CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    =[+] ฉิกจับอิด [+]= นิยายจีนร่วมแต่งแนวทดลอง : ตอนที่ 90 เจ็ดผู้กล้ามาแว้ววว........

    ประกาศ.......

    เรียนนักอ่านทุกท่าน ตอนนี้ทีมงานเขียนไม่ทัน(อีกแว้ว) จึงขอลงแค่ 10 หน้าก่อนนะครับ แล้วจะมาลงต่อในวันเสาร์ตอนค่ำๆครับ อภัยเป็นอย่างสูง
    ...........................................................

    หลังจากที่ฮั่นตงและพรรคพวกสามารถหลบหนีออกจากสำนักใหญ่พรรคฉิกจับอิด แลกกับการสละชีวิตของหัวหลินไต้ซือ ที่สำแดงพลังฝีมือขั้นสูงสุด อาศัยวิชา "เป็นอยู่ด้วยจิตว่าง" ที่พึ่งสำเร็จขั้นสุดท้ายด้วยความบังเอิญเข้าสกัดขัดขวางหลี่เฉินเชียงเอาไว้ ทว่าด้วยอาการบาดเจ็บบอบช้ำภายในทำให้หลวงจีนชรามรณภาพ ณ ที่แห่งนั้นเอง ด้วยสภาพที่ตัวท่านยืนแน่นิ่งกางแขนทั้งสองข้างสกัดขัดขวางหลี่เฉินเชียงเอาไว้ โดยที่อีกฝ่ายมิสามารถบุกฝ่าผ่านไป แม้ว่าร่างท่านจักกลายเป็นร่างที่ปราศจากชีวิตแล้วก็ตามที!!!

    ฟาหลินซี เสี่ยวโกย เสี่ยวซา และเหวินเหม่ยชิงได้นำพาฮั่นตงที่บาดเจ็บมาหลบซ่อนอยู่ที่ หมู่บ้านชนบทซึ่งเสี่ยวซาเคยอาศัยเป็นที่หลบซ่อนมาก่อน และเป็นสถานที่ซึ่งเด็กหนุ่มทอดทิ้งหลี่ซังซังเอาไว้ตามลำพัง ทั้งหมดอาศัยอยู่ที่นั่นเป็นการชั่วคราวเพื่อรอให้กองกำลังติดตามของฉิกจับอิดออกตามล่าพวกตนไปยังที่ห่างไกลเสียก่อน ค่อยคิดหาทางขยับขยายกันต่อไป ระหว่างนั้นเองก็มีข่าวลือแพร่สะพัดว่าฉิกจับอิดจะบุกถล่ม "หอห้ากระบี่" โดยเฉพาะหลักๆ คือบู๊ตึ๊ง!

    เสี่ยวซาซึ่งสำนึกถึงบุญคุณของเตียหงีที่เคยค้ำจุนอุ้มชู จึงขอแยกตัวกลับไปยังสำนักบู๊ตึ๊งเพื่อรับมือการรุกตอบโต้ของฝ่ายฉิกจับอิด โดยก่อนไปเด็กหนุ่มได้ถ่ายทอดเคล็ดลับการฝึกฝนจิตใจของวิชา "เป็นอยู่ด้วยจิตว่าง" ให้แก่ฮั่นตงผู้เป็นพี่รอง

    หลังจากการจากไปของเสี่ยวซาเป็นวันที่สาม เหวินเหม่ยชิงได้เสนอให้ทั้งหมดทำการเคลื่อนย้ายไปหลบซ่อนอยู่ในสถานที่อื่น เนื่องเพราะสถานที่นี้อยู่ใกล้สำนักใหญ่ฉิกจับอิดมากเกินไป เกรงว่าหากกองกำลังของ "หอห้ากระบี่" และพรรคฉิกจับอิดปะทะกัน อาจส่งผลกระทบมาถึงได้ ฟาหลินซี และเสี่ยวโกยรู้สึกคล้อยตาม ทว่ายังติดอยู่ที่หากเสี่ยวซากลับมาจักหาพวกตนมิพบ เหวินเหม่ยชิงเสนอให้ทิ้งข้อความเอาไว้ว่าพวกตนปลอดภัย เพียงไปหลบซ่อนที่อื่น ภายหลังจะติดตามไปหาเสี่ยวซาเอง

    ซึ่งทั้งสองก็เห็นด้วย ดังนั้นเหวินเหม่ยชิง ฟาหลินซี และเสี่ยวโกยจึงได้แต่พาฮั่นตงมาพักรักษาอาการบาดเจ็บ ณ โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งในชนบทอันห่างไกล โดยทั้งหมดปลอมตัวเป็นพ่อค้าที่จะไปค้าขายนอกด่าน ภายหลังทราบข่าวภัยสงครามจึงขอพำนักอยู่ที่โรงเตี๊ยมแห่งนั้นก่อนจนกว่าเหตการณ์จะยุติ ซึ่งก็มิมีผู้ใดสงสัย เนื่องจากพวกของฮั่นตงมิใช่พวกเดียวที่มาอาศัยอยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ ที่นี่ยังคราคร่ำไปด้วยผู้คนเดินทาง มิว่าจะเป็นพ่อค้าวาณิช หรือชาวยุทธที่เดินทางมาจากนอกด่าน! ค่างคนต่างหลบหนีภัยสงครามมาด้วยกันทั้งสิ้น จึงมิมีเวลาสนใจเรื่องราวของผู้อื่น

    พระอาทิตย์สีทองทอประกายกล้าอยู่บนท้องฟ้า ทว่าแม้จะทอแสงแรงกล้า แต่คล้อยต่ำลงมากแล้ว ฟาหลินซีที่เพิ่งจะกลับมาจากการหาข่าวในเมือง กำลังพูดคุยกับเสี่ยวโกยและเหวินเหม่ยชิงให้ทราบว่าเวลานี้พวกฉิกจับอิดพ่ายแพ้แล้ว หลี่เฉินเชียงเสียชีวิต เวลานี้ศพของมันถูกส่งกลับไปยังเมืองหู กษัตริย์หูทรงมีบัญชาให้ถอยทัพกลับ เนื่องจากฮ่องเต้ทรงใช้ศพของหลี่เฉินเชียง หรือองค์ชายสามของชาวหู เป็นข้อแลกเปลี่ยนเพื่อให้ฝ่ายหูทำสัญญาสงบศึกและยอมถอยทัพกลับไป

    เสี่ยวโกยยินดียิ่งกล่าวว่า "น้องสี่เก่งกาจยิ่ง กลับสามารถสังหารหลี่เฉินเชียง ขจัดภัยยุทธภพ พี่ใหญ่!..เช่นนี้พวกเราคงมิต้องหลบซ่อนแล้วกระมัง? เอ๊ะ! ทำไมสีหน้าของท่านมิสู้ดีนัก?"

    ฟาหลินซีทอดถอนใจยาวนาน จากนั้นกล่าวว่า

    "น้องสามเจ้าใจเย็นลงสักนิด ตอนนี้บอกต่อเราก่อนว่าอาการของพี่รองเจ้าเป็นยังไงบ้างแล้ว?"

    เสี่ยวโกยแม้มิสู้พอใจนักเพราะตนเองหลบมาอยู่ที่นี้ร่วมครึ่งเดือน กำลังต้องการทราบข่าวคราวของโลกภายนอก พี่ใหญ่ของมันกลับมิยินยอมเล่า ดังนั้นได้แต่อึกอักอยู่"

    เหวินเหม่ยชิงเห็นเช่นนั้นรีบกล่าวว่า

    "พี่ฟา เวลานี้ฮั่นตงเก็บตัวอยู่ในห้องด้านหลังกำลังเดินลมปราณตามเคล็ด "เป็นอยู่ด้วยจิตว่าง" เพื่อเยียวยาอาการบาดเจ็บ ก่อนที่เขาจะเข้าห้องไป กล่าวว่าจะเก็บตัวเป็นเวลาสามวัน ห้ามมิให้ผู้ใดรบกวน วันนี้ก็ย่างเข้าวันที่สามแล้ว ทว่ายังมิมีความเคลื่อนไหวใดใด เรากับพี่โกยก็มิกล้ารบกวนเขา"

    ฟาหลินซีได้ยินก็ยิ่งมีสีหน้าเคร่งเครียด กล่าวว่า "น้องเหม่ยชิง ตามความเห็นเจ้าน้องรองจะมีอันตรายหรือไม่?"

    เหวินเหม่ยชิงส่ายศีรษะ กล่าวว่า "คงมิมีอันตรายอันใด เพียงแต่...."

    "เพียงแต่?"

    "ข้าพเจ้าเกรงว่า เขามิอาจฟื้นฟูพลังฝีมือได้ดังเดิม!"

    ฟาหลินซีนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ ค่อยกล่าวว่า

    "ตามความเห็นเรา อาการบาดเจ็บบอบช้ำของน้องรองนั้นแม้จะหนักหนาสาหัส เส้นชีพจรทั่วร่างก็ฉีกขาด ทว่าพวกเจ้าก็คงยังจำได้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดภายในถ้ำผลิตศาสตราวุธของซิเหวินคังเหล่านั้น น้องรองสามารถอาศัยพลังใจอันมุ่งมั่นฝ่าข้ามขีดจำกัดของตน จนในที่สุดสำเร็จยอดวิชา เชื่อมต่อเส้นชีพจร ทะลวงจุดสำคัญ กลายเป็นพลังฝีมือรุดหน้าไปอีกขั้น!!! เพียงแต่....."

    เหวินเหม่ยชิง และเสี่ยวโกยทีแรกพอฟังฟาหลินซีก็มีสีหน้าแช่มชื่นขึ้น พอฟังถึงตอนท้ายรวมถึงเห็นสีหน้าวิตกกังวลของอีกฝ่าย จิตใจก็กลับวิตกกังวลขึ้นมาอีก

    ฟาหลินซีกล่าวต่อว่า

    ".....ครั้งนี้ยังมีข้อแตกต่าง เฮ้ออออออ ที่น่าเป็นห่วงคือสภาพจิตใจมากกว่า! ครั้งนี้น้องรองมิได้อยู่ในสภาพจิตใจมุ่งมั่นได้เฉกเช่นคราก่อน!"

    "พี่ฟา ท่านหมายถึงตัวยา "จีอวี้เย่า" ที่พี่ฮั่นได้รับเข้าสู่ร่างกายกระมัง?"

    "อืมม จากที่เราศึกษาตัวยานี้มาพอสมควรกับแพทย์หลวง ตัวยานี้คล้ายมีส่วนทำให้ฟุ้งซ่านวุ่นวาย จิตใจมิสงบ ทั้งยังกระตุ้นกิเลส ดึงจิตใจให้ตกต่ำ เวลาเช่นนี้ที่น้องรองต้องการคือการทำจิตให้ว่าง ไม่ฟุ้งซ่าน เพื่อทะลวงจุดสำคัญในร่าง ต่อเชื่อมเส้นชีพจร ฟื้นพลังฝีมือ แต่เมื่อเป็นเช่นนี้...."

    "พวกเราสามารถช่วยเหลือพี่รองอีกทางหรือไม่?" เสี่ยวโกยที่ฟังอยู่กล่าวด้วยความร้อนใจ

    "เฮ้อ....ปมในจิตใจยังมีผู้ใดสามารถคลี่คลายได้ พวกเราเพียงได้แต่หวังว่าน้องรองจะมีความมุ่งมั่นเพียงพอ จนสามารถมีชัยเหนือกิเลส เอาชนะตัวยาร้ายกาจนี้ลงได้!"

    ทั้งหมดพากันเงียบงัน เต็มไปด้วยความในใจ

    เสี่ยวโกยเห็นบรรยากาศเต็มไปด้วยความหนักอึ้ง จึงเปลี่ยนไปสอบถามเรื่องภายนอกที่ตัวมันเฝ้าสงสัยคลางแคลงอยู่ตั้งแต่ต้น

    "พี่ใหญ่! ท่านยังมิเล่าต่อว่าภายนอกที่แท้เกิดเรื่องใดขึ้น! เหตุใดหลี่เฉินเชียงเสียชีวิตแล้ว พรรคฉิกก็ล่มสลาย น้องสี่กลับมิร่วมทางกับท่านเพื่อมารักษาอาการพี่รอง! มันที่แท้ลืมความสัมพันธ์พี่น้อง หลงระเริงไปกับยศถาบรรดาศักดิ์เสียแล้วหรือ?!"

    ฟาหลินซีได้ยินเช่นนั้นก็พลันมีโทสะ ตวาดเสียงดัง

    "เจ้าโกย!!! พวกเราสี่คนพี่น้อง แม้มิได้เกิดจากบิดามารดาเดียวกัน แต่ความสัมพันธ์ของพวกเราเป็นเช่นไรเจ้าน่าจะรู้ดี เหตุใดยังกล่าววาจาเยี่ยงนี้!!!!"

    เสี่ยวโกยได้ฟังก็มีสีหน้าสำนึกผิด แต่ยังอดกล่าวต่อมิได้

    "ข้าเก็บตัวอยู่แต่ที่นี่ เรื่องราวภายนอกล้วนแต่มิเคยรับรู้ เวลานี้ท่านบอกหลี่เฉินเชียงตายแล้ว ทัพหูก็ถอยกลับไป พรรคฉิกเองก็ถึงการวิบัติ แต่ว่าน้องสี่ยังมิกลับมา ก็อดที่จะคิดเลยเถิดไปมิได้ โอ๊ะ! รึว่าที่จริงเกิดเรื่องกับน้องสี่แล้ว!!! พี่ใหญ่ท่านยังมิรีบเล่าออกมา!!!!"

    ฟาหลินซีเห็นทีว่ามิเล่าออกมา เสี่ยวโกยคงจักคาดเดาอะไรเลยเถิดไปยิ่งกว่านี้จึงจำต้องเล่าออกมา ทว่าก่อนที่จะเล่าเขายังย้ำให้อีกฝ่ายเก็บเรื่องราวนี้ไว้เป็นความลับอย่าให้ฮั่นตงล่วงรู้ จะกระเทือนถึงการรักษาตัวของมัน

    เสี่ยวโกยรีบผงกศีรษะรับคำเป็นมั่นเหมาะ

    แก้ไขเมื่อ 19 ส.ค. 48 15:53:14

    แก้ไขเมื่อ 19 ส.ค. 48 01:17:28

    จากคุณ : ทีมแต่งนิยาย - [ 18 ส.ค. 48 22:40:04 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป