CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    ***ลำนำรักของไลลา บทที่๗ ตอน...หัวใจไร้มลทิน***

    สวัสดีค่ะ มาแป่ะเรื่องต่อแล้ว
    ตอนนี้อาจจะติดเรต...นิ๊ดดดหน่อยนะค่ะ (อิอิ อ่านแล้วก็อย่าคิดมาก)
    ---------------------------------------------------------

    หัวใจไร้มลทิน


    เสียงกรุ๊งกริ๊งของกระพรวนพวงเล็กที่แขวนกับประตูหน้าร้านอาหารเล็กๆดังขึ้น เมื่อมีผู้เปิดเข้ามาผมเงยหน้าจากจานข้าวพุ่งสายตาไปที่ประตูทันทีด้วยหวังว่าจะเห็นบุคคลที่เฝ้าคอย…แต่แล้วผมก็ต้องก้มหน้าเขี่ยข้าวในจานต่อด้วยความรู้สึกเซ็งๆ เมื่อคนที่เข้ามาไม่ใช่เธอ แต่กลับเป็นใครก็ไม่รู้หุ่นล่ำยังกะนักกล้ามแน่ะ

    จนกระทั่งข้าวกระเพราะไก่ไข่ดาวที่จัดว่าเป็นหนึ่งในเมนูสิ้นคิดเกือบหมดจาน เสียงกรุ้งกริ๊งก็ดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมๆกับร่างบางอวบอิ่มที่มักจะทำให้หัวใจผมสูบฉีดเลือดรุนแรงทุกครั้งที่เห็นเธอ…สายตาผมจับจ้องเธอนับแต่วินาทีนั้น จนกระทั่งเธอเดินไปนั่งที่โต๊ะเล็กมุมร้าน ซึ่งเธอจะนั่งมุมนั้นทุกครั้งที่เข้ามาในร้านนี้

    คุณคิดว่าผมบ้ามั้ย ถ้าจะบอกว่าผมแอบมองเธอเงียบๆมา สามเดือนแล้ว แต่ไม่เคยเข้าไปคุยกับเลยซักครั้ง ทั้งๆที่ตั้งใจอยู่หลายครั้งเหมือนกันแต่ก็เหลว เพราะไม่กล้า…อีกอย่าง เธอก็ดูสวยสะอาดเหลือเกิน เธออาจจะมีคนรักแล้วก็ได้…ผมจึงได้แต่แอบมองเธอไปแบบนี้

    และอาหารที่เธอทานเป็นประจำ คือ มักกะโรนีผัดกุ้ง กับน้ำแตงโมปั่น หรือไม่ก็จะเป็นกุ้งทอดกระเทียม กับน้ำแตงโมปั่นเหมือนเดิม แต่ทุกครั้ง เธอจะตบท้ายด้วยไอศกริมรสส้มเสมอ…ผมชอบเวลาที่เธอขยับร่าง เส้นผมเรียบตรง ดำเงา ของเธอจะพลิ้วตามการเคลื่อนไหวของร่างกาย จนทำให้ผมอยากลองลูบเล่นดู ว่ามันจะนุ่มลื่นซักแค่ไหนกัน

    ขณะที่ผมกำลังมองเธอเพลินๆอยู่นั้น ผมก็ได้ยินเสียงอะไรแว่วเหมือนว่าจะดังอยู่ใกล้ๆ พลัน! ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อถูกฝ่ามือหนาหนักของใครบางคนตบผัวะเข้าที่ต้นแขนเต็มๆ

    “เฮ้ย! มองอะไรวะ ข้าถามตั้งนานแล้ว”

    สติสตังผมวิ่งกลับคืนร่างทันที แล้วก็กระพริบตาปริบๆมองคนตรงหน้าอย่างงงๆ

    อ้อ! ผมลืมบอกไป ว่าวันนี้ผมมีเพื่อนมาด้วย และเพื่อนคนนี้ก็กำลังหันไปมองตามสายตาของผมบ้าง…ครู่เดียว มันก็หันกลับมา และพูดด้วยน้ำเสียงหมิ่นๆ

    “โธ่! นึกว่ามองใคร…นายรู้จักผู้หญิงพรรณนี้ด้วยเรอะ”

    ผมมองเพื่อนไม่สู้จะพอใจนักที่ ทำไมจะต้องเรียกเธอว่า ‘ ผู้หญิงพรรณนี้ ’ แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีออกไป ได้แต่ส่ายหน้า และถามกลับไปว่า

    “ นายรู้จักเหรอ”

    เพื่อนผมเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนจะตอบในสิ่งที่ทำให้หัวใจผมกระตุก

    “เธอเป็นผู้หญิงไซด์ไลท์..เคยอยู่กับพี่ชายข้าที่คอนโดเดือนนึง”

    ผมได้แต่นั่งอึ้ง ไม่คิดว่าเพื่อนจะโกหกแต่อย่างใด เพราะผมก็รู้จักพี่ชายของเพื่อนพอสมควร และเห็นว่าเขาเปลี่ยนผู้หญิงบ่อย ตามประสาคนมีเงินเหลือกินเหลือใช้…เพียงแต่ผมคิดไม่ถึงว่าผู้หญิงที่แลดูสวยสะอาด นัยน์ตาเศร้าๆคนนั้นจะเป็นผู้หญิง…ขายตัว

    สายตาผมมองไปที่เธออีกครั้ง…เห็นเธอกำลังพูดโทรศัพท์มือถือด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเพียงครู่เดียวก็วางสาย และไม่สนใจอาหารตรงหน้าเลย…สีหน้าเธอเปลี่ยนมาเป็นเหนื่อยหน่ายยังไงชอบกล ก่อนจะหันไปเรียกพนักงานเก็บเงิน และลุกเดินออกจากร้านทันที…ทั้งๆที่เธอเพิ่งจะทานมักกะโรนีไปไม่กี่คำ น้ำแตงโมก็พร่องไปนิดเดียว และวันนี้เธอยังไม่ได้ทานไอศกริมด้วย!

    “เฮ้!” เพื่อนผมเคาะโต๊ะเบาๆเรียกสติผมกลับมาอีกครั้ง
    “ติดใจรึไง…เอาไว้วันเกิดนายข้าจะเอายัยนี่ผูกโบว์มาเป็นของขวัญให้”

    “เฮ้ย! บ้าน่า”
    ผมอุทานออกไป แต่ภายในใจกลับคิดเล่นๆว่า  ‘ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ก็ดีน่ะซิ’

    ----------------------------------------------------

    ฉันเดินกลับห้องชุดของตัวเองอย่างเซ็งๆ และเข้าห้องได้ไม่นานโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นอีกครั้ง จากบุคคลเดิม ที่ฉันไม่อยากจะเสวนาด้วยเลยในขณะนี้

    “ ค่ะ…” ฉันกดรับสาย คิดจะพูดให้เด็ดขาดไปเลย

    “ปาง…เธอไม่เปลี่ยนใจแน่เหรอ ”

    “ไม่ค่ะ ปางเบื่อ…ปางอยากอยู่เงียบๆ”

    “เหรอ…แต่ถ้าเธอเปลี่ยนใจเมื่อไหร่ก็บอกพี่นะ…เพราะอย่างเธอเนี่ยหากินได้อีกหลายปีเชียวล่ะ”

    “ค่ะ” ฉันตอบกลับไปเพื่อตัดความรำคาญและปิดเครื่องทันที

    ‘ ฮึ! ยังหากินได้อีกหลายปีเหรอ ’

    ฉันมักเจ็บยอกแสลงทุกครั้งที่ได้ยินประโยคนี้จากนายหน้า…แต่ฉันก็ปฏิเสธกับความเป็นจริงไม่ได้เช่นกัน
    ช่างเถอะ…ตอนนี้ฉันอยากแช่น้ำอุ่นแล้วซิ

    ฉันถอนใจยาวก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำ…และมักจะหยุดดูตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่ที่ส่องให้เห็นได้ทั้งตัว…มองเนื้อตัวเปล่าเปลือยที่ใครๆต่างก็ชมว่าฉันสวยงามไร้ที่ติ…แต่สำหรับฉัน ฉันกลับคิดว่า ร่างกายนี้สุดแสนจะสกปรก เต็มไปด้วยริ้วรอยมลทิน ไม่มีส่วนไหนน่าจับต้อง หรือน่าลูบไล้เลย

    มันน่าขยะแขยงสิ้นดี!



    สองวันต่อมา…
    โทรศัพท์มือถือของฉันดังขึ้นอีกครั้ง จากนายหน้าคนเดิม
    ฉันกดรับพลางคิดว่า หลังจากวันนี้ไป ฉันจะซื้อเบอร์ใหม่
    นายหน้าโทรมาครั้งนี้ เพื่อขอให้ฉันรับงานสุดท้ายในคืนนี้ พอฉันบอกปฏิเสธ นายหน้าก็เริ่มพูดจาทำนองลำเลิกเอาบุญคุณ สมัยที่ฉันต้องการเงินอย่างเร่งด่วน…ในที่สุด ฉันก็ยอมตกลง

    และทันทีที่ปิดเครื่อง ฉันก็ถอดซิมการ์ดออกจากโทรศัพท์ปาทิ้งอย่างเดือดดาล พร้อมๆกับรู้สึกสมเพชตัวเองไปด้วย
    ที่ครั้งนั้นฉันยอมขายตัว เพราะต้องการเงินมาเป็นค่าผ่าตัดทำบายพาสหัวใจให้พ่อโดยเร่งด่วน เพราะในชีวิตนี้ฉันเหลือท่านเพียงคนเดียวเท่านั้น…แต่สุดท้าย การผ่าตัดก็ล้มเหลว…ฉันเสียพ่อไป หลังจากที่เสียตัวให้กับผู้ชายแปลกหน้าเพียงไม่กี่ชั่วโมง

    เงินก้อนนั้นไม่ช่วยอะไรเลย แต่มันกลับผลักดันให้ฉันพบเจอแต่สิ่งเลวร้าย…แม้กระทั่ง คนรักที่คบหาดูใจกันมาเกือบสามปีก็เผยธาตุแท้ออกมา

    ขณะที่ฉันกำลังเสียใจกับเหตุการณ์ที่ประดังเข้ามาในชีวิต จิตใจฉันก็อ่อนแอและเผลอระบายสิ่งที่ฉันกระทำลงไปอย่างจำใจ โดยหวังเพียงจะได้คำปลอบโยนที่แสนอบอุ่นจากเขา เพื่อต่อกำลังใจให้ฉันก้าวเดินทว่า…เขากลับทำร้ายจิตใจฉันซ้ำลงไปอีก โดยการข่มขืนฉัน เพราะโกรธที่ตลอดเวลาฉันหวงเนื้อหวงตัวกับเขา แต่กลับไปนอนกับคนอื่น…ในเมื่อคนอื่นได้ เขาก็ต้องได้!

    หลังจากนั้น เขาก็เที่ยวโพนทะนาเรื่องของฉันไปทั่วให้ฉันได้อับอายจนต้องย้ายหนีจากถิ่นที่เกิดมาแต่อ้อนแต่ออด
    ฉันไม่รู้ว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นเพราะถูกชะตากลั่นแกล้ง หรือเป็นเพราะความโง่เขลาเบาปัญญาของตนเองกันแน่…แต่นั่น มันก็ผ่านมา สิบปีแล้ว

    สิบปี แห่งการดำเนินชีวิตเป็นผู้หญิงขายตัว และเหตุใดทำให้ฉันดำเนินชีวิตบนถนนสายนี้…จนป่านนี้ ฉันก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทั้งๆที่คลอดมา ฉันก็ไม่เคยได้รับความสุขจากการหลับนอนกับผู้ชายเลย

    ------------------------------------------------------

    ผมเดินตามเพื่อนคนเดิมที่กึ่งลากกึ่งจูงผมเข้าโรงแรมที่เป็นส่วนหนึ่งในธุรกิจของครอบครัวมัน

    “เฮ้ย! พาข้าเข้ามาในนี้ทำไมวะ?”

    “เหอะน่า…รับรอง มันแน่”  

    มันยักคิ้วให้ผม และทำหน้าเจ้าเล่ห์ยังไงชอบกล จนทำให้ผมเริ่มระแวงในพฤติกรรมของมัน และพาลคิดในแง่ร้ายทันที ว่ามันอาจจะลากผมมาทำมิดีมิร้ายก็ได้ แต่อีกใจก็แย้งว่าเพื่อนผมคงนี้คงไม่เป็นอย่างที่คิดหรอก

    ‘ เอาวะ ถึงตัวผมจะเล็กกว่ามัน…แต่ผมก็วิ่งได้เร็วล่ะน่า ’

    เพื่อนผมไขกุญแจห้องและผลักผมเข้าไปข้างในเพียงลำพัง และทำท่าจะปิดประตูทันที

    “เฮ้ย! แล้วนายล่ะ” ผมรีบถามพร้อมๆกับยึดบานประตูไว้

    “ไม่ล่ะ ข้าไปชอบกินแซนด์วิส…นายไปแกะของขวัญคนเดียวเหอะ” เพื่อนผมตอบแบบกำกวมและผลักมือผมออกก่อนจะปิดประตู

    ‘ แซนด์วิส!! ของขวัญ!! ’
    อะไรของมันนะ หรือว่ามันจะสั่งให้เชฟใหญ่ของโรงแรมทำแซนด์วิสที่แปลกพิสดาร อร่อยเลิศมาให้ลิ้มลองในวันเกิดผม…แต่ทำไมมันต้องให้มากินในห้องนี้ด้วย!?

    ผมคิดอย่างไม่เข้าใจ ขณะสอดส่ายสายตาไปรอบๆห้อง เพื่อหาไอ้เจ้าแซนด์วิสที่ว่า และขณะนั้นหูผมก็ได้ยินเสียงเหมือนน้ำไหลดังแว่วมาจากประตูห้องน้ำที่ปิดสนิทและก็เงียบไป ทำให้ผมสงสัยว่า แม่บ้านเขาทำความสะอาดกันตอนสองทุ่มด้วยเหรอ จึงเปิดประตูเข้าไปดูให้หายสงสัย

    พลัน!
    หัวใจผมแทบกระเด็นไปอยู่ที่พื้น เมื่อเห็นเธอคนนั้นนั่งอยู่บนขอบอ่างอาบน้ำ  ทั่วร่างกลมกลึงละอองตามีเพียงผ้าเช็ดตัวพันกายผืนเดียวเท่านั้น และเธอก็หันมาสบตาผม พร้อมรอยยิ้มหวานอย่างเชิญชวน

    แก้ไขเมื่อ 17 ส.ค. 48 18:11:10

    จากคุณ : มาดาม เค - [ 17 ส.ค. 48 18:10:02 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป