CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    สุนทรภพ(เจาะเวลาหาสุนทรภู่ ฉบับปรับปรุงใหม่) ตอนที่ 3 เกาะแก้วพิสดารกับการยกย่อง

    เช้าวันต่อมา

       “โย่! ท่านขุน” ปรานทัศน์ทักสุนทรภู่ขณะที่เขานั่งอยู่ที่นอกชานหน้าบ้าน

       “อะไรหรือคำนั้นอะไรที่เจ้าทำเมือครู่น่ะ”

       “เป็นการทักทายแบบ แร๊พๆ ที่ข้าสอนท่านเมื่อวานไง แบบโย่ น่ะ โย่”

       “หึ ๆ เจ้านี่หน้าขันเสียจริงนะ” สุนทรภู่ชวนปรานทัศน์ออกไปนั่งทำงานที่ริมน้ำ

       แสงแดดยามเช้าต้องผืนน้ำสวยงามมากและจากที่ปรานทัศน์อ่านประวัติของสุนทรภู่ในหนังสือเล่มนั้นปรากฏว่ายังมีอีกหลายเรื่องที่แต่งหลังจากลาออกจากราชการแล้วเขาจึงถามขึ้น

       “ท่านขุนประพันธ์มากี่ชิ้นแล้วขอรับ”

       “ก็ไม่กี่ชิ้นดอกนะแต่ส่วนใหญ่ข้าจะชอบคำกลอนมากกว่าเรื่องนิทานน่ะ”

       “เอ่อ...ท่านขุนลองประพันธ์เรื่องแปลกๆ ดูบ้างใหมขอรับ”ปรานทัศน์แกล้งเสนอ

       “เยี่ยงไรหรือ” สุนทรภู่เริ่มสนใจ

       “อือ เห็นแม่น้ำสงบอย่างนี้ข้านึกถึงนางเงือกนะท่านรู้จักหรือเปล่าเงือกน่ะ”

       “เงือกหรือมันคือสิ่งใดหรือ”

       “อ๋อ เป็นคนครึ่งปลาน่ะท่าน”

       “มีหรือแล้วมันอาศัยอยู่ที่ใดล่ะ”

       “ก็ไม่ทราบนะ แต่บ้านเมืองข้าเค้าเล่าต่อกันมาว่าอยู่แถวทะเลลึกน่ะ”

       “น่าแปลกดีนะ เยี่ยงนั้นข้าขอมาเป็นตัวละครในนิทานเรื่องใหม่ของข้าได้หรือไม่” สุนทรภู่ถามอย่างกระตือรือร้น

       “เรื่องอะไรล่ะท่าน” ปรานทัศน์ถามขึ้นทั้งที่รู้ว่ามันคือเรื่องพระอภัยมณี

       “เกาะแก้วพิสดารน่ะ” สุนทรภู่ตอบอย่างมั่นใจเพราะเรื่องที่นึกขึ้นได้นั้นมันต้องมีแต่สัตว์แปลกๆ พิสดารๆ ที่ได้ชื่อนี้ก็เพราะว่าเขามัวไปนึกถึงแต่นางเงือกเป็นส่วนใหญ่

       “อ้าว! ไม่ใช่เรื่อง “พระอภัยมณี” หรอกหรือ” ปรานทัศน์ถามอย่างงงๆ

       “แล้วเจ้ารู้ได้เยี่ยงไรว่าข้าคิดชื่อนั้นไว้ แต่ไม่เป็นไรข้าได้เรื่องใหม่ๆ แล้ว”

       ปรานทัศน์คิดในใจว่าถ้าเขาไม่พูดถึงนางเงือกเด็กไทยก็ได้อ่านพระอภัยมณีอยู่แล้ว แล้วดันไปพูดทำไม เขาคิดอยู่พักหนึ่งแล้วได้ความคิดว่า
       “แล้วทำไมท่านไม่นำทั้งสองเรื่องมารวมเข้าด้วยกันเสียล่ะ” ปรานทัศน์เสนอ

       “ทัศน์ เจ้านี่เป็นกวีชั้นยอดจริงๆ นะขอบใจมาก ข้าว่าเรื่องนี้ต้องขายดีแน่ๆ เลยเช่นนั้นเราให้ชื่อเรื่องว่าพระอภัยมณีแล้วกันเจ้าว่าเยี่ยงไร”

       “ดีขอรับ” ปรานทัศน์ตอบอย่างโล่งใจไม่อย่างงั้นเด็กไทยคงไม่รู้จักพระอภัยมณีแน่นอนเพราะในนิทานตามที่ปรานทัศน์คิดคงมีแต่สัตว์ประหลาดแน่ๆ

       สุนทรภู่ทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นมาว่า “ข้าได้เนื้อเรื่องแล้วเอาเยี่ยงนี้นะ เจ้าคอยเล่าถึงสัตว์แปลกๆ ของบ้านเมืองเจ้าส่วนข้าจะคิดเนื้อเรื่องเอง โอเคนะ”    สุนทรภู่ล้อเล่นกับปรานทัศน์เพราะตอนนี้จิตใจของเขากลับสู่สภาพดีมากแล้วและประกอบกับที่เขาได้นิทานเรื่องใหม่แล้วจึงอารมณ์ดี

       “โอเคก็โอเคขอรับ” ปรานทัศน์รับคำ

       แล้วต่อจากนี้เขาจะต้องช่วยสุนทรภู่แต่งเรื่องพระอภัยมณีต่อไปและนี่เองคงเป็นเหตุผลที่เขามีหนังสือเล่มนี้ติดตัวมาด้วยแต่ถึงอย่างไรเขาก็จะช่วยสุนทรภู่จนถึงทีสุดอยู่แล้ว
       
                   เย็นนั้นปรานทัศน์ก็ได้ศึกษาเรื่องของสุนทรภู่อย่างจริงจังและเพื่อช่วยกวีเอกก่อนที่เรื่องราวที่เขาทำเสียไว้จะเละไม่เป็นท่าเสียก่อนทั้งเรื่อง พระอภัยมณีกับเรื่อง เกาะแก้วพิสดารกลัวว่าประวัติศาสตร์จะเปลี่ยนเขาจึงต้องขะมักเขม้นอย่างหนักทำให้เขาเกือบไม่ได้นอนในคืนนั้นแต่เขาก็เต็มใจและภูมิใจที่ได้มีส่วนช่วยคนที่เป็นถึงกวีเอกของไทยซึ่งตอนนี้กำลังขาดกำลังใจอย่างมาก จากเกลียดชังกลายเป็นเห็นใจ จากเห็นใจกลายเป็นผูกพันจึงทำให้ทั้งสองสนิทกันมาก


               รุ่งเช้าทั้งสองช่วยกันคิดช่วยกันแต่งเรื่องพระอภัยมณี สุนทรภู่มีความตั้งใจที่จะเขียนแบ่งเป็นหกตอนและนำออกขายทีละตอนใหญ่ๆ หลังจากนั้นต่อมา 3 วันตอนแรกก็สำเร็จด้วยความร่วมมือจากปรานทัศน์ในการเปิดหนังสือเล่มนั้นช่วย     พอเขียนเสร็จหน้าที่ในการคัดลอกลงในสมุดตับจากเป็นของสุนทรภู่ และปรานทัศน์มีหน้าที่ในการเย็บเล่มเท่านั้นเพราะเขาไม่กล้าเขียนเกรงว่าตัวหนังสือและลายมือของเขาจะไปทำให้ผู้คนพาลปาหนังสือทิ้งเป็นแถว      หนังสือที่ออกมามีความยาว 35 หน้าซึ่งสุนทรภู่มีความสามารถในการคัดลอกเร็วมากไม่ทันถึงอาทิตย์หนังสือตับจาก 50 เล่มก็ได้ออกมาวางขายที่ตลาด    

              แรกๆชาวบ้านได้อ่านหนังสือของสุนทรภู่ก็เหมือนจะไม่สนใจแต่เท่าที่ควรแต่พออ่านเจอสัตว์แปลกๆเข้าก็กลับหน้ามือเป็นหลังมือได้รับความนิยมอย่างสูงทั้งชาวบ้านชาววังอ่านกันจนติดงอมแงม  

              ถึงกับมีคำสั่งมาจากจวนข้าหลวงแห่งหนึ่งให้เร่งเขียนตอนที่สองโดยเร็วแล้วจะมีรางวัลตอบแทนอย่างงาม  ครั้งนั้นเองจึงทำให้สุนทรภู่มีชื่อเสียงอีกครั้งและทำให้เขาชื่นชมปรานทัศน์มากขึ้นเพราะมีความคิดแปลกใหม่หลังจากนั้นไม่นานนิทานเรื่องพระอภัยมณีก็จบบริบูรณ์ใช้เวลาประมาณ 3 เดือน  

              ปรานทัศน์ทำสำเร็จแล้วเขาสามารถทำให้กวีเอกของไทยกลับมามีกำลังใจอีกครั้งหนึ่ง ต่อมาไม่กี่วันสุนทรภู่ก็ได้วางโครงการงานใหม่โดยงานนี้ปรานทัศน์ซึ่งอยู่กับสุนทรภู่เกือบทุกวันก็ยังไม่อาจรู้ จนงานเกือบจะแล้วเสร็จปรานทัศน์จึงได้รู้ว่าสุนทรภู่แต่งนิราศเรื่องใหม่มันคือ “นิราศสหายแก้ว”  ซึ่งเป็นเรื่องพรรณนาตั้งแต่เขาเจอปรานทัศน์และตกยากมีปรานทัศน์คอยช่วยและยกย่องปรานทัศน์ให้เป็นกวีเอกคู่กับตัวเอง  ซึ่งตามความเข้าใจของสุนทรภู่เข้าใจว่าปรานทัศน์เป็นกวีมาจากเมืองซึ่งเรียกว่าเมืองไทยและมีความสามารถไม่แพ้ตัวของสุนทรภู่เองจึงยกย่องมากและแต่งนิราศเป็นการขอบคุณ    แต่ปรานทัศน์รู้ดีว่าถ้ามีนิราศบทนี้ก็อาจมีผลกับอนาคตได้ซึ่งทำให้ปรานทัศน์หนักใจมากแต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคิดในแง่ดีอยู่บ้างว่านิราศบทนี้คงไม่เกี่ยวกับเขามากขนาดนั้นจนกระทั่งงานนี้เสร็จสุนทรภู่จึงให้ปรานทัศน์ดู

    “อ้าวทัศน์ เจ้ามาพอดีเข้ามานี่สักครู่หนึ่งได้ไหม  ข้ามีบางอย่างจะให้เจ้าช่วยดูหน่อย”  สุนทรภู่เรียกปรานทัศน์ซึ่งกำลังหมกมุ่นเรื่องเวลาและโลกอนาคตของเขาเพราะว่าปรานทัศน์มาอยู่ที่นี่จะตกสี่เดือนแล้วเขาคิดถึงและเป็นห่วงบ้านมาก

    “อะไรหรือท่าน” ปรานทัศน์เปลี่ยนสีหน้า

    “นี่ไงนิราศที่ข้าแต่งให้เจ้าน่ะ เสร็จพอดีเจ้าลองดูซิว่าชอบหรือไม่เพราะงานนี้เป็นของเจ้าข้ายินดีแก้ไขตามใจเจ้าทุกอย่าง ไม่ชอบตรงไหนบอกข้า   ข้าคิดว่าใครได้อ่านก็คงต้องยกย่องเจ้า พอๆ กับยกย่องข้าเพราะเจ้าก็เป็นกวีเยี่ยงข้าแต่มิมีใครรู้ข้าจึงอยากจะประกาศให้ชาวบ้านรู้กันไปเลยว่าข้ามีสหายที่เป็นกวีมีความสามารถ ปราดเปรื่องอีกคน    กรุงรัตนโกสินทร์จะได้ไม่มีแค่ขุนสุนทรโวหารเพียงผู้เดียวอีกต่อไปข้าชื่นชมเจ้า    ผู้อื่นก็ต้องชื่นชมและได้รับรู้ด้วย    เจ้าอาจจะเก่งกว่าข้าก็อาจเป็นได้ฉะนั้นคงไม่ขัดข้องนะทัศน์เจ้าอาจจะได้ถวายตัวรับใช้ในวังเยี่ยงข้าก็ได้นะ”

            ความตั้งใจของสุนทรภู่คือเขาจะส่งนิราศเรื่องนี้เข้าวังหลังถวายให้ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ (ต่อมาทรงได้สถาปนาพระอิศริยยศเป็นพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว พระเจ้าอยู่หัวคู่พระบารมี พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชการที่ 4) ซึ่งยังคงอุปถัมภ์สุนทรภู่อยู่เนืองๆ ตอนแรกปรานทัศน์ก็ไม่หนักใจการแต่พอได้อ่านเพียงนิราศบทแรกเขาก็เปลี่ยนความคิดทันที ซึ่งมันคงกระทบต่ออนาคตแน่นอน บทแรกของนิราศสหายแก้วมีอยู่ว่า

                     “สหายกินหาง่ายใจไม่ห่วง
               สหายแก้วหายากลำบากทรวง
               มิหลอกลวงช่วยคิดจิตตรงกัน
               กวีเอกจากเมืองไทยอันไกลโพ้น
               มีชื่อต้นปรานทัศน์สมานฉันท์
               เป็นมิตรแท้เพื่อนแก้วผ่องอำพัน
               ประดับขวัญแก้วศรีกวีไกล
               เอกพยางค์ปรานนั้นคือแสนโปรด
               มิมีโทษชมชิดพิสมัย
               พยางค์โทคือทัศนาไป
               สุดแต่ใจของเจ้านั้นต้องการ”

    ปรานทัศน์อ่านเพียงบทแรกก็หน้าเสียถอดสีอย่างเห็นได้ชัด ซีดขาวประดุจไข่ปลอกสุนทรภู่เห็นดังนั้นจึงทักขึ้น

    “นี่ทัศน์ ทัศน์! มันไม่ดีหรือ ไม่ชอบตรงไหนข้าเปลี่ยนได้นะ” สุนทรภู่พยายามซักอย่างเอาจริงเอาจัง
    “เอ่อ...ดีแล้วล่ะท่านข้าชอบมาก แต่...” ปรานทัศน์อ้ำอึ้ง

    “แต่อะไรหรือ มันเป็นเยี่ยงไรเพียงท่านเอ่ยมาข้าพร้อมจะแก้ไข”     สุนทรภู่มีความตั้งใจจริงปรานทัศน์จึงไม่อยากบั่นทอนกำลังใจเพราะถ้าเขาเกิดขัดเรื่อง ชื่อ ความสามารถ ที่มีอยู่ในนิราศไปสุนทรภู่ต้องเสียใจมากแน่ๆ   เขาจึงแก้สถานการณ์โดยแกล้งยืดเวลาในการจบเรื่องของสุนทรภู่ให้ช้ากว่านี้เผื่อจะมีแผนอะไรที่ทำให้นิราศบทนี้ไม่มีอยู่

    “เอ่อ ท่านขุนขอรับ นิราศชิ้นนี้มีกี่หน้าเพราะข้าชอบมากเหลือเกิน”

    “ประมาณ 15 หน้าเห็นจะได้นะ ทำไมรึ”   ปรานทัศน์มีความคิดใหม่แวบขึ้นมาจึงแกล้งหยอกสุนทรภู่ไปเผื่อจะเปลี่ยนใจเลิกเขียนไปเอง

    “มันไม่เว่อร์ไปหน่อยหรือขอรับแค่ชื่นชมเรื่องของข้าทำไมมันมีตั้งเยอะแบบนี้”

    “เว่อร์ อะไรหรือ เว่อร์มันมีความหมายว่าเยี่ยงไรหรือ”

    “ก็แบบ โอเว่อร์ หรือทำอะไรมากจนเกินไปเขาเรียกว่าเวอร์นะท่านบ้านข้านิยมใช้กันเป็นคำของพวกตะวันตกนะท่าน” เขาตอบ

    “เจ้าคิดเยี่ยงนั้นหรือมันเว่อร์ไปหรือ”  สุนทรภู่ทำหน้าเสียและหยุดคิดครู่หนึ่ง

    “อืม...เอาล่ะมันยังเว่อร์ไม่พองั้นข้าขอแต่งต่ออีกแล้วกัน อันที่จริงเรื่องของเจ้ายังไม่หมดเลย ยังมีอีกเยอะมากนัก” สุนทรภู่ยังคิดจะเขียนต่อยิ่งทำให้ปรานทัศน์มึนไปอีกรอบ  “ตอนแรกนึกว่าจะเลิกเขียนที่ไหนได้โอ๊ยมึน” ปรานทัศน์งึมงำ


    ตกเย็นหลังจากที่ทั้งสองแยกย้ายกันแล้วสุนทรภู่ก็ดื่มเหล้าฉลองนิราศเรื่องใหม่ตามลำพัง ส่วนปรานทัศน์ขอตัวเข้าห้องเพื่อไปศึกษาเรื่องราวต่อไปจากหนังสือเล่มนั้น

    “ฮ้าว...เหนื่อยชะมัดแถมมีเรื่องพิเรนทร์มาให้ปวดหัวอีกเรา ไม่น่าโชว์ออฟมากมายเลย”  ปรานทัศน์ยังบ่นอยู่พลางเปิดหนังสือไปหน้าที่เขาคั่นไว้ปรากฏว่าต่อจากพระอภัยมณีแล้วหนังสือเล่มนั้นไม่มีอะไรอีกนอกจากกระดาษเปล่า! ปรานทัศน์ตกใจมาก

               เขาร้อนใจเป็นอย่างมากจะเป็นเพราะนิราศของสุนทรภู่เรื่องนั้นหรือเปล่าก็ไม่ทราบ เขาพยายามลองปิดแล้วเปิดใหม่อยู่หลายรอบก็ไม่เห็นตัวหนังสือเลยสักตัวเดียว เขาหาอยู่เกือบทั้งคืนลองวิธีแล้ววิธีเล่าก็ไม่เป็นผล จนใกล้รุ่งเขาเผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนทั้งคืนโดยไม่รู้เลยว่าสิ่งที่จะเกิดต่อไปเมื่อเขาตื่นขึ้นจะเปลี่ยนเขาไปได้เลยชั่วชีวิต

    จากคุณ : ขุนไกรพลพ่าย - [ 11 ส.ค. 48 14:24:26 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป