CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    เรื่องจริงที่น่ากลัวที่สุดตั้งแต่ฟังมาในชีวิต

    เรื่องก็มีอยู่ว่าในช่วงที่ผมได้เรียนอยู่ที่ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ก็ได้รู้จักรุ่นพี่คนนึงซี่งพี่คนนี้ชื่อพี่ส้ม
    ซึ่งห่างกับผมหนึ่งปี ในตอนที่เขาเล่าให้ผมฟังเขาอยู่ปีสามซึ่งผมอยู่ปีสอง  
    เขาเล่าให้ผมฟังว่า เขาเป็นคนต่างจังหวัด ซึ่งผมจำไม่ได้ว่าจังหวัดอาไรนะครับ  
    และ ม.กรุงเทพก็รู้ๆกันอยู่ว่าค่อนข้างไกลสมัยก่อนปีหนึ่งปีสองต้องเรียนที่ รังษิต ส่วนสมัยนี้ไม่รู้เป็นยังไงเพราะไม่ได้ติดตามข่าวคราวมานานแล้ว  ซึ่งพี่ส้มแกเรียนนิเทศคณะเดียวกับผม  
    ก็ต้องเรียนที่รังษิต สี่ปีเลย เพราะแกเรียนภาควิชาPA    แกก็ต้องพักคอนโด
    ซึ่งแกก็ได้อยู่คอนโดในย่านนั้น(ไม่บอกนะครับว่าคอนโดชื่ออาไร)  
    ครับและเรื่องราวที่น่ากลัวก็เกิดขึ้นเพราะแกพักที่คอนโดแห่งนี้หล่ะครับ.....

     
      แกเล่าให้ผมฟังว่า   แกมาอยู่แรกๆ ก็เฉยๆไม่มีอาไร
    ก็ปกติทั่วไปเหมือนคนอื่นๆ  (แกอยู่คนเดียวครับ)  
    ส่วนเรื่องกลัวผี แกก็ไม่ใช่คนที่กลัวเท่าไร    เรื่องผีเรื่องอาไรแกก็เฉยๆ  
       จนเมื่อพี่ส้มอยู่คอนโดห้องนี้มาได้สามเดือน       พี่ส้มเล่าให้ผมฟังว่าตัวแกเองรู้สึกผิดปกติ
     ความผิดปกติของแกก็คือ    แกรู้สึกรักห้องที่แกอยู่นี้มาก  พี่ส้มบอกว่าพี่ไม่ใช่คนแบบนี้
    ไม่เคยรู้สึกชอบห้องนี้     ตั้งแต่ตอนเข้ามาอยู่ใหม่ๆ  แรกๆก็เฉยๆไม่ได้ประทับใจห้องอาไรมากนัก
      แต่เมื่อแกอยู่ไปอยู่ไป จนอยู่ได้สามเดือน    พี่ส้มเริ่มรู้สึกรักห้องนี้มาก
     มากจนรู้สึกไม่อยากไปไหน  ไม่อยากไปไหนจริงๆ  
    แกบอกว่ามันเป็นความรู้สึกที่แปลก พี่ส้มบอกว่าหลังๆแกทนไม่ได้แม้กระทั่งจะไปนอนบ้านเพื่อน
    หรือไปเที่ยวที่ไหนกับเพื่อน แกถึงกับไม่ไปไหนทั้งนั้น    พี่ส้มต้องนอนที่ห้องตัวเองทุกวันเป็นเดือนๆ
    จนเพื่อนๆเริ่มล้อแกกันว่า แกติดห้อง   ขอเพียงอยู่ในห้องของแกไม่ว่าแกจะดูทีวี  
    นอนเล่นหรือทำอาไรก็แล้วแต่แกก็จะรู้สึกชอบและมีความสุข    
    พี่ส้มบอกผมว่าความรักห้องของแกเริ่มมากขึ้นจนถึงขั้นคิดจะซื้อเป็นของตัวเอง
    ซึ่งราคาก็ตกอยู่ประมาณไม่กี่แสน ซึ่งครอบครัวของแกก็พอจะซื้อได้อย่างไม่ลำบากนัก
     แต่ด้วยความรู้สึกที่แปลกจนน่ากลัว และผิดปกติอย่างมาก  เกินกว่าที่ทุกคนจะอดสงสัยได้  
      เพราะหลังๆพี่ส้มเป็นเอามากขนาดลงมากินข้าวได้ไม่นานก็ต้องวิ่งขึ้นห้องไปดูทีวีคนเดียว  
    เพื่อนๆหลายคน เริ่มรู้สึกไม่ดี  กับพฤติกรรมของพี่ส้ม      จนถึงกับมาจับกลุ่มปรึกษากันเป็นเรื่องเป็นราว       แล้วแต่จะคิดกันไป ว่าเกิดอาไรขึ้น     นี่เป็นความชอบส่วนตัวของคน
    หรือ มีอาไรที่ผิดปกติเกิดขึ้นกันแน่...............


       จนมาวันหนึ่งที่บ้านของพี่ส้มก็เรียกให้พี่ส้มกลับบ้านเนื่องจากไม่ได้กลับไปซะนาน  
    พี่ส้มก็กลับไปกับเพื่อนของพี่ส้มคนหนึ่งซึ่งบ้านอยู่จังหวัดเดียวกัน  
    และเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก  ชื่อพี่ฝน  พี่ฝนก็เป็นคนหนึ่งซึ่งรู้สึกไม่ดีกับเรื่องนี้
     บางคนก็เฉยๆไม่คิดมากอาไร แต่ก็มีหลายคนที่ไม่เฉย
    ซึ่งพี่ฝนก็เป็นหนึ่งในจำนวนคนที่คิดว่ามันมีอาไรไม่ชอบมาพากลเท่าไรนัก  
    เมื่อได้จังหวะกลับบ้านพี่ฝนจึงแอบไปเล่าให้พ่อแม่พี่ส้มฟังว่าเกิดอาไรขึ้นกับพี่ส้ม
     ทางด้านพ่อแม่พี่ส้มเมื่อทราบเรื่องราวทั้งหมด  ก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไรนักกับเรื่องนี้
      และปรึกษากันจนตัดสินใจพาพี่ส้มไปหาเจ้าเข้าทรงรายหนึ่ง ซึ่งสนิทกะที่บ้านพี่ส้มมานาน
    เป็นเจ้าที่เชื่อถือได้ว่าไม่ได้หลอกลวงเพื่อเอาเงินอย่างที่หลายๆคนคงเคยเห็นกันมา  
    เจ้ารายนี้พี่ส้มเคยบอกผมว่าเป็นร่างทรงให้เทพองค์ไหนผมก็จำไม่ได้ครับ  
    แต่เมื่อพี่ส้มไปถึงและเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เจ้าเข้าทรงฟัง    
    เจ้าเข้าทรงก็เฉลยเรื่องราวที่ใครๆก็คงจะนึกไม่ถึงให้พ่อแม่และพี่ส้มฟังอย่างน่าขนลุก ...

    โดยเริ่มต้นเจ้ารายนี้ก็ได้บอกลักษณะของห้องพี่ส้มได้อย่างถูกต้อง
    ไม่ว่าจะเป็นประตู สีผนัง ห้องน้ำ หัวเตียง ตู้ต่างๆ  ซึ่งพี่ส้มก็เชื่อเลยว่าที่เจ้ารายนี้พูดและบอกออกมา
    คือห้องของพี่ส้มแน่ๆ และพี่ส้มก็เชื่อสนิทเลยว่าเจ้ารายนี้ในขณะที่หลับตาและพูดให้พี่ส้มฟังถึงห้องห้องนี้เนี่ย
    เจ้าจะต้องสามารถไปเห็นมาจริงๆไม่งั้นไม่สามารถเล่าได้ถูกต้องขนาดนี้  
    และ เจ้าองค์นี้ก็ได้บอกว่า  
    ห้องที่พี่ส้มอยู่ทุกวันนี้เนี่ยมีผู้หญิงเคยโดนฆ่ามาก่อน ..
    ดวงวิญญาณยังไม่ได้ไปผุดไปเกิด จนกว่าจะหาคนมาแทนได้
     ซึ่งคนที่ดวงวิญญาณกำลังจะเอามาเป็นตัวตายตัวแทน  ก็คือพี่ส้มนั่นเอง
     พี่ส้มถึงได้มีความรู้สึกรักห้องและไม่อยากไปไหนอย่างผิดปกติอย่างนี้
     ทุกคนๆเมื่อได้ฟังก็ขนลุกไปตามๆกัน ร่างทรงยังบอกต่อไปอีกว่า
    เวลานอนพี่ส้มชอบเอาผ้าขนหนูสีฟ้าไปวางไว้ที่ปลายเตียงใช่ไหม
    พี่ส้มบอกว่าใช่  ร่างทรงถามต่อถึงชุดนอนของพี่ส้มว่ามีสีแดงอยู่ชุดนึงใช่ไหม ที่ใส่บ่อยๆ
     พี่ส้มก็บอกว่าใช่  ร่างทรงบอกว่า บ่อยครั้งที่พี่ส้มใส่ชุดนอนสีแดงแล้วนอนหลับ  
    วิญญาณดวงนี้จะชอบออกมายืนมองพี่ส้มอยู่ปลายเตียง  
    ร่างทรงบอกว่า มันออกมายืนมองนานมาก  บางทีมันก็ยื่นหน้าเข้าไปจนใกล้หน้าพี่ส้ม
    แล้วมันก็จ้องเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อเลย  
     พี่ส้มได้ฟังก็กลัวมาก  ทุกคนต่างถามร่างทรงถึงวิธีแก้  
    ร่างทรงบอกว่า อยู่ต่อไม่รอดแน่ๆมันจะเอาไปวันไหนก็ไม่รู้  
    ให้ย้ายออกทันที  ให้ไปหาเพื่อนๆ มาช่วยกันย้ายของออก แต่    
    แต่ เวลาไปเอาของออก ห้ามพูดให้รู้ว่าจะย้ายออก โดยเด็ดขาด
    ให้หยิบของออกไปแล้วไม่ต้องพูดอาไร ว่าจะย้ายไปไหนหรืออาไรทั้งนั้น
    ในที่สุดทุกๆคนก็ทำตามที่ร่างทรงบอก

              พี่ส้มกลับมาที่คอนโดอีกครั้ง  และชวนเพื่อนๆไปเก็บของแต่ไม่พูดอาไรเลยแม้แต่คำเดียว
    ทุกคนต่างคนต่างเก็บเดินเข้าเดินออกกันวุ่นแต่ไม่มีใครพูดอาไร
     ขณะที่กำลังเก็บๆของกันอยู่ ก็มีเพื่อนพี่ส้มคนนึงเดินเตะตู้   แรงมาก จนเลือดไหลออกมา
    เพื่อนคนนี้ไม่รู้เรื่องผีหรืออาไรเกี่ยวกับห้องนี้เลย  รู้แต่ว่าพี่ส้มสั่งเอาไว้ว่าห้ามพูด
    ขณะที่แกเดินไม่ไหวเพราะเจ็บขา แกก็นั่งมองเพื่อนคนโน้นคนนี้คนของกัน
    จังหวะพี่ส้มเดินผ่านมาพอดี พี่คนนี้ก็ลืมตัวถามพี่ส้มไปว่า  "แล้วแกจะย้ายไปอยู่ไหนวะ"  
    พี่ส้มไม่ตอบ แล้วก็รีบขนของออกไป จนเย็น ก็ขนเสร็จหมด
    พี่ส้มก็เอาของทั้งหมดกลับไปบ้านที่ต่างจังหวัดก่อน  รุ่งเช้าก็ไปหาร่างทรงอีกครั้ง
     ยังไม่ทันที่ใครจะพูดอาไร    ร่างทรงก็บอกกับพี่ส้มอย่างโมโหว่า  
    บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าพูดว่าจะย้าย  รู้หรือเปล่าว่า ตอนที่คนๆนั้นถามออกมาว่าจะย้ายไปไหน
     ตอนที่พวกเธอขนของกันต่อหน่ะ ดวงวิญญาณดวงนั้นมันออกมาเดินตามทุกๆคน
    แล้วก็คอยฟังว่าจะพูดอาไรกันต่อ  แล้วมันก็รู้แล้วด้วยว่าส้มจะย้ายออกมา
    ถ้ากลับไปอีกครั้งนึงมันเอาตายแน่นอน   ร่างทรงบอกว่าให้ไปตามพระมาทำพิธีก่อนที่จะย้ายออกไปด้วย
    ไม่อย่างนั้นคนอื่นที่มาอยู่ต่อก็คงจะแย่   วันต่อมาพี่ส้มกับที่บ้านและเพื่อนๆก็นิมนต์พระไปทำพิธี
    ที่ห้องๆนั้น  และทุกอย่างก็เรียบร้อย พี่ส้มก็ไปอยู่กับเพื่อนที่คอนโดอื่น
    และไม่เคยกลับมาเหยียบคอนโดนี้อีกเลย

        ที่พี่ส้มเล่าให้ผมฟังก็เพราะว่า เขาถามว่าผมอยู่ไหนและคอนโดที่ผมอยู่
    ก็คือคอนโดที่พี่ส้มเล่ามาทั้งหมด   แน่นอนครับ ผมก็ย้ายออกทันที  
    ไม่ใช่แค่ผมครับ ทุกๆคนที่เป็นเพื่อนผม ก็ออกมากันหมดเหมือนกัน  
    จนในที่สุดคอนโดนั้นก็แทบไม่เหลือคนอยู่เลย  
    ด้วยความหวังดีของพวกผมที่ไปบอกให้ทุกๆคนได้รับทราบถึงที่มาที่ไปต่างๆ  
    ประวัติต่างๆของคอนโดนั้น แล้วใครจะอยู่หล่ะครับ    
    ทุกๆคนก็ย้ายมาอยู่คอนโดอีกแห่งหนึ่งแทน  
    คอนโดใกล้ๆกันแต่ไม่มีวิญญาณมารบกวน

        คอนโดอีกที่นึงคนเต็มไปหมดทุกห้องแทบต้องจองกันอยู่  
    แต่อีกแห่งหนึ่งว่างเปล่าไร้ซึ่งคนพัก  
    คอนโดอีกแห่งร่ำรวยขึ้นทันตา
    ส่วนอีกแห่งก็รอวันเจ๊ง
    วิธีนี้ยังคงใช้ได้ผลเสมอสำหรับธุรกิจ  
    โดยเฉพาะบริษัทหรือกิจการที่มีผู้บริหารฉลาดๆ ย่อมได้เปรียบคู่แข่ง
    บางทีการมีลูกสาวคอยช่วยบริหารงาน  ก็อาจทำให้อะไรบางอย่างง่ายขึ้น
    โดยเฉพาะ ลูกสาวแบบพี่ส้ม ..

    จากคุณ : เด็กโพธาราม - [ 17 ส.ค. 48 22:41:55 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป