พระนลคำฉันท์...กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ทรงแต่ง......
สรรคที่ ๑
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2455645/W2455645.html
************************************
นิทานเรื่องพระนล
สรรคที่ ๑๙
อินทรวงศ์ฉันท์
เมื่อนั้นพระทรงธรรม์
ฤตุบรรณ์อนันต์ขจร
ยศยงอลงกรณ
สิริโรจน์อโยธยา
ยินถ้อยสุเทพทูล
จิตหวังพระอังคนา
นึกนางสอางตา
ปถพินทร์ถวิลกระสัน
ภูธเรศธเรียกวา
หุกสารถีขยัน
จอมขัติย์ดำรัสพลัน
พรพจน์พระภูบดี
อ้าท่านชำนาญม้า
จิตฃ้าคำนึงนรี
นางทัมะยันตี
วนิดาประภาสมร
คิดใคร่หทัยตู
จรสู่วิทรรภ์นคร
พรุ่งนี้สยุมพร
อรไทยวิไลยระหง
ท่านรับจะขับรถ
จรบถวิทรรภะตรง
จักทันมิทันจง
ระบุบอกบ่หลอกบ่เลือน ฯฯ
เมื่อนั้นพระนลวา
หุกจิตก็อิดก็เอือน
จักคิดจะบิดเบือน
ฤจะรับจะขับดุรงค์
อ้ำอึ้งรำพึงใน
หฤทัยพะว้าพะวง
จักจริงมิจริงปลง
จิตเชื่อก็เหลือจะจริง
นางคิดชนิดนี้
ยุวดีประสงค์ประวิง
หลากหลายอุบายหญิง
ดุจน้ำณะลำนที
เหตุทุกขะเทียมเฃา
อรเยาวะภาวินี
ฟุ้งซ่านทยานมี
มลจิตบ่คิดระวัง
ฤานางจะล่อตู
จรสู่วิทรรภ์กระมัง
โฉมฉายจะหมายยัง
ผลเพื่อประโยชนะเรา
ยากเย็นบ่เห็นหน้า
ภสดาก็เดือดกำเดา
เจ็บใจกระไรเยา
วะกนิษฐะคิดบ่ดี
เยี่ยมหญิงประวิงเจ
ตนะเล่หะกลสตรี
แยบคายก็หลายมี
นยะลึกจะนึกก็เลือน
เราเล่าก็เหลือเลว
ชลเหลวก็เหลวบ่เหมือน
นางนวลก็ควรเบือน
จิตจากบ่อยากจะดู
นึกไปก็ไม่น่า
กลยาณินวลพบู
จักร้างจะห่างตู
ก็บ่ควรจะด่วนหทัย
ใคร่ครวญบ่ควรเชื่อ
นุชเนื้ออุไรวิไลย
นงเพ็ญจะเปนไป
ดุจนั้นก็มั่นบ่เปน
ลูกเต้าก็มีอยู่
พระพธูจะเคืองจะเข็ญ
ยามเปลี่ยวผิเหลียวเห็น
บุตรน้อยก็ค่อยสบาย
จักเชื่อมิเชื่อไซร้
หฤทัยระส่ำระสาย
จักจริงมิจริงหมาย
จรสู่จะรู้ยุบล
ควรรับจะขับรถ
จรบถวิทรรภ์สถล
แม้นโหดประโยชน์ตน
ก็ประโยชน์พระภูบดี
คิดพลางทำนูลพลัน
ฤตุบรรณ์วิบูลย์พลี
ฃ้าแต่พระภูมี
อธราชมไหศวรรย์
ฃ้ารับจะขับรถ
จรบถสถลวิทรรภ์
ขับควบประจวบวัน
ก็จะถึงมิพึงลำเค็ญ
ทูลพลางก็ทูลลา
นรศาระทูละเพ็ญ
สู่โรงดุรงคเห็น
หยะพลันก็สรรดุรงค์
เห็นหัยกำไรแรง
พลแขประดุจประสงค์
ผอมซูบและรูปทรง
ดุจหาญทยานดำพร
ขวัญดีก็มีถ้วน
ทศล้วนวิไลยบวร
แม่นมาดจะอาจจร
กละพายุพาคระไล
ลักษณ์เลิศกำเนิดสิน
ธวถิ่นดุรงค์กำไร
จมูกว้างและคางไห
ยะก็เติบและเอิบกำลัง
สี่ม้าเสมอกัน
นลสรรประดุจหวัง
นิ่งนานวิจารณ์ดัง
จิตแน่บ่แปรหทัย
ปางองค์พระทรงธรรม์
ฤตุบรรณ์อนันต์อำไพ
เห็นสูตะดูไห
ยะกษัรติย์ก็ตรัสประหาร
สารถีฉะนี้หรือ
กิจคือคุณูปการ
เลือกหัยจะให้ปาน
พยุพัดกระพืออำพร
ม้าผอมก็ย่อมไร้
พลไปณะป่าณะดอน
สิ้นแรงบ่แขงจร
ก็จะล่าจะช้าบ่ทัน
แสนโซมโนมัย
ก็และใครจะเลือกจะสรร
ขับควบประจวบวัน
ก็จะล้มบ่สมหทัย ฯฯ
วาหุกทูลว่า
อ้าองค์พระทรงศรี
หยะสี่ประเสริฐกำไร
สิบขวัญสำคัญใน
คตินี้จะชี้ตำรา
ขวัญหนึ่งณะหน้าผาก
ดุจแบบบุราณะมา
สองขวัญณะอกปรา
กฎแท้บ่แปรบ่ผัน
สองขวัญณะหัวม้า
ผิวหาจะเห็นสำคัญ
สีฃ้างก็สี่ขวัญ
หยะฃ้างละสองละสอง
ขวัญหนึ่งณะหลังม้า
ดุจฃ้าทำนูลลบอง
สิบขวัญสำคัญปอง
จิตพบก็สบประสงค์
อันนี่ดุรงค์นี้
จรลีจะสมจำนง
วิ่งวางณะทางตรง
ก็จะถึงประหนึ่งหทัย
มาตรแม้นพระองค์ทรง
พระประสงค์ดุรงคะใด
จอมกษัตริย์ดำรัสไป
และก็ฃ้าจะโดยจำนง ฯฯ
พระฤตุบรรณ์ตรัสว่า
อ้าท่านชำนาญอัศ
วะจะจัดจะเลือกดุรงค์
ตูไซร้มิได้จง
จิตหาญจะค้านจะติง
เลือกไหนบ่ขัดวา
หุกอย่าพะวงประวิง
ม้าไหนจะไวจริง
จรลีบ่รีบ่รอ
เครื่องงามอร่ามรัต
นะจรัสดุรงค์ลออ
รีบเทียมและเตรียมพอ
รถเสร็จจะเตร็จทยาน ฯฯ
เมื่อนั้นพระนลวา
หุกจาตุริกชำนาญ
ยินตรัสพระภูบาล
จรรีบตุรงคะเทียม
สี่หัยะไวว่อง
นลคล่องทำนองทำเนียม
รถเก็จสำเร็จเตรียม
ฤตุบรรณ์ก็พลันเถลิง
ปางสัตวะสี่ม้า
กิริยาก็ร่าก็เริง
ยืนกรานชำนาญเชิง
กลดื้อสดังภะกร
สี่ม้าก็นอนลง
บ่มิปลงหทัยจะจร
ไนษัธธตรัสสอน
คติชอบพระปลอบพระโยน
บังเหียนพระรวบกำ
หยะล้ำก็เผ่นกระโจน
เทียมพายุพาโผน
รถเก็จระเห็จถลัน
ฝ่ายวาร์ษเณย์ยืน
จรขึ้นก็แทบบ่ทัน
เร็วกลจะย่นมรร
คะสถลณะพนณะไพร
นลเร่งดุรงค์รีบ
จรถีบธุลีคระไล
เร็วรุดประดุจใจ
พยุพัดกระพืออำพร
ปางองค์พระทรงขัณฑ์
ฤตุบรรณ์วิบูลย์บวร
รถปลิวละลิ่วจร
นรนาถประหลายหทัย
ฝ่ายวาร์ษเณย์คะนึง
จิตอึ้งรำพึงไฉน
หลากจิตจะคิดไป
ก็บ่คล่องทำนองคะดี
สารถีฉะนี้หรือ
ก็และคือพระมาตลี
ผู้เทวะสารถี
สุรราชวรมรินทร์
ชะรอยมาตลีมา
ดุจสารถีบดินทร์
ใครเลยจะเคยยิน
ชนหาญชำนาญเสมอ
ฤๅหนึ่งพระนลนา
ยกมากระมังนะเออ
ชาญม้าวิชาเธอ
ดุจเทพสารถี
ใครอื่นจะหาหนึ่ง
บ่มิถึงพระมาตลี
ใครอื่นก็ไม่มี
ชนหนึ่งจะถึงพระนล
คนนี้ก็ใครเล่า
ดุจเจ้านิษัธถกล
เริงแรงกำแหงรณ
รถคล่องทำนองดุรงค์
สามารถเสมอนล
สุรพลพิชาผจง
ชาญอัศวะทัดองค์
นลราชนราธิเบนทร์
แม้นใช่พระไนษัธ
ก็สมรรถเสมอนเรนทร์
ฉันใดพระนลเจน
จิตหาญชำนาญดุรงค์
วาหุกก็ฉันนั้น
ดุจกันบ่แผกจำนง
เที่ยงแท้บ่แปรปลง
จิตมั่นสำคัญหทัย
แปลกกันก็แต่รูป
นลเลิศประเสริฐวิไลย
วาหุกวิรูปไน
ยนะพิศก็อิดระอา
วัยสองเสมอกัน
ดุจมั่นเสมอวิชา
นลแสร้างจะแปลงวา
หุกหรือก็คือพระนล
วาร์ษเณย์คะนึงตรอง
ก็บ่ถ่องทำนองยุบล
สนเท่ห์คเนจน
จิตอยู่บ่รู้คะดี
ฝ่ายองค์พระทรงธรรม์
ฤตุบรรณ์อนันต์พลี
เอมอิ่มกระหยิ่มมี
มนเหมเกษมกมล
รถรุดประดุจปลิว
จรฉิวณะแถวสถล
หวิวๆ ละลิ่วปน
พยุแล่นณะราวพนม
มารุตบ่หยุดพัด
พนชัฎระงายระงม
รถรัตน์ก็ทัดลม
หยะห้อบ่รอกำลัง ฯฯ
จบสรรคที่ ๑๙ ในนิทานเรื่องพระนล
*******************
ตัวสะกดการันต์ ตาม พระนลคำฉันท์ พระนิพนธ์ของ พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ
พิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ นางเสนางควิจารณ์(ใหญ่ อุทยานานนท์)
ณ เมรุวัดเทพศิรินทราวาส ๒๙ ธันวาคม ๒๔๙๘
จากคุณ :
SONG982
- [
16 ส.ค. 48 21:08:04
]