เกือบชั่วโมงต่อมาปรานทัศน์ก็ได้สติและตื่นขึ้น ตัวเขาเองนึกว่าฝันไปด้วยซ้ำแต่ที่ยืนห้อมล้อมเขาอยู่นั้นมีแต่คนที่ไม่เคยเป็นเพื่อนกับเขาเลยหรือแม้แต่มองก็ยังไม่เคย มีทั้งฝ้ายดาวมหาลัยที่ตอนนี้เป็นแฟนเขาไปเรียบร้อยแล้ว ไหนจะไอ้เสี่ยวอัศวินขี้เก๊กอีกและที่ยิ่งไปกว่านั้นเขากลายเป็นคุณหนูทัศนัยไปจริงๆแล้ว
ในทางกลับกันเพื่อนๆ ซึ่งเคยสนิทกันมากก็กลับกลายมาเป็นศัตรูโดยที่เขไม่รู้ตัวเลย ปรานทัศน์ได้สติขึ้นก็นึกถึงแหวนมรกตวงนั้นทันที
โชคดีที่แหวนยังอยู่แต่ตอนนี้เขาไม่มีสมาธิจะคิดอะไรทั้งนั้นเพราะพวกฝ้ายล้มเขาอยู่ราวกับว่าเขาเป็นคนป่วยที่ใกล้ขีดอันตรายมากๆ ทันทีที่เขาลืมตาขึ้นทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็ยิงคำถามไม่หยุด
เริ่มจากฝ้าย ทัศน์เป็นอะไรหรือเปล่าฝ้ายเป็นห่วงมากนะ
แล้วตามด้วยอัศวิน ไอทัศน์เอ็งเป็นอะไรของเอ็งว๊ะพวกข้าตกใจแทบแย่
ต่อด้วยโต๊ดเพื่อนอีกคนของปรานทัศน์ที่สนิทไม่แพ้แว่นแต่ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นคล้ายๆ ลิ่วล้อของเขาไปแล้ว คุณทัศน์ครับไม่สบายมากหรือเปล่าจะให้ผมโทรไปบอกคุณนายหรือเปล่าครับ
สรุปแล้วปรานทัศน์ไม่ได้ตอบคำถามของใครเลยแม้แต่คนเดียวเพราะมันอื้ออึงไปหมดเหมือนผึ้งแตกรังก็ไม่ปาน มีเพียงความงงงงวยที่เกิดขึ้น พอจับใจความได้ว่าทุกคนแค่เป็นห่วงเป็นคำถามเดียวกันแต่หลายประโยคจึงตะโกนตอบดังลั่นห้อง
เฮ้ย! ข้าไม่ได้เป็นอะไร พอ...พอได้แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงมากหรอกแค่เหนื่อยมากไปก็แค่นั้นเอง เสียงของปรานทัศน์ทำให้ทุกคนเงียบกริบและจ้องเขาเป็นตาเดียวราวกับว่าเขาเป็นตัวประหลาด เขาลืมตัวแต่ทุกคนคิดว่าเขาคงแปลกไปเพราะไม่สบาย
ขอข้าอยู่คนเดียวสักพักได้มั๊ยว๊ะ ข้าปวดหัวจริงๆ ปรานทัศน์ขอความเป็นส่วนตัวจากเพื่อนๆ พวกอัศวินจึงออกไปจากห้องเหลือก็แต่เขาคนเดียว
ทำไงดีเนี่ย โชคดีนะที่แหวนยังอยู่ ต้องรีบทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะขืนปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปคงมีเรื่องใหญ่ๆ เกิดตามมาแน่ ชายหนุ่มนึกพลางหยิบแหวนวงนั้นขึ้นมาดู ชั้นจะทำอะไรกับแกดีเนี่ย เขาเพ่งพินิจแหวนวงนั้นอย่างตั้งอกตั้งใจ ถ้าสวมเข้าไปจะเป็นอย่างไรนะ จะไปสมัยไหน พลันนึกถึงการ์ตูนเรื่องโดราเอม่อนที่มีประตูวิเศษ อ๋อคงเหมือนประตูไปไหนก็ได้ของโดราเอม่อนมั๊ง แค่นึกถึงที่ที่เราจะไปแล้วสวมทันที......เขานิ่งอยู่ครู่หนึ่ง
เฮ้อ...เด็กชะมัดเลยจะมีได้ไงของแบบนั้น งี่เง่าจริงๆเลยเรานี่ ในขณะที่ปรานทัศน์กำลังคิดเพลินๆ อยู่นั้นพวกแว่นก็เดินเข้ามาอย่างฉุนเฉียวและโมโหมาก
ไอ้ทัศน์แกทำให้เพื่อนข้าต้องเกือบตาย แกรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้ไอ้สิทธิ์ยังไม่ได้สติเลยมันสลบตั้งแต่เมื่อวานที่เอ็งไปซ้อมมัน กรรมตามสนองแล้วล่ะข้าจะเอาคืนบ้าง หลังจากพูดจบแว่นก็ออกคำสั่งอย่างโมโห
ลากมันลงมาจากเตียง! คนอีกกลุ่มพอได้ยินดังนั้นก็ปรี่เข้ามาหาปารนทัศน์ทันที ตอนนี้ปรานทัศน์ยากที่จะหลบลี้หลีกหนีไปไหนได้แล้วจึงคิดลองวิธีที่สวมแหวนดู
ผลลัพธ์เป็นไปตามที่เขาคิดเมื่อสวมแหวนแล้วคิดถึงที่ไดตอนไหนก็จะไปอยู่ที่ตรงนั้นอย่างที่คิด แทนที่ปรานทัศน์จะนึกถึงช่วงเวลาของสุนทรภู่แต่กลับไม่มีสมาธิบวกกับพวกแว่นรุมเร้าเข้ามาทำให้เขาหลงยุคคิดไปถึงสมัยของการสู้รบ
เมื่อสวมแหวนปรานทัศน์ก็หายวับไป เดชะบุญเขาเลือกที่จะนึกถึงยุคได้ถูกจริงๆ เขามาอยู่ในยุคของการสู้รบเพื่อกอบกู้อิสรภาพและชิงดินแดนคืนจากพม่าของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเป็นยุคที่กรุงศรีอยุธยาแตกค่ายใหม่ๆ ในยุคนั้นวุ่นวายมากบ้านเมืองแตกซ่านทั่วสารทิศเป็นบ่อเกิดให้เจ้าเมืองใหญ่ๆ ต่างตั้งตัวเป็นใหญ่และรวบรวมสมัครพรรคพวกเพื่อรบกับพม่าและหวังจะได้เป็นใหญ่ในภายภาคหน้าอยู่หลายกลุ่ม
ปรานทัศน์หลุดออกจากห้วงการเวลาตกลงมาทับทหารสองนายหน้าเมือง เมืองหนึ่งที่มาอย่างรุนแรงคงเพราะว่าคราวนี้เขาไม่ได้มาโดยบังเอิญหากแต่ใช้แหวนเป็นตัวเชื่อมมิติกาลเวลาและคงมาอย่างกะทันหันเกินไปจึงทำให้ตกลงมาอย่างแรง
ทันทีที่ปรานทัศน์ตกลงมายังไม่ทันได้ลุกขึ้น ก็มีทหารคนหนึ่งปรี่เข้ามาและใช้ดาบที่มีใบมีดคมกริบจ่อคอของเขาทันที
หยุดอยู่แค่ตรงนั้นอย่าเคลื่อนไหวอีกแม้แต่น้อย หาไม่แล้วคอเอ็งจะขาดเป็นสองเสี่ยง ทหารคนนั้นแผดเสียงข่มขู่ดังขึ้นพลางเงื้อดาบที่มีความยาวเกือบสองเมตรเตรียมฟันทันทีที่เขาขยับ
ปรานทัศน์ห้าซีดเผือดเมื่อเห็นภาพนั้น ใจได้แต่คิดว่ารู้อย่างนี้ปล่อยให้พวกแว่นอัดเสียยังจะดีกว่ามาตายศพไม่สวยอย่างนี้ แต่ทันใดนั้น
ประเดี๋ยวก่อนท่านนายกอง เสียงสววรค์ดังมาจากด้านข้างของชายคนนั้น เป็นเสียงของชายร่างปานกลางคนหนึ่งแต่งชุดที่ดูเหมือนจะเป็นทหารธรรมดาไม่มียศศักดิ์อะไรพูดแทรกปรามไว้ นายกองคนนั้นเปลี่ยนความสนใจและหันปลายดาบไปที่ทหารผู้นั้น
ทำไมรึเหตุใดข้าจะฆ่ามันมิได้ มิเห็นรึว่าการแต่งกายของมันไม่เหมือนชาวบ้านร้านช่องเขา นายกองให้เหตุผล
มันก็จริงอยู่แต่ท่านคิดแต่จะฆ่าคนท่าเดียวใยไม่สอบความจริงเท็จก่อนเล่าว่ามันเป็นพวกใครและพักดีฝ่ายไหน ถ้ามันเป็นพวกอังวะเราจะฆ่าตอนนั้นก็ไม่สายมิใช่รึ ทหารนายนั้นพูดเพื่อให้นายกองเย็นลง ปรานทัศน์จึงเสริมขึ้น ใช่ๆ พี่ชายเย็นไว้ก่อนนะพี่ ผมไม่รู้จริงๆว่ามาอยู่ที่นี่ได้ไงอยู่ๆผมก็...
ไอ้นี่สำเนียงมันแปลกยิ่ง จะว่าพม่าอังวะก็หาไม่ จะเป็นชาวจันทบุรีก็ไม่เชิงเอ็งมาจากที่ใดบอกมา นายกองผู้นั้นยังไม่หยุดขึ้นเสียง
ผมมาจากกรุงเทพฯ ปรานทัศน์ตอบห้วนๆ เพราะรู้สึกโมโหแล้วเหมือนกัน
กรุงเทพฯ มันอยู่ที่ใดข้ามิเคยได้ยิน เอ็งอย่ามาเล่นลิ้นกับข้านะมันอยู่ที่ใดบอกมา
บอกไปก็ไม่รู้จัก เจริญกว่าที่พวกท่านอยู่ก็แล้วกันและไม่ชอบฟันคอใครเล่นด้วยมีศีลธรรมกว่านี้ตั้งเยอะ ปรานทัศน์ยิ่งโมโหหักกว่าเดิม
เอ๊ะ! ไอ้นี่ปากกล้านักไม่รู้รึว่าข้าเป็นใคร นายกองผู้นั้นอวดเบ่ง
ก็บอกมาสิโว้ย ไม่งั้นจะรู้ได้ไงเล่า ปรานทัศน์ไม่หยุดปาก
ปากเอ็งมันดีเยี่ยงนี้อยากตายรึไง เขาเงื้อดาบอีกครั้งแต่ต้องชะงักอยู่แค่นั้นเพราะตอนนี้ทหารทั้งกองต่างจับจ้องมาที่นายกองผู้นี้เป็นตาเดียว
"ฮึ! ข้านะรึ เขาลดดาบลงพลางพูดอวดเบ่งต่อ เอ็งจงฟังและจำใส่กะลาหัวไว้เลยนะ ข้ามีนามว่า ขุนศรีหเทพ ทหารคนสนิทของท่านเจ้าเมืองจันทบุรีแม้แต่ลูกชายท่านเจ้าเมืองยังต้องเกรงใจข้าแล้วเอ็งเป็นใคร! ชายคนนั้นยืนเบ่งยิ่งกว่าเดิมและออกปากสั่งทหารให้นำปรานทัศน์ไปขังเป็นเชลยเพื่อสอบว่ามาจากที่ไหนกันแน่
จับไอ้ปากดีนี่ไปขังไว้ก่อนแล้วนำทรัพย์สินในตัวของมันทั้งหมดมาให้ข้า หลังจากสั่งเรียบร้อยก็หันไปหาทหารคนที่เข้ามาช่วยปรานทัศน์ไว้พลางชักสีหน้าไม่พอใจ คงเพราะทหารคนนั้นอาจจะทำให้เขาอายก็เป็นได้
จึงสั่งให้ทหารคนนั้นไปอยู่เฝ้าปรานทัศน์ไม่ให้ออกไปไหนไม่อย่างนั้นจะมีโทษจนกว่าจะมีคำสั่งจากเจ้าเมืองให้ปรานทัศน์เข้าพบและสอบสวนจนเรียบร้อยก่อน
ของในตัวปรานทัศน์โดนริบไปหมดรวมทั้งแหวนวงนั้นด้วยจึงทำให้เขาจะหนีก็หนีไม่ได้ โอ้พระเจ้าจอร์จแล้วเขาจะทำไงละทีนี้
----------------------------------------------------------------------------------
ปรานทัศน์จะมีวิธีแก้ปัญหาอย่างไรแล้วจะแก้สถาณการณ์นี้ได้หรือไม่มาเป็นกำลังใจให้เขาในตอนต่อไปด้วยนะขอรับ
ด้วยจิตคาราวะปานกลางไม่สูงมากเพราะกลัวความสูง
ขุนไกรพลพ่าย
จากคุณ :
ขุนไกรพลพ่าย
- [
16 ส.ค. 48 00:41:01
]