ปรานทัศน์เดินเตร่มาเรื่อยเขาข้ามสะพานมาฝั่งรัตนโกสินทร์บ้านเมืองตอนนั้นสวยงามและดูเป็นระเบียบเรียบร้อยดีและประกอบกับกำลังจะมีงานฉลองใหญ่จึงทำให้ดูร่มรื่นมากกว่าเดิมในขณะที่เขาชมทัศนียภาพสองข้างทางอยู่นั้นก็ได้ชนใครคนหนึ่งเข้าด้วยความแรง
อุ๊ย ขอโทษครับ เป็นอะไรหรือเปล่าครับปรานทัศน์รีบขอโทษทันที
ชายวัยกลางคนหันมายิ้มให้ มิเป็นไรดอก แล้วเจ้าล่ะเป็นเยี่ยงไรบ้าง ชายคนนี้แต่งกายสะอาดสะอ้านดูภูมิฐานอีกทั้งยังดูใจดี
ไม่เป็นอะไรครับปรานทัศน์ก้มหน้าตอบ
เอ สำเนียงเจ้าแปลก ๆ คงมาจากที่อื่นล่ะสิ มิต้องก้มหน้าดอกข้ามิเหมือนเจ้านายคนอื่นดอก ดูจากการแต่งองค์ทรงเครื่องแล้วเจ้าคงมิใช่ไพร่ใช่ไหมชายวัยกลางคนถามด้วยความสงสัย
ครับ
ขอรับ มิใช่ครับ มันห้วนเกินไป แล้วนี่เจ้าพูดอย่างอื่นมิเป็นแล้วหรือ
ครับ เอ๊ย ขอรับ
แน๊ะ เจ้านี่น่าขันดีนะ
แล้วเจ้ามาจากไหนล่ะ ชายวัยกลางคนซักอีก
เอ่อ...เมืองไทยครับ ปรานทัศน์ตอบโดยไม่ได้คิดว่าสมัยนั้นยังไม่รู้จักเมืองไทย เลย
เมืองไทย หรือ อืม...อยู่ไกลจากกรุงรัตนโกสินทร์มากไหม เขาตั้งคำถามอีก
ไกล ไกลมากเลย ปรานทัศน์รีบตอบ
ถึงว่าสิข้ามิเคยรู้จัก
แล้วนี่ เจ้าค้างแรมที่ไหนล่ะ
ยังไม่รู้เลยขอรับ
ถ้าเยี่ยงนั้น เจ้าไปพักค้างแรมอยู่ที่บ้านข้าก่อนดีไหม ชายวัยกลางคนออกปากชวน
ก็ดีขอรับปรานทัศน์รีบตอบตกลงเพราะเขาเองก็ไม่รู้จะไปนอนที่ไหนเหมือนกันเขามีของติดตัวมาเพียงอย่างเดียวคือหนังสือเล่มนั้น
แล้วเจ้าชื่ออะไรหรือ
กระผมชื่อทัศน์ขอรับ
อืม...ชื่อไพเราะดีนะ อย่างกับเป็นเจ้าขุนมูลนายเลย ข้าชื่อ ภู่
ภู่เหรอ!ปรานทัศน์เผลออุทานด้วยความตกใจ
ทำไมรึ
เอ่อ เปล่าขอรับเขาหวังว่าจะไม่ใช่คนคนเดียวกับที่เขาคิดไว้ ใจหนึ่งเขาก็ไม่อยากให้เป็นคนที่เขาไม่ชอบแต่อีกใจหนึ่งก็อยากรู้จึงตัดสินใจถามออกไป
แล้วท่านทำงานอะไรหรือขอรับ
ข้าได้บรรดาศักดิ์เป็นราชกวีที่ปรึกษา เจ้านี่สงสัยมาไกลจริง ๆ นะ ไม่รู้จักข้า ขุนสุนทรโวหาร คือชื่อในตำแหน่งของข้า
ปรานทัศน์ได้ยินเช่นนั้นเขาแทบจะเป็นลม ใช่จริง ๆ ชายคนนี้คือสุนทรภู่เขาเริ่มคิดได้ว่าที่เขาต้องมาอยู่ในยุคนี้มันต้องมีเหตุผลบางอย่างแน่ ๆ แล้วเหตุผลเหล่านั้นคืออะไรล่ะเขาเริ่มตีโจทย์ไปทีละอย่างทั้งหมดเริ่มจากหนังสือเล่มนั้นมันก็ต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกันแน่ ๆ เย็นนั้นปรานค้างแรมที่บ้านของสุนทรภู่
เนื่องจากปรานทัศน์ไม่เคยสนใจเรื่องราวของสุนทรภู่เลยจึงทำให้เขาประติดประต่อเรื่องราวอะไรในยุคนี้ไม่ได้เลยดังนั้นเขาจึงเริ่มเปิดหาข้อมูลในหนังสือเล่มนั้นให้มากที่สุด เย็นนั้นขณะที่ปรานทัศน์กำลังคร่ำเคร่งอยู่กับการค้นหาประวัติของสุนทรภู่อยู่ด้วยหนังสือเล่มเก่าเล่มนั้น
เจ้าเป็นกวีหรือ? เสียงนั้นถามขึ้นมาอย่างกะทันหันปรานทัศน์จึงไม่ทันได้ตั้งตัว
เอ่อ...ช-ใช่ ขอรับ เขาตอบด้วยความตกใจ
แล้วนั่นหนังสือตับจากหรือทำไมไม่เห็นเหมือนของบ้านเมืองข้าเลย สุนทรภู่สังเกต
มันคือกระดาษนะขอรับ
กระดะ-กระ? เจ้าเรียกมันว่าเยี่ยงไรนะ
กระดาษ ขอรับ กระดาษ
กระดาษ อ๋อ แล้วมันใช้เขียนดีกว่าใบลานหรือ
ดีกว่ามากขอรับ
สงสัยข้าคงต้องไปเยี่ยมเยียนบ้านเมืองเจ้าจริง ๆ เสียแล้วไว้ให้ข้าเสร็จธุระทางนี้ก่อนแล้วข้าจะตามเจ้าไป พอพูดจบสุนทรภู่สีหน้าหมองเศร้าขึ้นทันทีจนสังเกตได้ ปรานทัศน์เห็นท่าไม่ดีจึงถามขึ้นมา
เอ่อ...แล้วท่านจะทำอย่างไรต่อไปขอรับ
มิรู้สิ หลังจากแผ่นดินกลางทรงเสด็จสวรรคตแล้ว ชีวิตข้าคงเปลี่ยนไปแน่ ๆ
ทำไมล่ะท่าน ปรานทัศน์สงสัย
ก็เพราะ องค์เจษฎาบดินทร์ท่านมิชอบด้วยการกวีนะสิ อีกอย่างข้าเกรงว่าอยู่ไปก็รังแต่จะมีภัยถึงตัวเพราะว่าข้านั้นได้หักหน้าพระองค์ด้วยการแก้บทกวีของพระองค์ถึงสองครั้งสองครา ข้าเห็นทีจะต้องขอลาจากราชวงศ์นี้เสียที
----------------------------------------------------------------
เช้าวันรุ่งขึ้นปรานทัศน์เดินทางเข้าวังกับสุนทรภู่ ด้วยวามตั้งใจที่ว่าจะไปขอลาออกวันนั้นสุนทรภู่จึงมีความเศร้าใจมากเพราะเขารักงานที่ตนทำอยู่แต่ด้วยสถานการณ์บังคับอีกทั้งพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 3 ทรงไม่โปรดบทกวีเขาจึงไม่มีทางเลือก
หลังจากลาออกจากงานสุนทรภู่ก็ตกยากปรานทัศน์เห็นทุกอย่างแห่งความลำบากและเขาก็อยากจะช่วยเย็นวันนั้นทั้งสองนั่งอยู่นอกชานปรึกษาหารือกันสุนทรภู่นั่งดื่มเหล้าเรื่อยมาตั้งแต่วันที่ลาออกและมีท่าทีว่าจะดื่มหนักขึ้นเรื่อยๆ
ท่านขุน ต่อไปท่านจะทำอะไรล่ะขอรับ ปรานทัศน์ตั้งคำถาม
มิรู้สิ คงจะต้องประพันธ์คำกลอนหรือนิทานขายแล้วล่ะ
ให้ข้าช่วยนะท่าน ปรานทัศน์เสนอตัวเพราะขณะนั้นสุนทรภู่เหมือนคนหมดอาลัยตายอยากและเขาก็ไม่สามารถแม้กระทั่งจะแต่งกลอนสักบทตอนนั้น
ปรานทัศน์ไม่มีความสบายใจเป็นอย่างมากที่เห็นสุนทรภู่เป็นอย่างนี้เขาจึงนำกลอนบทหนึ่งของเขาแกล้งทำเป็นดูแล้วพูดขึ้นว่า
ท่านรู้มั๊ยว่าข้าเห็นบทกลอนพวกนี้แล้วข้านึกถึงอะไร ปรานทัศน์ชักชวนเพื่อดึงความสนใจของสุนทรภู่เพื่อให้กลับมาใส่ใจกับงานประพันธ์อีกครั้ง
นึกถึงสิ่งใดหรือ สุนทรภู่ถามพลางทอดสายตามาที่กลอนบทนั้น
ข้านึกถึงเพลงแร๊พน่ะท่าน ปรานทัศน์คิดว่าถ้าเขาเกร็งพูดจาตามน้ำต่อไปคงไม่ดีแน่ ไหนๆ คนในสมัยนี้ก็ไม่รู้จักประเทศไทยอยู่แล้วเขาจึงเริ่มใช้ภาษาของเขาเองเพื่อจะได้ดูเหมือนว่ามาจากที่อื่นจริงๆ
เพลงแลบ! สุนทรภู่โพล่งขึ้นมา
แร๊พนะท่าน ไม่ใช่แลบ!
แล้วมันคล้ายกับเพลงเรือหรือบทละครหรือเปล่า
เอ่อ...แบบว่ามันก็คล้ายๆ กันนะแต่ของข้ามันจะมีจังหวะ ตึ๊บๆ น่ะ
ตึ๊บๆ เอ...แบบไหนนะ เจ้าลองเล่นเพลงแร๊พหรือแลบอะไรของเจ้าให้ข้าชมหน่อยสิ ด้วยจิตใจที่เป็นกวีสุนทรภู่จึงสนใจทันทีแล้วปรานทัศน์ก็นึกสนุกจึงสอนสุนทรภู่ไป
ก่อนอื่นนะท่าน เรามารู้จักท่าประกอบเพลงกันก่อนนะ ทำตามข้านะ เขายกมือขึ้นระดับสายตาแขนชูตรงไปข้างหน้าใช้ปลายนิ้วที่เรียงติดกันสี่นิ้วชี้ลงพื้นแล้วพูดออกมาดังๆ โย่! สุนทรภู่เห็นดังนั้นก็เกิดความอยากเรียนรู้จึงทำตาม โย่ นี่หรือคือท่าฟ้อนรำของบ้านเมืองเจ้า เจ้ารำกันแปลกๆ อย่างนี้หรือสุนทรภู่พูดพลางหัวเราะชอบใจ
เอ่อ...ก็เป็นบางกลุ่มน่ะท่าน ปรานทัศน์ยิ้มแหยๆใจหนึ่งก็คิดไปว่าถ้าอาจารย์สอนภาษาไทยที่โรงเรียนเห็นว่าเค้ากำลังสอนให้สุนทรภู่กวีเอกของโลกเล่นพิเรนทร์อย่างนี้ล่ะก็มีหวังโดนยำเละแน่ๆ
สุนทรภู่มีอาการที่ดีขึ้นมากเย็นวันนั้นเองทั้งสองก็ได้นั่งปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรต่อไปเกี่ยวกับเรื่องที่สุนทรภู่คิดขึ้นใหม่
ทัศน์บ้านเมืองเจ้าช่างน่ารื่นรมย์ดีนะแล้วอยู่ที่นั่นเจ้ารับตำแหน่งอะไรหรือเหมือนข้าหรือเปล่า
นักศึกษาขอรับ เขาตอบ
นักศึกษา อือ...แปลกดีนะ
ท่านขุนขอรับให้ข้าช่วยท่านประพันธ์งานชิ้นใหม่นะขอรับข้าอยากช่วย
ได้สิ สุนทรภู่ตอบ เข้านอนเถอะรุ่งเช้าเราต้องตื่นแต่เช้า
ทั้งสองแยกย้ายกันไปนอน ปรานทัศน์เริ่มคิดถึงบ้านแล้วไม่รู้ว่าแม่ของเขาจะเป็นห่วงหรือเปล่าคงตามหากันวุ่นวายแล้วแน่ๆคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาจึงหลับไป
จากคุณ :
ขุนไกรพลพ่าย
- [
11 ส.ค. 48 02:40:28
]