เขียนไว้นานแล้ว โอกาสดีได้ตีพิมพ์เป็นพ็อคเก็ตบุ๊ครวมกับนักเขียนคนอื่น ในชื่อ
"เหงาจับใจ แต่ไม่อยากให้ใครครอบครอง"
ตีพิมพ์เมื่อปี 47 เลยเอามาลงให้อ่านกันค่ะ
"ปีนี้อายุเท่าไหร่แล้วน้อ
แต่งงานซะทีดีมั้ยเอ่ย ไม่งั้นเดี๋ยวแก่เกิน กิน นะเออ!
อย่าเล่นองค์นักซี่ เลือกสักคนสักทีสิ
ใจคอจะอยู่บนคานจริงๆ อ่ะ ลงมาได้แล้วมา ฉันหาคนดึงแกลงมาได้แล้วนะ สนมะ
จะถนอมเนื้อ ถนอมนวลไปเพื่อใคร ถึงไหนจ๊ะ ประเดี๋ยวก็ถนอมเก้อร้อก
ไอ้กระจอก
คนเกิดหลัง เขามีมีเลิกเลิกกันไปหลายรอบแล้ว นี่อะไร
ฯลฯ
เฮ้อ
เซ็งที่สุดรำคาญสุดแสนกับเหล่าคำพูดคำทักถามเหล่านี้มันจะอะไรกันนักหนานะ กะอีแค่อายุ 30 แล้วยังไม่มีแฟน ไม่เคยแม้แต่จะมีเนี่ย!!!!
เหล่า ตัวดี ที่สุด ก็บรรดาเพื่อนๆ น้อง ๆ (ที่สามารถ
แล้ว)แต่ที่ตัวดีมากกว่าก็คือเพื่อนบ้านของฉันที่ต่างจังหวัดโน่น บรรดายายๆ ป้าๆ ทั้งหลายนั่นน่ะ ถามทุกครั้งที่ฉันกลับบ้านเลยทีเดียว แล้วคิดดูนะ ปีหนึ่งฉันกลับบ้านประมาณ 6 ครั้งเป็นอย่างต่ำ ก็หมายความว่า ฉันต้องทนฟังคำทักถามเหล่านี้ เดือนเว้นเดือนเชียวนะ
ก็เอ็งมันกระจอกจริงๆนี่ นังหนู ลูกสาวบ้านอื่นเขาเข้ากรุงเทพฯแค่เดือน 2 เดือน เขาก็มีคนติดสอยห้อยตามกลับมาแล้ว แต่เอ็งนี่สิ เกือบ 10 ปีแล้วนะโว้ย กลับบ้านทีไร เดียวดายทุกรอบ
โห
ผู้ชายหาง่ายอย่างนั้นเลยเหรอ
เขามี (ขาย) กันแถวไหน (วะ)
ในขณะที่พ่อแม่ฉันท่านกลับเฉยๆ (อาจบางที ท่านรู้ว่า น้ำหน้าอย่างลูกสาวท่าน คงไม่มีใครหน้าไหน
..เฮ้อ!!!)
แต่แหม
เรื่องแบบนี้ จะมาถามฉันฝ่ายเดียวได้ยังไง ถ้าโรงงานพร้อม แต่ไม่มีผู้จะมาประกอบการ มันก็เท่านั้นแหละจริงมั้ย
ครั้นฉันตอบ (แบบดารา) ไปว่า ยังไม่คิดเรื่องนี้เลย ยังอยากทำงานไปเรื่อยๆ ยังอยากอยู่กับเพื่อน สนุกกับเพื่อนอยู่ค่ะ
ก็จะมีคำพูดตามมา ประมาณว่า หลอกตัวเองหรือเปล่า ไม่มีใครเขาเอา ก็เลยต้องชิงพูดแบบนี้
เป็นงั้นไป แต่ก็คงจะจริง คงไม่มีใครเอาฉันจริงๆ น่ะแหละ เพราะเมื่อไม่กี่วันมานี้ ก็มีใครคนหนึ่งเพิ่งโบกมือลา ขอตัวไปจากชีวิตฉันแล้วจริงๆ
แต่ครั้นฉันตอบแบบ (สาวน้อยช่างฝัน)ว่า ฉันรอคนที่ใช่สำหรับฉันจริงๆ ใครสักคนที่จะเข้ามาเติมเต็มชีวิตให้ฉันได้น่ะ ไม่ใช่ว่า เป็นใครก็ได้น่ะ เข้าใจมั้ย ก็จะมีสายตาดูแคลนกับน้ำเสียงดูหมิ่นตามมาว่า
เลือกมาก ทั้งที่ไม่มีสิทธิ์จะเลือกเลยเนี่ยนะ ยายมีน จะไปหาที่ไหนวะ ผู้ชายรูปหล่อ พ่อรวย นิสัยดี เลือกไปเถอะ รอไปเถอะ ที่รอหา รอหายน่ะ ผู้ชายในฝันทั้งนั้นแหละ
เฮ้อ
กลายเป็นว่า ฉันรอเพื่อที่จะเลือก perfect man ไปแล้ว ฮึ นี่ถ้ารู้สเป็คฉันแล้วจะหนาว
โน่น ฉันชอบผู้ชายหน้าโหดๆ เถื่อนๆ แล้วก็ สู้ๆ (ชีวิต) โน่นต่างหาก ฉันชอบการต่อสู้ร่วมเรียงเคียงข้าง
แล้วอย่างนี้ ฉันควรจะต้องตอบยังไงถึงจะสาใจ สะอารมณ์ พวกช่างถาม สงสัยต้องเป็น
ก็เออน่ะสิ ไม่มีใครเขาเอาฉันไง ไม่เห็นสะสวยตรงไหน หน้าใหญ่ ตูดใหญ่ เอวหนา ปากหนา ตาโปน ผมหยิกหยองพองฟู หูกาง คางสั้น ฟันเก ใจร้อนด่วนเอา ขี้เหงาฟูมฟาย ใครอยู่ด้วย กี่รายกระเด็นหมด!!!
เป็นไงล่ะ
สะใจพอมั้ย!
แต่แหม
จะว่าไป มันก็มีนะแหละ คนที่มาด้อมๆ มองๆ จ้องๆ จดๆ เหมือนมดแหย่น้ำหวานน่ะ แต่ก็นั่นแหละ คำตอบมันชัดเจนอยู่แล้ว กระทั่งนาทีนี้ ฉันก็ยัง
เป็นนางสาวอยู่
เฮ้อ
แต่ความจริง หญิงสาวแสนอ่อนไหวที่ต้องห่างบ้าน จากอกพ่ออกแม่เข้ามาต่อสู้ชีวิตในเมืองหลวงเพียงลำพังอย่างฉัน ถ้ามีใครสักคนอยู่ข้างๆ คอยดูแล คอยเป็นกำลังใจ ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีถึงดีมากทีเดียว อย่างน้อย
ชีวิตที่อยู่ท่ามกลางคนแปลกหน้า รายรอบด้วยความฉาบฉวยและแย่งชิง ก็อาจจะไม่เงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวดายเดียวเกินไปนัก
แต่ฉันก็เลือกที่จะต่อสู้ เพื่อให้ ความสวยงามในหัวใจ ยังคงดำรงอยู่ เพียงลำพัง สู้มาเนิ่นนาน ดีบ้าง เหลวบ้าง ชนะบ้างแพ้บ้าง ก็ชีวิต! หลายต่อหลายครั้งที่ความสวยงามในหัวใจ ถูกกระแทกกระทั้นสั่นคลอน แต่ฉันก็ประคับประคองด้วยหัวใจของฉันมาโดยตลอด
และรอดฝั่งทุกครั้งทุกหน
ฉันเป็นคนเดียวในกลุ่มเพื่อนที่ไม่เคยมีใครเคียงข้างเคียงคู่ ร่วมต่อสู้ฟันฝ่ามาแต่ไหน
มีใครบางคนเคยพยายามจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในหัวใจ ในชีวิต
เขาก้าวเข้ามาในขณะที่พายุบางอย่างพัดกระหน่ำชีวิตฉันให้เซซุน
แต่ละคนมีวิธีแสดงความรู้สึกกับคนที่ตัวเองพึงใจแตกต่างกัน สำหรับฉัน
ฉันเปิดเผยและซื่อตรงกับความรู้สึกตัวเองมากที่สุด ชอบก็บอกว่าชอบ (ซึ่งก็น้อยครั้งมาก) เขาจะชอบเราหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่นั่นต้องหลังจากที่แอบปลื้มมาเนิ่นนานแล้วนะ ฉันชอบการแอบรัก มันน่ารัก สดใส ได้ลุ้นดี
แต่สำหรับเขา เขาเลือกวิธีตรงข้ามความรู้สึก
ฉันหมายความว่า เขาใช้ ปากร้าย ปากจัด ท่าทีไม่ชอบใจ เพื่อใกล้ชิดฉัน หวังให้ฉันตอบโต้ เพื่อจะได้รู้จักฉันมากขึ้น แต่ก็ผิดคาด เพราะฉันไม่ได้ต่อล้อต่อโต้อะไรมากมาย เลี่ยงได้ก็เลี่ยง เลี่ยงไม่ได้ นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง เพราะมันคงไม่งามนัก ที่ผู้หญิงสาววัย 27 จะไปแหงนหน้า หวือหวาฉ่าฉอดฉะฉ่างกับผู้ชายอาวุโสกว่าเช่นนั้น
และบังเอิญเป็นช่วงที่ฉันกำลังจมจ่อมอยู่กับความทุกข์ ตัดขาดจากเพื่อน ปิดกั้นการรับรู้เรื่องราวใดๆ เช้าไปทำงาน เย็นกลับบ้าน ฟังเพลงเศร้า ตอกย้ำความร้าวราน มีน้ำตาเป็นเพื่อน มีความเหงาเป็นเงาโอบ การเข้ามาของเขา จึงกลายเป็นการตอกย้ำชีวิตให้รู้สึกย่ำแย่มากขึ้นไปอีก (เพราะฉันคิดว่า เขาเกลียดฉันจริงๆ ประมาณว่า เคราะห์ซ้ำกรรมซัดวิบัติเป็น) ความรู้สึกที่มีต่อเขาก็คือ น้อยใจ ไม่พอใจ ไม่เข้าใจและไม่อยากเข้าใกล้ เท่านี้ก็เพียงพอที่จะเป็นกำแพงกั้นฉันกับเขาให้ห่างกัน
แต่ ณ วันหนึ่ง เขาก็เดินตามความรู้สึกของตัวเอง
กุหลาบแดงดอกโต กิ่งก้านใบแข็งแรง ถูกยื่นมาตรงหน้า พร้อมถ้อยคำพรั่งพรู ฉันปฏิเสธ! แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้
ขอพี่อยู่ข้างๆ มีน เป็นกำลังใจ เป็นทุกอย่างที่มีนอยากให้เป็น ขอเพียงได้อยู่ในชีวิตมีน
แล้วเขาก็ทำอย่างนั้นจริงๆ ไม่เคยห่างหายไปไหน เขามักมีเพลงเพราะๆ ความหมายดีๆ ให้ฉันฟังทุกครั้งก่อนการวางสายตอนกลางคืน บางครั้งเป็นเสียงจากเครื่องเล่น บางทีก็เป็นเสียงของเขาที่คลอมากับกีตาร์ตัวโปรด บางคืนก็เป็นฉันที่มอบบทกวี ถ้อยคำดีๆ ให้เขาแทน
ปลายสัปดาห์ไหนที่ว่าง เขาจะขอนัดเจอฉันที่ร้านกาแฟเล็กๆ ข้างถนน บรรยากาศเป็นกันเอง เรานั่งลงตรงข้ามกัน บางวันต่างคนก็ต่างมีหนังสือเล่มโปรดในมือ บางคราวมีซาวนด์อเบ๊าท์เสียบหูคนละข้าง โดยไม่มีการพูดคุย แต่หลายครั้งที่มีเรื่องราวมาถ่ายทอด มาแบ่งปัน และก่อนออกจากร้าน เขาก็มักจะมีข้อความฝากไว้บนไวท์บอร์ดของร้านเสมอๆ เช่น
สาวมีนหัวใจอ่อนไหวกับหนุ่มไทยหัวใจซื่อตรง มากินภูเขาหิมะกะกาแฟร้อน
วันนี้เราสองจะไปดูหนัง บริดเจทส์ โจนส์ ไดอารี่ ใครไม่รู้ อ้วนเหมือนบริดเจทส์เลย ฮิฮิ
ฯลฯ
มากกว่าหนึ่งครั้งที่เขาพยายามจะเปิดใจและเรียกร้องความรู้สึกดีๆ จากฉัน ซึ่งฉันก็ปฏิเสธทุกครั้ง ครั้งหนึ่ง เขาตะโกนใส่หน้าฉันด้วยใบหน้าแดงก่ำ
คนไร้หัวใจ!
พี่จะไปจากชีวิตมีน ไม่มาหา ไม่โทร. ไม่ติดต่อใดใดทั้งสิ้น!
แต่หลังจากนั้น 2 อาทิตย์ เขาก็มาเคาะประตูห้อง พร้อมดอกไม้ป่า กลีบบาง สีเหลืองกระจ่างเต็มอ้อมกอด
พี่คิดถึงมีน!!!
หลายครั้งที่เขานั่งมองฉันนิ่งๆ ด้วยความไม่เข้าใจ
พร้อมคำถามเดิมๆ
ทำไมมีนใจแข็งนัก หรือพี่ดีไม่พอสำหรับมีน
หรือมีนรักใคร มีใครในหัวใจแล้วงั้นเหรอ ถึงได้เฉยชากับพี่นัก
มีนจะอยู่ให้ผู้ชายเสียดายเล่น...มั้ง
!!! ฉันตอบยิ้มๆ
แก้ไขเมื่อ 22 ส.ค. 48 13:20:27
แก้ไขเมื่อ 10 ส.ค. 48 22:31:46
จากคุณ :
TATOO
- [
10 ส.ค. 48 22:26:54
]