CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    ลูกชาย (ขุนช้างขุนแผนฉบับนิทานข้างกองฟาง) (๓๑)

    ขุนช้างขุนแผน ฉบับนิทานข้างกองฟาง (๓๑)
                                           
    ลูกชาย                                                                                                

                           พ่อแม่พี่น้องที่เคารพครับ  ตั้งแต่ขุนแผนชนะความได้นางวันทองไปครอง เจ้าขุนช้างก็ให้ร้อนรุ่มรุมเร้าอยู่ไม่เป็นสุขด้วยความกลุ้มใจเป็นนักหนา

    อยู่มาวันหนึ่งก็ได้มีโอกาสระบายกับ ศรพระยา น้องชาย ศรพระยาก็คุยให้ฟังว่า

                                                                              ........เออเขาลือกันวุ่นแต่วังใน                                    
    ว่าขุนแผนทูลขอเจ้าลาวทอง         ถูกกริ้วจำจองไว้คุกใหญ่
    วันทองอยู่เดียวคงเปลี่ยวใจ          เราน่าไปพูดจาดูตามที
    เมื่อจากไปใช่ว่านางโกรธแค้น        อ้ายขุนแผนมันมาพาเจ้าหนี
    บัดนี้เข้าคุกทุกข์เต็มที               เห็นจะคืนมาดีไม่มีงอน ฯ


                            เท่านั้นเอง  นายขุนช้างซึ่งหัวใส (จริง ๆ อยู่แล้ว) ก็คิดแผนชั่วร้ายขึ้นมาทันที จึงสั่งให้ผูกช้างแล้วยกโขยงพวกบ่าว นักเลงหัวไม้ไปยังกรุงศรีอยุธยา แล้วก็มาฉุดวันทองไปทั้ง ๆ ที่กำลังท้องแก่

    ครั้นถึงกลางย่านสะพานช้าง          ไกลบ้านที่นางอยู่อาศัย
    มันเข้าห้อมล้อมพลันด้วยทันใด         ไปไหนไม่ปะพะพานตัว
    กู้เงินเจ้าคุณมาห้าชั่ง               ตั้งแต่หลบเสียทั้งเมียผัว
    วันนี้มาพบเข้าจะเอาตัว             วันทองกลัวตัวสั่นร้องอึงไป ฯ

                     แม่วันทองก็พยายามบอกว่าไม่รู้เรื่อง   แล้วก็เรียกให้ชาวบ้านช่วย แต่ผู้คนเห็นอันธพาลรุมล้อมอยู่อย่างนั้น ก็ไม่มีใครกล้า
    อ้ายพวกเปรตนั่นก็เลยหน่วงตัวแม่วันทองเอาไปได้


    จนออกประตูวัดสวนหลวง       ฝูงคนทั้งปวงไม่ช่วยได้
    ฝ่ายพวกเรือคอยรับก็ฉับไว       ลงเรือข้ามไปถึงฝั่งพลัน
    ขึ้นบกตะบึงถึงฉับไว                ขุนช้างดีใจจนตัวสั่น
    แม่อย่าร้องไห้ไปด้วยกัน             พี่หมายมั่นมารับเจ้ากลับไป ฯ      

                         นางวันทองก็ดิ้นรนผลักไสด่าทออยู่ในกูบช้างไปเรื่อย ๆ แต่ก็ไม่มีปัญญาจะทำอะไรมากไปกว่านั้น ตัวเองก็ท้องไส้อยู่ เพราะฉะนั้น  พอวันกะคืนหนึ่งที่ถึงบ้านขุนช้างที่เมืองสุพรรณ ก็เลยโดนมันอุ้มเข้าห้องเสียเลย...เลวแท้แท้นะขอรับ...

                         แล้วนางวันทองก็เลยต้องจำยอมอยู่กับขุนช้างอีกวาระหนึ่ง  จนกระทั่งครบกำหนดคลอดในอีกไม่กี่เดือนต่อมาก็คลอดลูกออกมาเป็นผู้ชาย  ก็เลี้ยงดูกันมาเรื่อยจนเจ้าหนูอายุได้เข้าเก้าปี และขุนแผนผู้เป็นพ่อที่แท้จริงก็ยังติดคุกอยู่อย่างนั้น    

    นางวันทองแกก็ร้ายจริงเหลือก็เล่นตั้งชื่อลูกเสียใกล้พ่อเลยว่า พลายงาม

                         ทีนี้อยู่มาวันหนึ่ง นายขุนช้างก็เกิดหมั่นไส้เด็กน้อย  ที่เห็นคาตาอยู่ทุกวี่ทุกวันว่าเป็นลูกศัตรู จึงลวงเจ้าหนูพลายงามไปเที่ยวป่า แล้วก็กะ หมก เสียเลย แต่โชคดีที่ผีพรายของขุนแผนช่วยไว้ทัน  

                         เจ้าพลายงามก็ร้องไห้มอมแมมไปหาแม่ แม่วันทองก็ตกใจว่าถ้าเป็นอย่างนี้ก็เห็นจะอยู่กับแม่ไม่ได้แล้วเจ้าประคุณเอ๋ย เจ้าจงไปหาย่าที่เมืองกาญจนบุรีเถิด เจ้าพลายงามก็เก็บข้าวของไปหาย่าตั้งแต่บัดนั้น

                         พอไปพบย่าเข้า ก็ได้อยู่กับย่า ย่าก็กล่อมเกลี้ยงเลี้ยงถนอมจนเติบโต แล้วจนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง ย่าก็จะพาไปหาพ่อที่ในคุก                

                        มาจะกล่าวถึงขุนแผนบ้าง ติดคุกอยู่อย่างไร ก็อยู่อย่างนั้นแหละขอรับ สิบปีเข้าไปแล้ว เผลอแผล็บเดียว

    จะกล่าวฝ่ายนายขุนแผนที่แสนทุกข์        แต่ติดคุกขัดข้องให้หมองหมาง
    อยู่หับเผยเคยสะอาดขาดสำอาง       จนผอมซูบรูปร่างดูรุงรัง
    ผมยาวเกล้ากระหวัดตัดไม่เข้า      เหตุด้วยเขาคงทนทั้งมนตร์ขลัง
    อยู่เปล่าเปล่าเล่าก็จนพ้นกำลัง      อุตส่าห์นั่งทำการสานกระทาย
    ให้นางแก้วกิริยาช่วยทารัก           ขุนแผนถักขอบรัดกระหวัดหวาย
    ใบละบาทคาดได้ด้วยง่ายดาย         แขวนไว้ขายทั้งเรือนออกเกลื่อนไป

    พอมารดามาถึงทับรับเข้าห้อง         ทั้งข้าวของผู้คนขนมาให้
    เห็นลูกชายพลายงามถามทันใด        นี่ลูกใครหน้าตาน่าเอ็นดู ฯ

                      ขออนุญาตนอกเรื่องอีกแล้วขอรับ  คือว่าเมื่อสมัยที่กระผมผู้เล่านิทานเรื่องนี้ ได้มีโอกาสเรียนวรรณคดี ตอนนี้กับ ท่านอาจารย์ศักดิ์ศรี แย้มนัดดา (ขออภัยที่เอ่ยนาม) ท่านอาจารย์ได้เคยสอนไว้ว่า สำนวนกลอนตอนนี้มีกลอนพาไปอยู่สองแห่งคือ      

    หนึ่ง  ตอนที่ว่าผมยาวเกล้ากระหวัด ตัดไม่เข้า  เหตุด้วยเขาคงทนทั้งมนตร์ขลัง นั้น น่าจะเป็นกลอนพาไปเพราะไม่อย่างนั้นคนมีเวทมนตร์ก็คง หนวดถึงเข่า เคราถึงนม ผม ถึงตีน กันไปหมดแล้วสิขอรับ

    แต่ที่ว่าตัดผมไม่ได้นั้น ก็ได้ มีอรรถาธิบายอยู่ว่า ผู้คนผู้ชายในสมัยนั้นไม่มีใครไว้ผมยาวกัน เพราะฉะนั้นถ้ามีใครผมยาวเฟื้อยมาเดินเทิ่ง ๆ อยู่กลางตลาดละก็ ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า เป็นนักโทษแหกคุกมา เพื่อที่จะได้เป็นที่สังเกต ก็เท่านั้นเองขอรับ

                     ส่วนอีกประการหนึ่งนั้น ที่ว่าขุนแผนสานกระทายขาย ใบละบาทนั้นท่านอาจารย์ศักดิ์ศรีท่านว่า กลอนพาไป อย่างแน่นอนขอรับ  เพราะถ้าในสมัยกรุงศรีอยุธยามีงาน ผลิตภัณฑ์ราชทัณฑ์ แล้วนักโทษขายกระทายหวายสานได้ถึง ใบละบาท แล้วละก็ ถนนหนทางคงจะว่างโล่งเพราะผู้คนสมัครใจไปหารายได้งาม ๆ ในคุกกันเสียหมดน่ะขอรับ

    โม้มามากแล้ว...เข้าเรื่องกันเถิดขอรับ...

                     พอขุนแผนทราบความว่าเป็นลูกชายของตัว แล้วโดนก็เขาทารุณกรรมมาอย่างนั้นด้วยก็โกรธเป็นอันมาก แทบจะแหกคุกแล่นไปฆ่าขุนช้างเสียเดี๋ยวนั้นเลย

                  แต่แม่ทองประศรีก็ห้ามไว้ว่า ลูกเอ๋ย เราก็ทนทุกข์ทรมานมากพออยู่แล้ว  จะไปทำกรรมซ้ำเพิ่มไปทำไมกัน ส่วนลูกของเจ้ามาอยู่กับแม่ก็ดีแล้ว แม่ก็จะเลี้ยงให้ดีที่สุดละ

    โบราณท่านสมมุติมนุษย์นี้        ยากแล้วมีใหม่สำเร็จถึงเจ็ดหน
    ที่ทุกข์โศกโรคร้อนค่อยผ่อนปรน   คงจะพ้นโทษทัณฑ์ไม่บรรลัย ฯ

    สุภาษิตมากอยู่หน่อย ตามแบบฉบับของท่านสุนทรภู่นะขอรับ

    แล้วขุนแผนก็สั่งเสียลูกให้เรียนวิชากับย่า

    ครานั้นขุนแผนแสนสุภาพ        ก้มกราบมารดาน้ำตาไหล
    ลูกเห็นแต่แม่คุณค่อยอุ่นใจ       ช่วยสอนให้พลายงามเรียนความรู้
    อันตำรับตำราสารพัด          ลูกเก็บจัดแจงไว้ที่ในตู้
    ถ้าลืมหลงตรงไหนไขออกดู      ทั้งของครูของพ่อต่อกันมา
    แล้วลูบหลังสั่งความพลายงามน้อย เจ้าจงค่อยร่ำเรียนเขียนคาถา
    รู้สิ่งไรก็ไม่สู้รู้วิชา            ไปเบื้องหน้าเติบใหญ่จะให้คุณ ฯ

    พอกลับบ้านที่เมืองกาญจน์   เจ้าพลายงามก็รื้อตำราของพ่อมาร่ำเรียนกับย่าเสียยกใหญ่        

                   เวลาก็ผ่านไป จนพลายงามอายุได้สิบสามปี  ก็ได้เวลาโกนจุกของเด็กชายในสมัยนั้น ท่านย่าทองประศรีก็จัดพิธีให้หลานอย่างใหญ่โต
                    พอโกนจุกแล้วก็นึกอยากจะเข้าเฝ้าถวายตัว เผื่อว่าจะได้มีช่องทางขอพระราชทานโทษพ่อออกจากคุก นี่...เด็กอายุสิบสามนะขอรับ ที่คิดได้อย่างนี้

                   ท่านย่าก็ดีใจว่า  หลานเอ๋ย คิดอะไรได้อย่างนี้ก็ประเสริฐที่สุดแล้ว แล้วก็เลยส่งหลานไปหาพ่อที่ในคุกอีกครั้งหนึ่ง

                   ขุนแผนพอได้ทราบความประสงค์ของลูก ก็เลยไปขออนุญาตท่านเจ้าคุณยมราช พาลูกไปหาท่านจมื่นศรี

                  ท่านจมื่นศรีก็ยังดีใจ ทักทายขุนแผนเสมือนเพื่อนเสมือนญาติเช่นเดิม ไม่ได้รังเกียจรังงอนแต่ประการใด แต่ก็ถามว่า นั่นพาลูกใครมาด้วยหรือ

    ขุนแผนบอกออกว่าลูกเจ้าวันทอง  ที่มีท้องเกือบแก่มาแต่ป่า
    เอาความหลังทั้งนั้นพรรณนา      จะพามอบไว้ให้เจ้าคุณ
    ด้วยไม่มีที่เห็นแต่เป็นโทษ       พระนายโปรดช่วยเหลือทั้งเกื้อหนุน        
    เป็นที่พึ่งจึงมาจงการุญ         เอาแต่บุญเถิดพ่อเจ้าเมื่อคราวจน
    อันวิชาย่าสอนลูกอ่อนแล้ว            เห็นคล่องแคล่วการศึกพ่อฝึกฝน
    ถ้ากระไรได้ช่องเห็นชอบกล    ช่วยผ่อนปรนโปรดถวายเจ้าพลายงาม ฯ

                 ท่านจมื่นศรีก็หัวร่อร่า บอกว่า โธ่เอ๋ย เรื่องแค่นี้เองจะเป็นอะไรไปเล่า ลูกของเพื่อนก็เหมือนลูกของเรานั่นแหละ  ขุนแผนก็บอกขอบอกขอบใจเป็นอันมาก แล้วพลายงามก็ได้ฝึกราชการอยู่ที่บ้านท่านจมื่นศรีนั้นเอง

                 จนกระทั่งถึงเวลาอันสมควร ที่ท่านจมื่นศรีเห็นว่าน่าจะถวายตัวได้ ก็จึงพาพลายงามเข้าเฝ้า พ่อแม่พี่น้องลองฟังสำนวนกลอน ตอนออกท้องพระโรงรัตนาฝีมือท่านสุนทรภู่ดูบ้างนะขอรับ ว่าจะมีความแตกต่างจากสำนวนอื่นอย่างไร

    ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช      
    มงกุฎเกศอยุธยามหาสถาน
    สถิตแท่นแว่นฟ้าโอฬาฬาร            
    ดังวิมานเมืองฟ้าสุราลัย
    ห้ามแหนแน่นหนุนละมุลหมอบ          
    งามประกอบกิริยาอัชฌาสัย
    ระเรื่อยรับขับร้องทำนองใน          
    สำราญราชหฤทัยทุกเวลา
    ยามกลางวันนั้นก็ออกพระโรงรัตน์      
    มีแต่ตรัสสรวลสันต์ทรงหรรษา
    ทั้งเหนือใต้ไพรีไม่มีมา              
    สำราญใจไพร่ฟ้าประชาชี
    ด้วยเดชะบุญญาอานุภาพ          
    มีแต่ลาภมาประมูลพูนภาษี
    แต่บรรดาข้าเฝ้าเหล่าเสนี          
    ใครทำดีได้ประทานถึงพานทอง ฯ

                 ฝ่ายท่านจมื่นศรีก็เข้าเฝ้าถวายตัวพลายงาม ให้รับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท  สมเด็จพระพันวษาพอทอดพระเนตรเห็นพลายงาม   ก็ตรัสถามถึงชื่อและเหล่าตระกูล พอทรงทราบก็ทรงพระดำริถึงขุนแผน
    แต่ก็เหมือนกรรมมาบัง

    ครานั้นสมเด็จพระพันวษา          
    เหลือบเห็นหน้าพลายงามทรามสงสาร
    จะออกโอษฐ์โปรดขุนแผนแสนสะท้าน  
    แต่กรรมนั้นบันดาลดลพระทัย
    ให้เคลิ้มพระองค์ทรงกลอนละครนอก  
    นึกไม่ออกเวียนวงให้หลงใหล
    ลืมประภาษราชกิจที่คิดไว้          
    กลับเข้าในแท่นที่ศรีไสยา ฯ

    เป็นอันว่าลูกชายก็ได้รับราชการแล้ว แต่พ่อก็ยังติดคุกอยู่  

    ส่วนเหตุการณ์ข้างหน้าจะเป็นอย่างไรนั้น ก็ต้องรอไว้พบกันคราวหน้าเช่นเคยขอรับ.
                                                   
                                      ##########

    แก้ไขเมื่อ 19 ส.ค. 48 07:31:22

    แก้ไขเมื่อ 19 ส.ค. 48 07:28:46

    จากคุณ : พจนารถ๓๒๒ - [ 19 ส.ค. 48 07:22:44 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป