CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    เจาะเวลาหาสุนทรภู่ ตอนที่ 7 คำทำนายของปรานทัศน์

    หลังจากได้รับคำสั่งนั้นทหารสองนายก็คุมตัวปรานทัศน์ไปไว้ที่คุก  ทหารคนที่ช่วยปรานทัศน์ไว้ต้องอยู่กับเขา ปรานทัศน์รู้สึกขอบคุณมากจึงชวนคุยและขอบคุณไปในตัวระหว่างคุมตัวไปทั้งสองก็สนทนากัน

    “นี่พี่ชายท่านชื่ออะไรเหรอ” ปรานทัศน์เริ่มก่อน

    “อะไรนะ  เจ้าถามว่าเยี่ยงไรหรือข้ามิรู้เรื่อง” ทหารนายนั้นงง

    “ก็แบบ...อืม...เอางี้ ท่านมีนามว่าเยี่ยงไรหรือ ชัดมะ”

    “ข้านะหรือข้ามีนามว่าสุดจินดาเป็นชาวเมืองจันทบุรี” นายทหารบอกรายละเอียด

    “ท่านเนี่ยนะนายสุดจินดา” ปรานทัศน์พูดกึ่งอุทาน

    “ทำไมรึ! ข้ามีนามเยี่ยงนี้มันเป็นเยี่ยงไร” ทหารนายนั้นสนอกสนใจ

    “เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอก เพียงแต่ชื่อท่านคุ้นๆ น่ะเหมือนคนที่ผมรู้จักก็แค่นั้น” ปรานทัศน์รีบบ่ายเบี่ยง
    “แล้วเจ้าเป็นคนจากที่ใดหรือแล้วมาจันทบุรีได้เยี่ยงไร”

    “ผมเป็นคนกรุงเทพโดยกำเนิดท่านไม่รู้จักหรอก” ปรานทัศน์พูดอย่างไม่กลัวว่าคนที่นั่นจะฟังไม่รู้เรื่อง
    “เอ...กรุงเทพ ข้าคงไม่รู้จักจริงๆ” นายทหารครุ่นคิด


    ปรานทัศน์นึกถึงสถานการณ์ตอนนี้เขาไม่สามารถประติดประต่ออะไรได้มากนักรู้เพียงว่าตอนนี้อยู่เมืองจันทบุรีจึงไล่เรียงเหตุการณ์จากปากคำของสุดจินดา

    “แล้วท่านรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้ใครครองประเทศอยู่” ปรานทัศน์ตั้งคำถาม

    “ประเทศคือสิ่งไหนหรือ” ทหารหนุ่มถามกลับ

    “อ๋อ ท่านไม่เข้าใจภาษาผมนี่นะ คือ ตอนนี้น่ะใครเป็นกษัตริย์อยู่”

    “อืม...ก็ไม่มีหรอกนะขณะนี้ที่เมืองอยุธยาก็ว่างเว้นกษัตริย์เพราะข่าวว่าอ้ายพวกอังวะมันตีเมืองหลวงอยุธยาแตกแล้ว ขณะนี้มีเพียงเจ้าเมืองต่างๆ รวบรวมไพร่พลก่อตั้งสมัครพรรคพวก เพื่อที่จะกอบกู้อิสรภาพอยู่เนืองๆ”

    “หา! ยุคกรุงแตก!” ปรานทัศน์อุทาน

    “ก็ใช่นะสิแตกมาได้หลายเดือนแล้ว ข้ามาอยู่ด้วยกับพระยาจันทบุรีก็เพราะหวังจะช่วยกู้บ้านเมืองกอบกู้อิสรภาพ” ชายผู้นั้นพูดด้วยสายตามุ่งมั่น

    “โอยนี่มันอะไรกันเนี่ยมาไกลจังเลยวุ้ย” ปรานทัศน์ร้อนใจเขาประมาณเหตุการณ์เอาเองว่าคงประมาณปี พ.ศ.2310 เพราะเสียกรุงมาหลายเดือนแล้วคงราวๆ นี้

    “เอ่อ...พี่ชายท่านมีนามว่าสุดจินดาใช่มั๊ย” ปรานทัศน์ถามซ้ำ

    “ถูกต้องแล้วข้านี่แหละสุดจินดา” ปรานทัศน์นึกหาวิธีเอาตัวรอด  

    สรุปคือตอนนี้เขาหลงมาอยู่ในเมืองจันทบุรีเจ้าเมืองยังอยู่แสดงว่าพระเจ้าตากยังมาไม่ถึงจึงคิดทบทวนประวัติของนายสุดจินดาซึ่งต้องร่วมมือกับพระเจ้าตากกอบกู้อิสรภาพแต่เหตุใดจึงมาอยู่ที่เมืองจันทบุรีและเป็นทหารของพระยาจันทบุรีได้ จึงวางแผนชักชวนนายสุดจินดาให้ช่วยตนพ้นจากการคุมขังนี้

    “นี่ พี่ชายผมบอกอะไรให้เอามั๊ย” ปรานทัศน์ทำทีเป็นหมาหยอกไก่

    “อะไรหรือบอกมาเถอะข้ายินดีฟัง” ชายผู้นั้นรับฟัง

    “คือ...ผมเนี่ยนะมีความสามารถทางการทำนายดวงชะตาที่กรุงเทพฮิตกันมากเลย” ปรานทัศน์เริ่มโน้มน้าวเพราะคิดว่าคนโบราณคงเชื่อเรื่องดวงชะตา

    “ฮิตเหรออะไรคือฮิตของเจ้า” เขางงกับภาษาของปรานทัศน์

    “เอ่อ...ฮิตก็คือเป็นที่นิยมชมชอบน่ะ นะอย่าสนใจเลยมาดูดวงกันดีกว่า มาผมจะดูดวงให้”ปรานทัศน์ยื่นมือทั้งสองออกมาจากกรงขังยื่นมาที่หน้าของนายสุดจินดาแต่เขาหลบด้วยความตกใจ

    “เฮ้ยเจ้าจะทำอะไรข้าน่ะแค่ทำนายไม่ใช่ดูที่มือหรือเหตุใดจึงดูที่หน้าล่ะ”

    “โถพี่ชายเขาเรียกดูโหงวเฮ้ง เอ้อ...เขามานี่แป๊บนึง”

    “โหงวเฮ้ง  ข้ามิเห็นเคยได้ยินเรื่องอะไรเยี่ยงนี้เลยเจ้าคงมิหลอกข้านะ” สุดจินดาระวังตัว

    “ไม่หรอกน่าแป๊บเดียวแหละ” ปรานทัศน์จับห้าของสุดจินดาพลางงึมงำ

    ปรานทัศน์เริ่มทำนายโดยทำท่าคล้ายดูอะไรบนใบหน้าของสุดจินดา “ดูจากโหงวเฮ้งท่านคงไม่ใช่คนธรรมดานะ ต่อไปอีกสัก 10-20 ปีท่านจะได้รับตำแหน่งหน้าที่การงานเป็นใหญ่เป็นโตถึงขั้นเจ้ากรมเชียวนะ ใหญ่กว่าเจ้าเมืองต๊อกต๋อยอย่างพระยาจันทบุรีตั้งเยอะเชื่อมั๊ยล่ะ”

    “เยี่ยงนั้นจริงหรือแต่ใยทุกวันนี้ข้าจึงได้อยู่แค่ในทิมนี้ละพ่อจะเชื่อได้เยี่ยงไรดูมันมืดมนเหลือเกินแล้วเรื่องอิสรภาพของแผ่นดินล่ะ จะกู้ได้หรือเปล่าถ้าเจ้ารูจริงคงบอกข้าได้นะ” นายทหารซักไม่หยุด

    “ได้อยู่นะแต่...ถ้าท่านยังอยู่กับเจ้าเมืองจันทบุรีต่อไปให้อีกสิบชาติท่านก็ไม่รุ่ง” ปรานทัศน์ชี้โพรง  "จริงหรือ”   สุดจินดากระตือรือร้น    “เชื่อขนมกินได้เล้ย”    ปรานทัศน์พูดได้สมบทบาทยิ่งนักจึงทำให้สุดจินดาเริ่มคล้อยตาม

    “แล้วถ้าอยู่ต่อไปจะเป็นเยี่ยงไรล่ะบอกได้มั๊ย” สุดจินดาทำท่าทางเป็นห่วง

    “บ้านเมืองก็ฉิบหายน่ะสิ” ปรานทัศน์ทำท่าตระหนกตกใจให้สมบทมากขึ้น

    “หา! ถึงกับฉิบหายเลยหรือแล้วข้าควรจะทำเยี่ยงไรล่ะ”

    “ท่านต้องเปลี่ยนนายจำไว้ ไม่อย่างนั้นท่านจะไม่มีวันได้กอบกู้อิสรภาพของบ้านเมือง”

    ขณะที่ทั้งสองคุยกันนั้นขุนศรีหเทพก็ได้ลงมาที่คุกพอดีและได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคุยกันทั้งหมด พลางเผยตัวต่อจากคำฉิบหายของปรานทัศน์และมุ่งจะยัดข้อหาให้ทั้งสองทันทีฐานกบฏและสาปแช่งแผ่นดิน
    “เอ็งทั้งสองสาปแช่งแผ่นดินมีโทษสถานใด หัวจะหลุดจากบ่ารู้ตัวหรือไม่  ส่วนเอ็งไอ้หนุ่มตัวจะตายอยู่ลอมล่อแล้วยัง มีหน้ามาบอกว่าผู้อื่นจะได้เป็นใหญ่” เขาพูดพลางหันไปหาสุดจินดา

    “เอ็งก็เหมือนกันไอ้ทหารปลายแถวเป็นแค่เศษดินคิดหรือว่าจะได้เป็นใหญ่หากไอ้คนแปลกหน้านี่มันรู้ชะตาฟ้าดินจริงแล้วเหตุใดมันจึงถูกจองจำรอวันตายเยี่ยงนี้เล่า”

    พูดจบก็สั่งให้ทหารที่อยู่บริเวณนั้นปลดอาวุธและสั่งให้ขังสุดจินดาไว้ห้องเดียวกับปรานทัศน์ด้วยข้อหากบฏ

    “ดูซิ เอ็งทั้งสองจะรอดไปได้เยี่ยงไร” พูดจบขุนศรีหเทพก็เดินหน้าระรื่นออกไป

    ไม่นานเรื่องที่ปรานทัศน์สามารถดูดวงได้ก็ไปถึงหูพระยาจันทบุรีจากการเล่าต่อๆ กันของทหารในคุกกระจายออกไป จึงมีคำสั่งให้นำตัวปรานทัศน์เข้าพบโดยการนำของขุนศรีหเทพ

    “ออกมา ฮึ!ในที่สุดก็จะได้ตายสมใจแล้วสินะไอ้จ้าวคารมคราวนี้เอ็งไม่รอดแน่ข้านี่แหละจะบั่นคอเอ็งเอง” ปรานทัศน์โดนล่ามมือล่ามเท้าเยี่ยงนักโทษฉกรรจ์ ก็ไม่ปานในขณะที่ขุนศรีหเทพยิ้มเยอะอยู่ด้วยความสะใจ

    “แหวนข้าอยู่ไหน” ปรานทัศน์กรรโชกขึ้น

    “ไอนี่มันแน่จริงๆ จะตายอยู่แล้วยังห่วงสมบัติอีก คงไม่ต้องใช้แล้วล่ะมั๊งหึๆ” ขุนศรีหเทพพูดพลางหยิบแหวนมรกตวงนั้นออกมาจากผ้าคาดเอวแล้วหัวเราะเยาะดังๆยิ่งทำให้ปรานทัศน์แค้นใจยิ่งนัก

    “เอ็งรู้หรือเปล่าไอ้หนุ่มข้าไม่ชอบหน้าเอ็งตั้งแต่แรกแล้ววะ” ขุนศรีหเทพเยาะซ้ำ

    “ข้าก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเอ็งหรอกไอ้หน้าเป็ด!” ขุนศรีหเทพโดนดอกนี้เข้าไปถึงกับมึนตึ๊บเถียงต่อไม่ออกจึงเก็บแหวนเข้าที่เดิมและลากปรานทัศน์ไปอย่างแรงด้วยความโมโหและงง

    ไม่ช้าก็มาถึงบริเวณจวนที่มีห้องโถงใหญ่และมีชายวัยกลางคนหลายคนนั่งอยู่เป็นแถวยาวทั้งสองข้างซ้ายขวาและตรงกลางห้องลึกเข้าไปสุดผนังห้องมีที่นั่งคล้ายบัลลังก์มีชายผู้หนึ่งนั่งอยู่ดูน่าเกรงขามยิ่งนัก เขาผู้นั้นไม่ใช่ใครหากแต่เป็นเจ้าเมืองจันทบุรีที่ขณะนี้กำลังประพฤติตัวเป็นเยี่ยงกษัตริย์ก็ไม่ปาน เมื่อถึงหน้าบัลลังก์ที่นั่งขุนศรีหเทพก็ลากปรานทัศน์เข้ามาแล้วผลักให้คุกเข่าลงต่อหน้าสายตานับสิบคู่ของเหล่าข้าราชการในจวน

    “นี่อย่างไรขอรับท่านเจ้าเมืองไอ้คนที่กระผมบอกว่ามันสาปแช่งแผ่นดินแลบ้านเมืองแลโป้ปดว่าหยั่งรู้ดวงชะตาฟ้าดิน มันผู้นี้ล่ะขอรับ” ขุนศรีหเทพเอ่ยวาจาอย่างฉะฉาน
    “อ้อ! เอ็งนั้นเองรึ แต่งเนื้อแต่งตัวไม่เหมือนชาวบ้านชาวเมืองอย่างที่เขาล่ำลือกันจริงๆ” เจ้าเมืองจันทบุรีเปรยออกมาในขณะที่เห็นปรานทัศน์   ปรานทัศน์มาจากโลกอนาคตโดยเสื้อผ้ายังเป็นชุดนักศึกษาอยู่ จึงเป็นที่แปลกตาของผู้พบเห็นเป็นเรื่องธรรมดา

    “ได้ยินว่าเอ็งหยั่งรู้ฟ้าดินรึ”

    “ก็ไม่เชิงหรอกขอรับ เพียงแต่รู้แค่นั้นเองว่าใครจะอยู่หรือใครจะไป” ปรานทัศน์พูดด้วยท่าทางและสายตาที่อวดดี

    “เช่นนั้นข้าจะขอเล่นกับเอ็งแล้วกันนะเอ็งบอกได้หรือไม่ว่าต่อไปข้าจะได้เป็นใหญ่เป็นโตเหมือนไอ้ทหารคนนั้นหรือเปล่า” หลังพูดจบพระยาจันทบุรีก็ยิ้มเยาะและหัวเราะด้วยความสะใจยิ่งที่ได้ข่มเหงผู้อื่น

    “ไม่ขอรับ!” ปรานทัศน์ตอบเพียงสั้นๆ และห้วน

    “เหรอ...เช่นนั้นหรือ แล้วต่อไปข้าจะเป็นเยี่ยงไรล่ะ ผู้รู้...ฮ่าๆ”

    ทั้งห้องโถงหัวเราะเยาะกันอย่างสนุกสนานจึงยิ่งกดดันปรานทัศน์มากขึ้น  เจ้าเมืองหัวเราะชอบใจพลันสั่งให้ทหารปลดโซ่ตรวนออกจากตัวปรานทัศน์

    “อ้าวทหารปลดโซ่ตรวนออกจากตัวผู้รู้ของข้าทีซิ ฮ่าๆ” ทั้งห้องยังหัวเราะร่าไม่หยุดจนปรานทัศน์ต้องหาวิธีหยุดฉับพลันและก็ได้ผลจริงๆ

    “ท่านไม่อยากรู้แล้วหรือว่าท่านจะได้เป็นอะไรหลังจากบ้านเมืองสบงสุขแล้วน่ะขอรับ” คำถามที่ปรานทัศน์เสนอไปทำให้เหล่าทหารข้าราชการทั้งหลายต้องนิ่งเงียบคอยฟัง แต่พระยาจันทบุรียังใจดีสู้เสือและไม่กลัวอะไรเลย

    “ฮ่าๆ ตอนนี้ข้าเป็นเจ้าเมือง พอกู้อิสรภาพได้แล้วข้าก็เป็นกษัตริย์น่ะสิ” พูดเสร็จก็ยิ่งขำไปกันใหญ่

    “ผิดแล้วขอรับ” ปราทัศน์พูดแกมตะคอกเล็กน้อย

    “เช่นนั้นข้าจะเป็นอะไร ไหนว่ามาซิ!”

    “เป็นศพขอรับ” จบคำทั้งห้องเงียบกริบราวกับว่าไม่มีใครอยู่ในห้องโถงนั้นเลยพระยาจันทบุรีถึงกับหน้าถอดสี

    “เอ็ง...เอ็งชั่งน่านักแช่งข้ารึ พระจันทบุรีฉุนขาดทันทีแล้วหันไปถามโหรคู่ใจทันที

    “โหรหลวงไหนเจ้าว่าข้าจะได้กอบกู้อิสรภาพได้ครองราชย์ไม่ใช่หรือแล้วเจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนี่มาพูดเยี่ยงนี้มาพูดเยี่ยงนี้ได้เยี่ยงไร” โหรหลวงรีบแก้ตัวทันที

    “ท่านเจ้าเมืองโปรดวางใจเจ้าเด็กนี่เป็นใครมาจากไหนก็มิทราบ มันจะรู้ดีไปกว่าข้าได้เยี่ยงไร” โหรหลวงให้คำสนับสนุน

    “ก็จริงนะ แล้วเองเอาที่ไหนมาพูดหาไอ้หนุ่มเยี่ยงไรข้าก็ได้เป็นกษัตริย์อยู่แล้ว”  ปรานทัศน์ยิ้มอย่างฝืนๆ แล้วตั้งคำถามขึ้น

    “ท่านรวบรวมสมัครพรรคพวกเพื่ออะไรขอรับ”

    “ข้าก็จะช่วยกอบกู้อิสรภาพของแผ่นดินจากไอ้พวกพม่าน่ะสิ เจ้าถามทำไมรึ “

    “อยากช่วยหรืออยากเป็นใหญ่กันแน่ขอรับ ผมฟังจากที่ท่านพูดก็รู้แล้วว่าท่านอยากเป็นใหญ่แม้กระทั่งเด็กเล็กๆ ได้ฟังยังดูออกเลยว่าเจตนาของท่านเป็นเช่นไร ท่านต้องการจะเป็นผู้ครอบครองเสียเองนี่หรือผู้เสียสละ”

    “ฮึ ไอ้นี่ฝีปากมันกล้านักมันพูดเหมือนมันรู้จริงเช่นนั้นข้าจะยังไม่เอาโทษเอ็งวันนี้ข้าจะให้เอ็งพิสูจน์ดูว่าเอ็งรู้เห็นอนาคตจริงหรือไม่”

    ขณะเดียวกันทหารนายหนึ่งวิ่งเข้ามาด้วยอาการเหนื่อยหอบเร่งรีบเข้ามาแจ้งข่าวบางอย่างให้พระยาจันทบุรีทราบ

    “เรียนท่านเจ้าเมืองขณะนี้กองทัพของพระยากตากเคลื่อนทัพมาถึงเมืองระยองแล้วขอรับจะให้ทำเยี่ยงไรดี อีกทั้งยังประหารเจ้าเมืองรวมทั้งทหารพรรคพวกที่ตั้งตัวเป็นกบฏจนสิ้นและยึดเมืองระยองไว้แล้วขอรับ” เจ้าเมืองจันทบุรีครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งจึงออกคำสั่ง

    “รอดูมันไปก่อนมีเหตุใดคืบหน้ารีบนำความมาบอกข้าโดยทันทีและสืบเรื่องเสบียงของพวกมันด้วยว่าเหลือมากน้อยเพียงใด”

    “ขอรับ” นายทหารรับคำ  แล้วพระยาจันทบุรีก็หันมาหาปรานทัศน์อีก

    “เอ้าเอ็ง วันนี้พอแค่นี้ก่อนได้คุยกับเอ็งแล้วข้ามีความสุขจริงๆไว้ข้าจะเรียกเอ็งมาอีก  ทหารจัดที่อยู่ให้ผู้รู้ด้วยล่ะอย่าให้เข้าไปอยู่ในคุกแบบนั้นเลยมันไม่สมฐานะ ฮ่าๆ” พูดจบพระยาจันทบุรีก็ออกไปจากห้องโถงโดยมีขุนศรีหเทพเดินตามไปติดๆ

                      -------------------------------------------------------------------------------------------------------
    เดือนเพ็ญพอจะรวมเล่มเป็นหนังสือได้หรือเปล่าขอรับช่วยชี้แนะด้วยจะขอบพระคุณอย่างสูง

    จากคุณ : ขุนไกรพลพ่าย - [ 19 ส.ค. 48 02:01:28 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป