สาว...ส่วนพี่ชายฉันเค้าก็ให้ขี่หลัง...
ส่วนแม่ฉันได้แต่เดินเกาะชายเสื้อเด็กนักชายคนนั้นไปติด....
วินาทีนั้น..แม่เล่าว่าเป็นวินาทีหน้าสิ่วหน้าขวานที่สุดสำหรับแม่.... ชีวิตลูกถึง 3 คน ขึ้นอยู่กับเด็กหนุ่มคนนั้น คนเดียว... กลัวก็กลัว...ว่าจะพลัดหลงกับลูก...กลัวลูกจะสำรอกควันไฟ....แม่มัวแต่คิด มัวแต่กังวล...เค้าพาเดินก็เดิน...เค้าพาเลี้ยวก็เลี้ยว....ก้าวเท้าตามตลอดเวลา....
ปลอดภัยแล้วครับ เสียงเด็กหนุ่มคนนั้น กล่าวขึ้นมาลอย ๆ แต่แม่กลับคิดว่าเป็นเสียงสวรรค์เหลือเกิน...
ตอนนี้สายตาของแม่มองเห็น...ตึกราบ้านช่อง เห็นท้องฟ้าใส เห็นแสงแดด ไม่ใช่ห้องที่มีควันครุกกรุ่นเต็มไปหมด...
ลมหายใจของแม่ได้กลิ่นอากาศที่บริสุทธิ์....
สักพักแม่นึกขึ้นได้ยังไม่ได้กล่าวขอบคุณเด็กหนุ่มคนนั้นเลย...แต่เมื่อกวาดสายตามองก็ไม่เห็นเด็กคนนั้นแล้ว
แม่กลับพบว่าสองมือของแม่..ที่ชื่นเหงื่อกลับมีมือของเด็กสองคนอยู่ในกำมือ...
แม่ยังเล่าต่อว่า....แม่ช็อก เพราะตลอดเวลาแม่คิดแต่เรื่องร้าย ๆ ตลอดเวลาที่ติดอยู่ในโรงหนังแห่งนั้น แต่เมื่อแม่และเราทั้ง 3ปลอดภัย...จึงเป็นเรื่องเหลือเชื่อเหลือเกิน... แม่ได้แต่กอดพี่สาวกับพี่ชายฉัน..และก็ร้องไห้...
ตอนนั้นแม่เองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าน้ำตามาจากไหน....แต่แม่อยากร้อง..เหมือนกับว่าถ้าได้ร้องแล้วแม่จะลืมเหตุการณ์ร้ายครั้งนี้...
แต่เรื่องร้ายก็ยังไม่จบ....เมื่อดึกคืนนั้นแม่เกิดเจ็บท้องฉันขึ้นมา ทั้งที่ตอนนั้นฉันแค่เจ็ดเดือนได้ไม่กี่วันเอง....
ยามนี้เมื่อแม่เล่า..ฉันมองเข้าไปที่ดวงตาแม่ ฉันไม่ได้พบแววตาที่สดใสเลย...ฉันเห็นหยาดน้ำตาหล่อรื่นในดวงตาแม่....
แม่จ๋า..ร้องไห้ทำไม ฉันจำได้ฉันถามแม่ แต่แม่กลับไม่ตอบฉัน แม่ดึงฉันเข้ากอด...
เราเกือบไม่ได้เป็นแม่ลูกกันแล้ว แล้วแม่ก็น้ำตามร่วง...
ฉันไม่เข้าใจในสิ่งที่แม่พูด....แม่จึงเริ่มเล่าให้เราพี่น้องฟังอีกครั้ง....
คืนนั้นก็เหมือนทุกคืนในบ้านหลังน้อย....พ่อซึ่งทำงานอยู่ต่างจังหวัดไกลเหลือเกินในสมัยนั้น...
แต่ดึกคืนนั้นแม่เกิดเจ็บท้องฉันอย่างกะทันหัน คืนนั้นเป็นคืนเช้าวันอาทิตย์ ข้างขึ้น..
แม่ต้องปลุกพี่เลี้ยงให้พาแม่ไปโรงพยาบาลตั้งแต่เริ่มเข้าวันใหม่ได้ไม่กี่ชั่วโมง....
แม่เจ็บเหลือเกินตอนนั้น น้ำคล่ำนี่เริ่มไหลออกมาแล้ว....แต่แม่ก็ไม่ได้ไปอย่างที่ใจคิด..
เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว กว่าจะหาTaxi ได้ในเวลาตี1 กว่า ไหนจะลูกอีก 2 คนที่จะต้องตื่นมากินนมกลางดึก...
ใครจะเชื่อในเวลาที่แม่เจ็บท้องขนาดนั้น แม่ยังห่วงลูกอีก 2 คน...
แม่จึงตัดสินใจให้พี่เลี้ยงปลุกพวกพี่ ๆ ด้วยและพากันไปโรงพยาบาลให้หมด...
แม่เข้าไปที่เข้าคลอดตั้งแต่ตี 2 แม่เล่าว่าจนเช้าฉันก็ยังไม่ยอมออกมาจากท้องแม่ ..
แม่เจ็บเหลือเกิน ทรมานมาก.. น้ำเสียงที่แม่เล่านั้นบาดแทงไปในจิตใจจนฉันหวั่นไหวไปด้วย..
แม่ได้แต่คิดถึงพ่อ..ลูกคนนี้คงจะรอคุณหรือไง ถึงไม่ยอมออกมาสักที....
ปากของแม่ที่ร้องโอยครวญถึงความเจ็บ...มือของแม่ที่คอยดึงผ้าปูที่นอน...ลมหายใจของแม่ที่พยามยามหายใจเข้าออกตามวิธีที่หมอแนะนำ...เพื่อลดการเจ็บปวด...และเพื่อต้องการเบ่งฉันออกมาดูโลกใบนี้... ด้วยกันกับแม่...
แต่ฉันก็ไม่ยอมออกมาสักที....(ถ้าจะดื้อแต่ในท้อง) จนหมอต้องให้แม่พัก...
เมื่อเล่ามาถึงตอนนี้...แม่ยื่นมือที่เรียวบางมาลูบผมฉัน...รู้มั้ยตอนนั้นแม่ไม่ได้ขออะไรเลยลูกจ๋า.. สิ่งเดียวที่แม่ขอคือขอให้คลอดลูกของแม่ปลอดภัยเท่านั้น
แล้วแม่ก็เริ่มเจ็บท้องถี่ๆ อีกครั้ง....ตลอดเวลาที่แม่เจ็บท้องใจของแม่ได้แต่ภาวนา..ภาวนา...ถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย...ให้ฉันคลอดออกมาปลอดภัย....
ในที่สุดแม่ก็สมหวัง....เมื่อแม่ได้ยินเสียงฉันร้องในเวลา 14.20 น. ของบ่ายวันอาทิตย์นั้นเอง...
แล้วแม่ก็เป็นลมสลบไป...ในวินาทีที่ได้ยินเสียงหมอบอกว่า ลูกคุณปลอดภัย....
แต่สิ่งไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีกครั้ง... เมื่อหมอบอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระทึกขวัญในโรงหนังนั้น..
ทำให้ฉันเป็นแรกเกิดที่มีร่างกายอ่อนแอเนื่องจากคลอดออกกำหนดเพียงแค่ 7 เดีอน ไม่กี่วัน (ฉันขอย้ำไม่กี่วัน) และฉันเกิดมาด้วยน้ำหนักเพียง
1200 กรัม (1กิโล 2 ขีด) ตัวเล็กมาก ๆ ๆ ๆ (ถ้าใครนึกไม่ออกให้นึกทิ้งปลาช่อนตัวเล็ก ๆ สักตัว)
ฉันต้องอยู่ในตู้อบตั้ง 24 วัน และอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดมาก ๆ อีกต่างหาก....
เมื่อรู้สึกตัวอีกทีน้ำจากไหนก็ไม่รู้หยดตรงร่องปากฉัน ฉันเริ่มเคลื่อนมือหาที่มา...นี่ฉันร้องไห้...ฉันรู้แล้วละว่าทำไมวันนี้จิตใจฉันถึงได้หม่นหมองเหลือเกิน
ฉันดันทำตัวไร้สติ...ฉันบ้าไปเอง...ฉันทำให้แม่เสียใจ...
อยากอยู่เงียบๆนะพี่ขอร้อง ดูซิไล่น้องเห็นเป็นคนอื่นไกล อยากอยู่คนเดียวสักพักได้ไหม จะแอบร้องไห้เสียน้ำตาก็บอกมาเลย ฉันสะดุ้งตกใจ.. เสียงเรียกโทรศัพท์ฉันเอง เป็นเสียงที่ฉันตั้งไว้เป็นเบอร์ของที่บ้าน.....
ฉันยิ้มออกมาทั้งน้ำตา....ฉันรู้แล้ว..ว่าฉันควรทำอย่างไรตอนนี้...
นิ้วมือฉันกดรับโทรศัพท์..แต่ฉันกลับไม่พูดอะไรเลย...อาจจะเพราะตัวทิฐิที่ยังอยู่ในใจฉัน หรือไม่ ความละอายแก่ใจที่ฉันทำไม่ดีกับแม่..ฉันนิ่งไปสักพัก.. จนฉันได้ยินเสียงแม่...
นัท..หรือลูก ถึงไหนแล้ว รถติดมากมั้ย เดี๋ยวแม่ไปรอรับนะ เสียงของแม่ที่บอกถึงความห่วงใยฉันตลอดเวลา
"นัท..ได้ยินแม่มั้ย... แม่ไปซื้อของวันนี้ มีชุดทำงานของลูกด้วยนะ...ชุดใหม่ที่นัดบอกอย่างได้ไง..แม่กับพี่ช่วยกันเลือกตั้งนาน"
ตอนนี้ฉันพูดไม่ออก..เวลานี้ที่ฉันได้แต่งอนแม่..แต่แม่กลับคิดถึงฉัน"
นับแต่วันที่แม่รู้ว่ามีฉัน..แม่ไม่เคยเรียกร้องอะไรเลย ได้แต่เฝ้าดูแลฉันตั้งแต่อยู่ในท้อง..ยามแม่เจ็บท้องที่จะคลอดสิ่งเดียวที่แม่คิดถึงก็คือความปลอดภัยของฉัน..
"นัทได้ยินแม่มั้ย..." แม่ยังร้องถามฉัน...
ฉันได้กลืนก้อนสะอื้นไว้ในอก สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อไม่ให้เสียงสั่น..แม่จ๋า..รถติดเหลือเกิน.....รอนัทนะ..นัทจะถึงบ้านแล้ว..นัทมีอะไรจะบอกแม่จ๊ะ ฉันรู้ว่าฉันจะบอกอะไร..เมื่อฉันถึงบ้าน..ฉันจะบอกแม่พร้อมทั้งนำมาลัยพวงน้อยไปกราบแม่ที่อก..หอมแก้มแม่ซ้ายขวา..
ฉันไม่ต้องการรอคอยเวลาอะไรอีกแล้ว....ไม่ต้องรอวันแม่ที่จะมาถึงในไม่กี่วัน...เพราะตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าฉันรักแม่แค่ไหน..และแม่รักฉันมากเพียงใด
ฉันได้แต่ท่องประโยคที่ฉันเตรียมไปบอกแม่อยู่ในใจตลอดการเดินทาง...มาราธอนครั้งนี้...ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างไม่มีที่ท่าว่าจะหยุด
นัทรักแม่จ๊ะ...นัทขอโทษ
ตลอดเวลาที่ฉันพร่ำบอกทุกคน เมื่อใครถามรักแม่มั้ย..ฉันตอบโดยไม่ต้องคิด "รัก" ..
หาก ณ. เวลานี้ ใครมาถามฉัน..ฉันก็คงต้องบอกเหมือนเดิมว่า"รัก" แต่รักครั้งนี้มันมีความหมายมากเหลือเกิน เป็นรักที่ฉันได้ระลึกถึงพระคุณแม่...และรู้ว่ารักของแม่นั้นยิ่งใหญ่มากเพียงใด...
.....จบแล้วคะ..."เรื่องเล่าจากแม่..สายใยผูกพัน"
**///////**///////***///////***///////****
..หวัดดีคะ..เพื่อนทุกคนที่เข้ามาอ่านคะ..
เป็นเรื่องสั้นเรื่องแรกเลยคะที่อ่าน....ตื่นเต้นจังคะ...ไม่รู้จะบอกว่าไงดี...แต่เขียนแล้วนี่ไม่ลงก็คงไม่ได้ ในเมื่อใส่ความตั้งใจไปเต็ม 100 ขนาดนี้...
ชอบไม่ชอบ หรือ ว่ามีสิ่งใดจะแนะนำก็เชิญได้เลยนะคะ.. หลังไมค์ได้
ขอบคุณทุกท่านมากคะที่เข้ามาอ่าน..
แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 48 19:45:31
แก้ไขเมื่อ 11 ส.ค. 48 11:11:59
แก้ไขเมื่อ 11 ส.ค. 48 11:11:39
แก้ไขเมื่อ 10 ส.ค. 48 18:20:21
จากคุณ :
Donut_ty
- [
10 ส.ค. 48 13:13:41
]