CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    "คนถึงฆาต" ...... (เรื่องสั้นนานทีปีหน) ^^'

    “ศล   ฉันเป็นหมอ   ไม่อยากพูดอะไรที่ผิดจรรยาบรรณ   แต่ฉันกับนายก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก   นายกับฉันสัญญาว่าจะไม่โกหกกันไม่ปิดบังเรื่องอะไรกัน   ก็ได้วะ   ฉันจะบอกให้ว่านายน่ะควรจะใช้ชีวิตที่เหลือจากนี้ไปให้ดีที่สุด   เวลาของนายเหลือน้อยแล้วว่ะ”

    วิษณุเสียบฟิลม์เอกซเรย์กลับลงไปในซองกระดาษและเอื้อมมือมาเขย่าแขนของโกศลซึ่งได้แต่นั่งอึ้ง   เขาเพียงแค่รู้สึกเจ็บหน้าอกและไอไม่หยุดทั้งคืน   จนกระทั่งเมื่อหายใจลำบากและไอออกมาเป็นเลือดเขาจึงตัดสินใจลางานมาหาวิษณุซึ่งเป็นทั้งเพื่อนเก่าและหมอที่โรงพยาบาล   ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะถูกตรวจพบโรคร้ายแรงเช่นนี้

    “นายเป็นมะเร็งปอด”  วิษณุถอนหายใจ  “มาตรวจเจอตอนนี้ก็คงช่วยอะไรไม่ได้มากแล้ว”

    ชายหนุ่มร่างผอมทำเสียงหายใจลำบาก   เขารู้สึกเครียดวิงเวียนไปหมด   มือสั่นเทาล้วงลงไปในกระเป๋าเสื้อหยิบซองกระดาษเคลือบซองหนึ่งออกมาเคาะกับมือ   เพื่อนของเขาส่ายหน้าแล้วแย่งซองบุหรี่นั้นมาโยนลงถังขยะในห้อง  “นี่แหละ  ตัวการที่ทำให้นายอายุไม่ยืน  บุหรี่....กับความดื้อของนาย”

    “นายเป็นหมอ   นายก็รักษาให้หายสิวะ”

    “ยากแล้วว่ะ   ถ่อมาหาฉันตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้มากแล้ว   ถึงพอทำได้นายก็ไม่ได้กลับไปเป็นแบบเดิมอีก   ฉันเป็นหมอรักษาโรคมะเร็งมาหลายสิบปี   บอกกันตรงๆว่ะว่านอกจากจะตรวจเจอในระยะเริ่มแรกได้ยากแล้วคนที่เป็นกว่าจะมาหาหมอก็ตอนระยะที่รักษายากแล้วด้วย   คนไข้ที่ป่วยในระยะเดียวกับนายที่ผ่านมือฉันไปถ้าไม่ตายก็คือไม่เป็นปกติเหมือนเดิมอีกแล้ว”  

    “นายจะบอกว่าฉันจะตายเร็วๆนี้งั้นเรอะ”

    เป็นอีกครั้งที่วิษณุถอนหายใจ  “อันนี้ก็บอกไม่ได้ว่ะ   ขึ้นอยู่กับอะไรหลายๆอย่าง   แต่นายไม่ประมาทชีวิตไว้ก็ดี”

    โกศลคลายเนคไทออก   ยกมือขึ้นตะปบกระเป๋าเสื้อหาซองบุหรี่สูบแก้เครียดตามความเคยชินแต่ไม่พบ   นึกขึ้นได้ว่าวิษณุแย่งเอาไปจากมือโยนลงถังขยะไปแล้ว   รู้สึกหงุดหงิดกังวลอยู่พักหนึ่งก็ล้วงมือลงในกระเป๋ากางเกง   หยิบซองบุหรี่อีกซองออกมา   แต่จะด้วยมือที่สั่นไร้เรี่ยวแรงหรือประสาทรับรู้สั่งการที่ช้าลงก็ไม่รู้   พริบตาเดียวต่อมาบุหรี่ซองนั้นก็ย้ายไปอยู่ในมือของวิษณุ   สายตาละห้อยของเขาจึงได้แต่มองหมอเจ้าของไข้บรรจงหย่อนซองบุหรี่ที่สองลงถังขยะ

    “เดี๋ยวนี้นายสูบบุหรี่วันละกี่ซอง”

    “สองกว่าๆ”  เขาตอบ   เสียงแหบแห้งเหมือนหลอดลมเต็มไปด้วยสิ่งกีดขวาง “บางวันก็สาม....”

    “เครียดอะไรนักหนาวะ”

    “ก็เดิมๆ  งาน  ครอบครัว  เงิน  สุขภาพ   ยิ่งพอไอมากๆแล้วเพื่อนทักว่าน่ากลัวจะเป็นมะเร็งปอดก็ยิ่งเครียด   ยิ่งเครียดก็ยิ่งสูบ”

    หมอส่ายหน้าเมื่อได้ยินคำตอบ   ส่วนคนไข้รุกถามต่อ  “บอกมาตามตรงแบบเพื่อนกัน   อาการขั้นนี้อยู่ได้อีกกี่ปีกี่เดือนวะ”

    “ระยะลุกลามไปถึงกระดูกว่ะ   คงไม่เกินสองปีนี้   สภาพร่างกายอย่างนายตอนนี้มาโรงพยาบาลได้เองก็บุญแล้ว”

    โกศลปิดประตูบ้านลงแล้วนั่งหมดแรงอยู่ที่ข้างประตูบ้านนั้น   ทั้งหมดแรงจากอาการเจ็บป่วย   และหมดแรงจากคำพูดของหมอ   ต่อจากนี้ชีวิตของเขากำลังนับถอยหลังแล้ว   เขาเกือบจะโอนอ่อนเข้ารับการรักษาอยู่แล้ว   แต่เมื่อเห็นสภาพผู้ป่วยมะเร็งปอดที่นอนเจาะคอหายใจรวยรินในโรงพยาบาลแล้วเขาก็บอกเพื่อนว่าขอเวลาเตรียมตัวอีกสักพัก   ทำใจพร้อมได้เมื่อไหร่เขาจะเข้ามารักษาเอง

    แต่โกศลรู้ตัวเองดี....เขาไม่มีวันทำใจได้เลย

    ยืนส่งกระจกหน้าห้องน้ำ   ภาพของชายหนุ่มวัยสามสิบปลายๆมีใบหน้ากับคอและอกที่บวมเป่งเนื่องจากมีเลือดดำคั่ง  ในอกบวมนี้เองที่เนื้อร้ายกำลังเติบโตกัดกินชีวิตเขาอยู่   นึกภาพตัวเองนอนนิ่งอยู่บนเตียงคนไข้   มีเครื่องช่วยหายใจกับท่อให้อาหารผ่านรูที่ลำคอลงไป   เสียงปั๊มอากาศและท่อดูดเสมหะในลำคอกรีดบาดแก้วหู   ร่างกายตัวเองนอนผ่ายผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกแล้วโกศลคิดว่าสภาพตัวเขาในอาการแบบนั้นมันคือการตายทั้งเป็นดีๆนี่เอง

    โกศลนั่งอิงประตูบ้านอยู่พักหนึ่งแล้วค่อยๆลุกเดินอ่อนแรงไปเปิดลิ้นชักตู้เอกสารใกล้ๆ   ในลิ้นชักนั้นมีบุหรี่อยู่สองซอง   อันที่จริงไม่เพียงแต่ในลิ้นชักหรือกระเป๋าเสื้อของเขาเท่านั้น   เขายังเก็บบุหรี่อีกหลายซองในห้องน้ำ   ในตู้ยา   บนชั้นวางหนังสือ   ข้างเบรกมือรถยนต์   ในห้องครัว   แม้แต่ข้างหมอน   เขาซื้อบุหรี่จากร้านปลอดภาษีมาคราวละหลายหีบและไม่เคยปล่อยให้เพชฌฆาตสีขาวนี้อยู่ห่างตัวเลย   ชายหนุ่มโผเผมานั่งที่โซฟา   ใช้ปากคาบและจุดไฟบุหรี่ด้วยมือสั่นเทา   ใช่....เขากำลังเป็นโรคมะเร็งปอดขั้นลุกลามเพราะบุหรี่   แต่เวลานี้เขาต้องการบุหรี่

    ควันสีเทาลอยอ้อยอิ่งอยู่ในห้องรับแขก   เครื่องเรือนแทบทุกชิ้นล้วนอาบกลิ่นควันบุหรี่มานานจนหมอง   บ้านหลังนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอับสกปรกและกลิ่นยาสูบไหม้มาตั้งแต่ก่อนเขาแต่งงาน   โกศลนั่งมองไปยังรูปถ่ายวันแต่งงานของเขากับปรียานุชในตู้กระจก   เธอเป็นคนเดียวที่ยอมทนกับสิ่งนี้ได้และแต่งงานกับเขาเพราะเชื่อว่าจะทำให้เขาเปลี่ยนแปลง   แต่เขาไม่ได้เปลี่ยน   ปรียานุชจึงเปลี่ยนชีวิตของเธอเองด้วยการออกไปจากชีวิตเขาแทนเมื่อปีกลาย   โกศลหัวเราะเบาๆในลำคออันเหือดแห้ง   เขาจำได้ว่าวันที่ภรรยาของเขาเก็บข้าวของย้ายออกไปเขานอนร้องไห้และสูบบุหรี่ที่เตียงจนหลับไป   รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อบุหรี่ตกลงบนที่นอนเกิดเป็นไฟไหม้ห้องนอนขึ้นมา   เขาโชคดีที่หนีรอดออกมาและดับไฟเอาไว้ได้ทันทำให้มีเพียงห้องนอนของเขาที่เสียหายบางส่วน   และตัวของเขาถูกไฟลวกที่แขนขาเล็กน้อย   โกศลเข้าไปนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลหลายสัปดาห์   นั่นเป็นช่วงเดียวในชีวิตที่เขาอยู่ห่างบุหรี่

    กลับออกจากโรงพยาบาล   เขาย้ายที่นอนจากห้องนอนไหม้นั้นลงมานอนที่โซฟาเหม็นอับชั้นล่าง   นอนอยู่ท่ามกลางเศษอาหาร  ก้นบุหรี่  เถ้าบุหรี่  เสื้อผ้าที่ใช้แล้วยังไม่ได้ซัก   จานชามที่ไม่ได้ล้าง   และซากแมลงสาปบนพื้นห้องที่กำลังถูกมดกัดกินจนเหลือแต่เปลือก  ควันบุหรี่ลอยอบอวลเหมือนควันกำยานในวิหารศักดิ์สิทธิ์ทั้งเช้าและเย็น   เขารู้ดีว่าการเป็นสิงห์อมควันทำให้เป็นที่รังเกียจของเพื่อนร่วมงานและเป็นที่จับตามองของหัวหน้า   ยิ่งเมื่อรวมกับผลงานแบบเช้าชามเย็นชามของเขาแล้ว   ช่วงปลายปีบริษัทก็ขอร้องให้เขาลาออก   โกศลไม่มีทางเลือก   อันที่จริงเขาไม่เคยสร้างทางเลือกให้ตัวเองเลยนอกจากเลือกที่จะขับรถไปร้านปลอดภาษีแล้วซื้อบุหรี่มาอีกสองสามหีบ   บุหรี่คือเพื่อนตาย.....

    แต่เขากำลังจะตายเพราะบุหรี่

    แก้ไขเมื่อ 11 ส.ค. 48 22:51:40

    จากคุณ : ธามาดา - [ 11 ส.ค. 48 22:46:29 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป