นายๆ ตื่นลูก มานอนอะไรอย่างนี่น้ำท่าไม่อาบ ไปอาบน้ำแล้วมากินข้าว ไปๆ ลุกได้แล้ว
ครับแม่ หือ แม่ๆ จริงๆ ด้วย วู้ฮู้กลับมาแล้วโว้ยกลับมาได้แล้ว
เขาลืมตาขึ้นพร้อมกับมองไปรอบๆ บ้านแต่บ้านหลังที่เขาอยู่นั้นดูไม่คุ้นเอาเสียเลย มีเพียงบางอย่างที่เหมือนเดิมเพียงแค่บางอย่างจริงๆ เพราะทุกอย่างรวมทั้งตัวบ้านได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงจากบ้านทาวน์เฮาส์หลังขนาดปลานกลางกลับกลายเป็นบ้านที่ใหญ่โตไปจากเดิมมากเขาขยี้ตาดูและลองหยิกเนื้อตัวเองอยู่หลายรอบ คุณชลดาผู้เป็นแม่เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาส่งให้ขณะนั้นปรานทัศน์ยังดูงงๆ และมึนกับเหตุการณ์ที่ไม่น่าเชื่อนี้อยู่ไม่หาย
คุณชลดายืนมองหน้าลูกชายตัวเองอยู่พักใหญ่เห็นลูกชายทำท่าทางแปลกๆจึงได้ถามขึ้น
เป็นอะไรเหรอลูก...นาย หนูไม่สบายหรือเปล่า เธอพูดพลางเอื้อมมือมาแตะที่หน้าผากของปรานทัศน์อย่างเป็นห่วงแต่ปรานทัศน์รู้ดีว่ามันเปลี่ยนไปจริงๆและมีอะไรผิดปรกติไปมากด้วยเขาไม่ได้ป่วยและไม่ได้ฝันอย่างแน่นอนเขาคิด เมื่อก่อนคุณชลดาจะเรียกปรานทัศน์ว่า ตาทัศน์ และสรรพนามที่เรียกกันจะเรียกว่าแกเสียมากกว่าไม่ใช่หนูและวิธีปลุกมันเปลี่ยนไปจากเดิมเขาจึงถามขึ้น
แม่เรียกใครว่านายอ่ะ นี่แม่ไม่สบายมากกว่ามั๊ง เขาถามกลับเพราะมันผิดปรกติเหลือเกิน
ก็เรียกหนูไงล่ะก็ชื่อหนูน่ะ อะไรจำชื่อตัวเองไม่ได้เหรอ
โถสงสัยจะเป็นหนัก เธอชี้แจง
ไอจำน่ะจำได้ครับแต่แม่เรียกผมว่าทัศน์ไม่ใช่เหรอเรียกมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วด้วย
ปรานทัศน์แย้งขึ้นและพลันนึกในใจหรือว่าเขาจะหายไปนานจนแม่อาจจะตรอมใจจนเสียสติแต่เขาฉุกคิดขึ้นมาอีกว่าแม่ไม่มีอาการอะไรเลยที่เรากลับมาไม่ดีใจหรือเสียใจแล้ว 4 เดือนที่เขาไปอยู่ที่อื่นมาล่ะ เขาเหลือบไปมองนาฬิกาดิจิตอลในห้องซึ่งสามารถบอกเวลาและวันที่ได้พร้อมกัน ผลปรากฏว่านี่คือวันที่ 20 มิถุนายน วันแรกที่เขาย้อนเวลากลับไปในอดีตและเขาเพิ่งจะหายไปแค่
2 ชั่วโมงหรือตัวเขาไม่ได้หายไป ในขณะที่เขาลำดับเหตุการณ์อยู่นั้นคุณชลดาก็สะสางเรื่องชื่อของเขาต่อ
ทัศน์-เทิดที่ไหนกันแม่เรียกหนูว่านายมาตั้งแต่หนูจำความได้แล้ว คุณชลดาแย้งอีก
เอ่อๆ... แม่ครับเรื่องนั้นไว้ก่อนเถอะครับผมมีอะไรจะถามหน่อย ตลอด 2 ชั่วโมงที่กลับจากมหาลัยผมนอนอยู่ในห้องตลอดเลยเหรอครับ
อ้าวพูดแปลกอีกแล้ว ก็ใช่นะสิตอน 5 โมงเย็นแม่ชุ่มเข้าไปทำความสะอาดเขายังบอกอยู่เลยว่าหนูหลับคาหนังสือเรียน คุณชลดาสาธยายต่อ
แม่ชุ่ม!! ใครอ่ะครับ แม่ชุ่ม ปรานทัศน์ตกใจระรอก 2
ตายแล้วลูกชั้น คุณชลดาทำท่าจะเป็นลม ก็แม่บ้านบ้านเราไง ไม่เอาแล้วแม่ไม่เล่นด้วยแล้วไปอาบน้ำเลยเดี๋ยวจะได้มาทานข้าว ทานยาแล้วจะได้ไปนอน สงสัยจะเรียนเหนื่อยโถลูกแม่ คุณชลดาถอนหายใจเฮื๊อกใหญ่ก่อนที่จะโผลเข้ามาโอบปรานทัศน์ด้วยความเป็นห่วง ปรานทัศน์ปัดมือของคุณชลดาออกด้วยความตกใจและไม่รอช้าผละจากมือคุณชลดาได้เขารีบวิ่งไปที่ห้องอย่างเร็วแค่ 2 ชั่วโมงเองอะไรๆ มันงอกออกมาเยอะแยะขนาดนี้เลยเหรอ
ปรานทัศน์ค้นดูหลักฐานของตัวเองทุกอย่างด้วยใจระทึก ไม่ว่าจะเป็น บัตรประชาชน บัตรนักศึกษา รวมไปถึงใบทะเบียนบ้านด้วย เขาได้ แต่คิดและภาวนาว่าไม่ให้เป็นอย่างที่เขาคิดแต่พอหยิบบัตรขึ้นดูปรากฏว่ามันเป็นไปแล้ว ในบัตรทุกใบหลักฐานทุกอย่างเป็นของเขาแต่ชื่อที่ปรากฏเปลี่ยนไปจากปรานทัศน์ กลายเป็น นาย ทัศนัย ชัยพิพากษ์ศิลปะ
ซวยแล้ว...มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ยแล้วชื่อปรานทัศน์หายไปไหนล่ะเนี่ย ปรานทัศน์ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นห้อง เขาคิดว่าเรื่องทั้งหมดคงเกิดจากฝีมือของตัวเขาเองที่ไปทำให้บางอย่างเปลี่ยนไป ครู่ใหญ่คุณชลดาก็เดินเข้ามาดูว่าลูกชายตัวเองเป็นอะไร ปรานทัศน์ทนไม่ไหวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงถามแม่ถึงความเป็นมาของตัวเองทำทีประจบแม่เพราะรู้ดีว่าเขาคงได้รับคำตอบและรายละเอียดที่ผิดปรกติทั้งหมดเป็นอย่างแน่
คุณชลดาซึ่งตอนนี้เปลี่ยนเป็นคนละคนกับคนเดิมไปแล้วพอเจอลูกประจบของปรานทัศน์เข้าหน่อยก็เล่าให้ฟังถึงประวัติทุกอย่างของบ้านและของตัวปรานทัศน์เองคิดว่าปรานทัศน์คงอยากให้เล่าเรื่องปู่ทวดให้ฟังอีก
แม่ครับทำไมเราถึงอยู่บ้านใหญ่อย่างนี้ล่ะครับ ปรานทัศน์ตั้งคำถามก่อน
ลืมหรือไง ก็เป็นบ้านของปู่ทวด ไง ที่มาเป็นเพื่อนสนิทกับท่านสุนทรภู่ น่ะ นายยังชื่นชมและยังให้แม่เล่าเรื่องปู่ทวดกับท่านสุนทรภู่ให้ฟังอยู่บ่อยๆ แถมยังบอกว่าโตขึ้นจะเป็นกวีเอกเหมือนท่านสุนทรภู่กับปู่ทวดอีก
แล้วปู่ทวดชื่อว่าอะไรครับ
เอ้...ลูกนี่ก็ ปรานทัศน์ ไง ยังรับราชการคู่กับท่านสุนทรภู่เลย รู้สึกจะตำแหน่งขุนเหมือนกัน ตำแหน่ง...อืม... อ๋อ ขุนทัศนะปราการ ถ้าจำไม่ได้มานี่ตามแม่มาจะให้ดูอะไร จะได้เลิกอำแม่ซะที ปรานทัศน์เดินตามคุณชลดาไปถึงห้องพระห้องหนึ่งซึ่งมีของเก่าแก่เรียงรายมาก
มายสวยงามเป็นระเบียบ ทั้งสองเดินไปยังรูปถ่ายบานใหญ่ที่แขวนไว้เป็นรูปเก่าที่มีผู้ชายใส่ชุดราชปแตน 2-4 คนยืนอยู่ชายทุกคนดูภูมิฐานและสง่า คุณชลดาชี้ให้ปรานทัศน์ดูชายชราอายุประมาณ 60 คนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ทรงตะวันตกท่ามกลางการห้อมล้อมของชายกลุ่มนั้น
นี่ไง ปู่ทวดถ่ายตอนรับราชการ รู้สึกจะถ่ายตอนสมัยกลางๆ รัชกาลที่ 5 ครองราชน่ะ ดูสินายหน้าเหมือนปู่ทวดเลยนะ ใส่หนวดเคราสักหน่อยอย่างกับคนเดียวกันเลยนะ
ปรานทัศน์เห็นภาพนั้นก็ใจหายวาบ ไม่เหมือนได้อย่างไรก็คนในรูปก็คือเขานั่นเอง เขาคิด วินาทีนั้นเองเขาก็รู้ทันทีว่าทุกอย่างเกิดจากนิราศบทนั้นจึงทำให้เรื่องราวมันยุ่งเหยิงประวัติศาสตร์กลับตาลปัต เขาคงต้องหยุดเรื่องนี้เสียที แต่จะทำอย่างไรล่ะ!!!
จากเรื่องราวทั้งหมดที่แปลกไป มากปรานทัศน์รีบกลับมาดูหนังสือตันเหตุเล่มนั้นทันทีที่นึกออก เขาเปิดดูหน้าที่ต่อจากเรื่องของพระอภัยมณี ประวัติของสุนทรภู่และเรื่องราวทั้งหมดกลับมาแล้วแต่มีบางส่วนที่หายไป ในขณะเดียวกันก็มีเรื่องราวใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมาด้วยเช่นกัน ต่อจากนั้นก็เป็นนิราศเจ้าปัญหา มันกลับมาอยู่ในหนังสือเล่มนี้แล้วและในหนังสือยังกล่าวถึงขุนทัศนะปราการสหายสนิทต่างวัยของสุนทรภู่อีกด้วย คงเพราะเหตุนี้เองจึงทำให้เรื่องราวในปัจจุบันทุกอย่างเปลี่ยนไป
ชายหนุ่มยังคงคิดต่อไปอีกว่าเรื่องราวของขุนทัศนะปราการคงไม่ได้มีดแค่บางส่วนในประวัติสุนทรภู่เล่มนี้อย่างแน่นอน
รุ่งเช้าเขารีบไปที่มหาวิทยาลัยแต่เช่าตรู่และมุ่งตรงไปยังห้องสมุดของมหาวิทยาลัยเพื่อค้นหาบางอย่าง ใช่แล้วมันคือเรื่องของขุนทัศนะปราการเขาจะไปดูให้แน่ชัดว่าสิ่งที่เขาคิดจะเป็นจริงหรือไม่ ในชั้นหนังสือชีวประวัติปรานทัศน์พบว่ามีเรื่องราวประวัติของขุนทัศนะปราการคนนี้จริงๆ มีทั้งเรื่องราวของประวัติ ผลงาน และเรื่องราวต่างๆ เหมือนของสุนทรภู่ทุกประการ
มีเรื่องราวพวกนี้ได้ยังไง เขาคิด เรากลับมาก่อนที่ที่นิราศบทนั้นจะเขียนเสร็จนี่นา
อืม...แล้วขุนทัศนะปราการเป็นใครนะ ดูหน่อยดีกว่าไหนๆ ก็หามาแล้ว เขาเปิดหนังสือประวัติของขุนทัศนะปราการดูปรากฏว่ามีเรื่องราวเขียนไว้อย่างละเอียดจนไม่น่าเชื่อ ความว่า
ขุนทัศนะปราการ ชื่อเดิม ทัศน์ หรือ ปรานทัศน์ เป็นชื่อที่แปลกมากเพราะในสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 3 ยังไม่นิยมตั้งชื่อ 2 พยางค์ แต่ได้มีคนสันนิดฐานว่า ขุนทัศนะปราการมาจากเมืองอื่น ซึ่งไม่ระบุแน่ชัดว่ามาจากเมืองไหน ประวัติของท่านมาชัดแจ้งตอนที่เข้ารับราชการ มีบางเหตุการณ์บอกว่าท่านขุนสุนทรโวหารและขุนทัศนะปราการผิดใจกันตอนที่ยังไม่ได้รับตำแหน่ง ทำให้ขุนทัศนะปราการ หรือทัศน์ในตอนนั้นต้องหายหน้ากลับบ้านเมืองของท่านไป
ทำให้สุนทรภู่ตรอมใจมากจึงคิดสั้นออกบวช แต่ก็ไม่แน่ชัดและมีบางเหตุการณ์ที่กล่าวอ้างว่า ทั้งสองทะเลาะกันอย่างหนักเรื่องที่แย่งความดีความชอบและใคร แต่งนิราศได้ดีกว่ากัน ที่หน้าแปลกก็คือ หากทั้งสองมีเรื่องกันจริงๆ ทำไม นิราศสหายแก้ว นิราศบทที่ทำให้ขุนทัศนะปราการได้มีผลงานจึงถูกนำเข้าเฝ้าถวาย และเป็นเหตุให้ ท่านได้เข้ารับราชการ ในเวลาต่อมา อยู่ในตำแหน่งขุนเป็นกวีรองจากสุนทรภู่และได้ทำงานร่วมกันและทั้งคู่ไม่มีทีท่าว่าจะมีปัญหากันแต่อย่างใด จึงทำให้เรื่องนี้ตกไป
ปรานทัศน์ยิ่งอ่านก็ยิ่งไม่เข้าใจและเมื่อเขาเปิดไปดูหน้าของผลงาน ปรากฏว่า นิราศบางเรื่องของสุนทรภู่อยู่กับเขาและเป็นผลงานของเขา และสิ่งที่น่าแปลกไปกว่านั้นคือ หลังจากที่สุนทรภู่เสียชีวิตแล้วแทนที่ขุนทัศนะปราการอะไรนี่จะเงียบหายไปกลับมีบทบาทและได้รับตำแหน่งสูงขึ้นและทำงานต่อไปจนถึงรัชกาลที่ 5 ปลายๆ และเขายังมีส่วนร่วมในการเลิกทาสด้วย!! ซึ่งในหนังสือยังระบุว่าเขาเป็นตัวตั้งตัวตีของข้อเสนอเลิกทาสอีกด้วย เรื่องราวมันชักจะไปกันใหญ่ ตอนนี้ปรานทัศน์ไม่เพียงแค่เปลี่ยนประวัติศาสตร์หากยังสร้างประวัติศาสตร์บทใหม่ขึ้นมาอีกมาย ปัญหาครั้งนี้ใหญ่มากเสียแล้ว ก่อนที่มันจะมีอะไรมากกว่านี้เขาต้องรีบแก้ เขาคิด
เขาไม่แน่ใจว่าหนังสือเล่มนี้จะพาเขากลับไปได้อีกหรือไม่เพราะการที่เขาย้อนเวลากลับไปนั้นคงแค่ไปทำให้สุนทรภู่มีกำลังใจและเป็นผู้ช่วยของสุนทรภู่ตอนกำลังโศกเศร้าเท่านั้น ซึ่งตอนนี้มันก็เข้าที่เข้าทางเรียบร้อยแล้วแต่ทำไมมันกลับยุ่งเหยิงไปกันใหญ่อย่างนี้ หรือว่าสิ่งสำคัญไม่ใช่แค่เรื่องนั้น ขณะที่เขาคิดอยู่นั้นหางตาของเขาก็ได้สังเกตเห็นชายแก่คนหนึ่งนุ่งขาวห่มขาวเหมือนพราหมณ์นั่งจ้องมองเขาอยู่!!
แก้ไขเมื่อ 12 ส.ค. 48 13:05:23
แก้ไขเมื่อ 12 ส.ค. 48 13:03:38
จากคุณ :
ขุนไกรพลพ่าย
- [
วันแม่แห่งชาติ 12:59:35
]