CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    สุนทรภพ(เจาะเวลาหาสุนทรภู่ ฉบับปรับปรุงใหม่) ตอนที่ 2 ประจันหน้ามหากวี

    ปรานทัศน์เดินเตร่มาเรื่อยเขาข้ามสะพานมาฝั่งรัตนโกสินทร์บ้านเมืองตอนนั้นสวยงามและดูเป็นระเบียบเรียบร้อยดีและประกอบกับกำลังจะมีงานฉลองใหญ่จึงทำให้ดูร่มรื่นมากกว่าเดิมในขณะที่เขาชมทัศนียภาพสองข้างทางอยู่นั้นก็ได้ชนใครคนหนึ่งเข้าด้วยความแรง

       “อุ๊ย ขอโทษครับ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”ปรานทัศน์รีบขอโทษทันที

       ชายวัยกลางคนหันมายิ้มให้ “มิเป็นไรดอก แล้วเจ้าล่ะเป็นเยี่ยงไรบ้าง” ชายคนนี้แต่งกายสะอาดสะอ้านดูภูมิฐานอีกทั้งยังดูใจดี

       “ไม่เป็นอะไรครับ”ปรานทัศน์ก้มหน้าตอบ

       “เอ สำเนียงเจ้าแปลก ๆ คงมาจากที่อื่นล่ะสิ มิต้องก้มหน้าดอกข้ามิเหมือนเจ้านายคนอื่นดอก ดูจากการแต่งองค์ทรงเครื่องแล้วเจ้าคงมิใช่ไพร่ใช่ไหม”ชายวัยกลางคนถามด้วยความสงสัย

       “ครับ”    

       “ขอรับ มิใช่ครับ มันห้วนเกินไป แล้วนี่เจ้าพูดอย่างอื่นมิเป็นแล้วหรือ”

       “ครับ เอ๊ย ขอรับ”

       “แน๊ะ เจ้านี่น่าขันดีนะ”

       “แล้วเจ้ามาจากไหนล่ะ” ชายวัยกลางคนซักอีก

       “เอ่อ...เมืองไทยครับ” ปรานทัศน์ตอบโดยไม่ได้คิดว่าสมัยนั้นยังไม่รู้จักเมืองไทย เลย

       “เมืองไทย หรือ อืม...อยู่ไกลจากกรุงรัตนโกสินทร์มากไหม” เขาตั้งคำถามอีก

       “ไกล ไกลมากเลย” ปรานทัศน์รีบตอบ

       “ถึงว่าสิข้ามิเคยรู้จัก”    

       “แล้วนี่ เจ้าค้างแรมที่ไหนล่ะ”    

       “ยังไม่รู้เลยขอรับ”

       “ถ้าเยี่ยงนั้น เจ้าไปพักค้างแรมอยู่ที่บ้านข้าก่อนดีไหม” ชายวัยกลางคนออกปากชวน

       “ก็ดีขอรับ”ปรานทัศน์รีบตอบตกลงเพราะเขาเองก็ไม่รู้จะไปนอนที่ไหนเหมือนกันเขามีของติดตัวมาเพียงอย่างเดียวคือหนังสือเล่มนั้น
       “แล้วเจ้าชื่ออะไรหรือ”

       “กระผมชื่อทัศน์ขอรับ”

       “อืม...ชื่อไพเราะดีนะ อย่างกับเป็นเจ้าขุนมูลนายเลย ข้าชื่อ ภู่”

       “ภู่เหรอ!”ปรานทัศน์เผลออุทานด้วยความตกใจ

       “ทำไมรึ”

       “เอ่อ เปล่าขอรับ”เขาหวังว่าจะไม่ใช่คนคนเดียวกับที่เขาคิดไว้ ใจหนึ่งเขาก็ไม่อยากให้เป็นคนที่เขาไม่ชอบแต่อีกใจหนึ่งก็อยากรู้จึงตัดสินใจถามออกไป

       “แล้วท่านทำงานอะไรหรือขอรับ”

       “ข้าได้บรรดาศักดิ์เป็นราชกวีที่ปรึกษา เจ้านี่สงสัยมาไกลจริง ๆ นะ ไม่รู้จักข้า ขุนสุนทรโวหาร  คือชื่อในตำแหน่งของข้า

       ปรานทัศน์ได้ยินเช่นนั้นเขาแทบจะเป็นลม ใช่จริง ๆ ชายคนนี้คือสุนทรภู่เขาเริ่มคิดได้ว่าที่เขาต้องมาอยู่ในยุคนี้มันต้องมีเหตุผลบางอย่างแน่ ๆ แล้วเหตุผลเหล่านั้นคืออะไรล่ะเขาเริ่มตีโจทย์ไปทีละอย่างทั้งหมดเริ่มจากหนังสือเล่มนั้นมันก็ต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกันแน่ ๆ เย็นนั้นปรานค้างแรมที่บ้านของสุนทรภู่

       เนื่องจากปรานทัศน์ไม่เคยสนใจเรื่องราวของสุนทรภู่เลยจึงทำให้เขาประติดประต่อเรื่องราวอะไรในยุคนี้ไม่ได้เลยดังนั้นเขาจึงเริ่มเปิดหาข้อมูลในหนังสือเล่มนั้นให้มากที่สุด เย็นนั้นขณะที่ปรานทัศน์กำลังคร่ำเคร่งอยู่กับการค้นหาประวัติของสุนทรภู่อยู่ด้วยหนังสือเล่มเก่าเล่มนั้น

       “เจ้าเป็นกวีหรือ?” เสียงนั้นถามขึ้นมาอย่างกะทันหันปรานทัศน์จึงไม่ทันได้ตั้งตัว

       “เอ่อ...ช-ใช่ ขอรับ” เขาตอบด้วยความตกใจ

       “แล้วนั่นหนังสือตับจากหรือทำไมไม่เห็นเหมือนของบ้านเมืองข้าเลย” สุนทรภู่สังเกต

       “มันคือกระดาษนะขอรับ”

       “กระดะ-กระ? เจ้าเรียกมันว่าเยี่ยงไรนะ”

       “กระดาษ ขอรับ กระดาษ”

       “กระดาษ อ๋อ แล้วมันใช้เขียนดีกว่าใบลานหรือ”    

       “ดีกว่ามากขอรับ”

       “สงสัยข้าคงต้องไปเยี่ยมเยียนบ้านเมืองเจ้าจริง ๆ เสียแล้วไว้ให้ข้าเสร็จธุระทางนี้ก่อนแล้วข้าจะตามเจ้าไป” พอพูดจบสุนทรภู่สีหน้าหมองเศร้าขึ้นทันทีจนสังเกตได้ ปรานทัศน์เห็นท่าไม่ดีจึงถามขึ้นมา

       “เอ่อ...แล้วท่านจะทำอย่างไรต่อไปขอรับ”

       “มิรู้สิ หลังจากแผ่นดินกลางทรงเสด็จสวรรคตแล้ว ชีวิตข้าคงเปลี่ยนไปแน่ ๆ”

       “ทำไมล่ะท่าน” ปรานทัศน์สงสัย

       “ก็เพราะ องค์เจษฎาบดินทร์ท่านมิชอบด้วยการกวีนะสิ อีกอย่างข้าเกรงว่าอยู่ไปก็รังแต่จะมีภัยถึงตัวเพราะว่าข้านั้นได้หักหน้าพระองค์ด้วยการแก้บทกวีของพระองค์ถึงสองครั้งสองครา ข้าเห็นทีจะต้องขอลาจากราชวงศ์นี้เสียที”

                                          ----------------------------------------------------------------

       เช้าวันรุ่งขึ้นปรานทัศน์เดินทางเข้าวังกับสุนทรภู่ ด้วยวามตั้งใจที่ว่าจะไปขอลาออกวันนั้นสุนทรภู่จึงมีความเศร้าใจมากเพราะเขารักงานที่ตนทำอยู่แต่ด้วยสถานการณ์บังคับอีกทั้งพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 3 ทรงไม่โปรดบทกวีเขาจึงไม่มีทางเลือก

       หลังจากลาออกจากงานสุนทรภู่ก็ตกยากปรานทัศน์เห็นทุกอย่างแห่งความลำบากและเขาก็อยากจะช่วยเย็นวันนั้นทั้งสองนั่งอยู่นอกชานปรึกษาหารือกันสุนทรภู่นั่งดื่มเหล้าเรื่อยมาตั้งแต่วันที่ลาออกและมีท่าทีว่าจะดื่มหนักขึ้นเรื่อยๆ
       
       “ท่านขุน ต่อไปท่านจะทำอะไรล่ะขอรับ” ปรานทัศน์ตั้งคำถาม

       “มิรู้สิ คงจะต้องประพันธ์คำกลอนหรือนิทานขายแล้วล่ะ”

       “ให้ข้าช่วยนะท่าน” ปรานทัศน์เสนอตัวเพราะขณะนั้นสุนทรภู่เหมือนคนหมดอาลัยตายอยากและเขาก็ไม่สามารถแม้กระทั่งจะแต่งกลอนสักบทตอนนั้น  

            ปรานทัศน์ไม่มีความสบายใจเป็นอย่างมากที่เห็นสุนทรภู่เป็นอย่างนี้เขาจึงนำกลอนบทหนึ่งของเขาแกล้งทำเป็นดูแล้วพูดขึ้นว่า

           “ท่านรู้มั๊ยว่าข้าเห็นบทกลอนพวกนี้แล้วข้านึกถึงอะไร” ปรานทัศน์ชักชวนเพื่อดึงความสนใจของสุนทรภู่เพื่อให้กลับมาใส่ใจกับงานประพันธ์อีกครั้ง

           “นึกถึงสิ่งใดหรือ” สุนทรภู่ถามพลางทอดสายตามาที่กลอนบทนั้น

           “ข้านึกถึงเพลงแร๊พน่ะท่าน” ปรานทัศน์คิดว่าถ้าเขาเกร็งพูดจาตามน้ำต่อไปคงไม่ดีแน่ ไหนๆ คนในสมัยนี้ก็ไม่รู้จักประเทศไทยอยู่แล้วเขาจึงเริ่มใช้ภาษาของเขาเองเพื่อจะได้ดูเหมือนว่ามาจากที่อื่นจริงๆ

           “เพลงแลบ!” สุนทรภู่โพล่งขึ้นมา

           “แร๊พนะท่าน ไม่ใช่แลบ!”  

           “แล้วมันคล้ายกับเพลงเรือหรือบทละครหรือเปล่า”

           “เอ่อ...แบบว่ามันก็คล้ายๆ กันนะแต่ของข้ามันจะมีจังหวะ ตึ๊บๆ น่ะ”

           “ตึ๊บๆ เอ...แบบไหนนะ เจ้าลองเล่นเพลงแร๊พหรือแลบอะไรของเจ้าให้ข้าชมหน่อยสิ” ด้วยจิตใจที่เป็นกวีสุนทรภู่จึงสนใจทันทีแล้วปรานทัศน์ก็นึกสนุกจึงสอนสุนทรภู่ไป

           “ก่อนอื่นนะท่าน เรามารู้จักท่าประกอบเพลงกันก่อนนะ ทำตามข้านะ”   เขายกมือขึ้นระดับสายตาแขนชูตรงไปข้างหน้าใช้ปลายนิ้วที่เรียงติดกันสี่นิ้วชี้ลงพื้นแล้วพูดออกมาดังๆ   “โย่!”   สุนทรภู่เห็นดังนั้นก็เกิดความอยากเรียนรู้จึงทำตาม “โย่” นี่หรือคือท่าฟ้อนรำของบ้านเมืองเจ้า เจ้ารำกันแปลกๆ อย่างนี้หรือสุนทรภู่พูดพลางหัวเราะชอบใจ

           “เอ่อ...ก็เป็นบางกลุ่มน่ะท่าน” ปรานทัศน์ยิ้มแหยๆใจหนึ่งก็คิดไปว่าถ้าอาจารย์สอนภาษาไทยที่โรงเรียนเห็นว่าเค้ากำลังสอนให้สุนทรภู่กวีเอกของโลกเล่นพิเรนทร์อย่างนี้ล่ะก็มีหวังโดนยำเละแน่ๆ

           สุนทรภู่มีอาการที่ดีขึ้นมากเย็นวันนั้นเองทั้งสองก็ได้นั่งปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรต่อไปเกี่ยวกับเรื่องที่สุนทรภู่คิดขึ้นใหม่

           “ทัศน์บ้านเมืองเจ้าช่างน่ารื่นรมย์ดีนะแล้วอยู่ที่นั่นเจ้ารับตำแหน่งอะไรหรือเหมือนข้าหรือเปล่า

           “นักศึกษาขอรับ” เขาตอบ

           “นักศึกษา อือ...แปลกดีนะ”

       “ท่านขุนขอรับให้ข้าช่วยท่านประพันธ์งานชิ้นใหม่นะขอรับข้าอยากช่วย”

         “ได้สิ” สุนทรภู่ตอบ “เข้านอนเถอะรุ่งเช้าเราต้องตื่นแต่เช้า”

                ทั้งสองแยกย้ายกันไปนอน ปรานทัศน์เริ่มคิดถึงบ้านแล้วไม่รู้ว่าแม่ของเขาจะเป็นห่วงหรือเปล่าคงตามหากันวุ่นวายแล้วแน่ๆคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาจึงหลับไป

    จากคุณ : ขุนไกรพลพ่าย - [ 11 ส.ค. 48 02:40:28 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป