CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    ความหลังเมื่อฉันยังเด็ก 2

    เมื่อฉันอายุครบหกเดือนเราก็ได้ลงแขกอีกครั้งแต่ครั้งนี้
    เป็นลงแขกเกี่ยวข้าวแม่มะลิของฉันเล่าว่าตอนนั้นใครๆ
    ก็หันมาเล่นกับฉันแทนที่จะไปสนใจกับการเกี่ยวข้าว
    เพราะจากตัวหนอนในวัยหนึ่งเดือน
    ฉันได้กลายเป็นตุ๊กตาล้มลุกของบ้านไปแล้ว
    หลายครั้งที่ตัวขาวๆของฉันเต็มไปด้วยรอยหมั่นเขี้ยวของพี่ป้าน้าอา
    โดยเฉพาะน้าๆของฉันนั้น เรียกได้ว่าไม่ยอมปล่อยให้ฉันห่างมือได้เลย
    น้ามะขามกลับจากโรงเรียนในวันศุกร์ก็จะเอาตัวฉันใส่ตะกร้าข้างหนึ่ง  

    ข้างหนึ่งเป็นน้ำในถังที่น้ำหนักพอฟัดพอเหวี่ยงกันแล้วหาบฉันลงทุ่งนา
    ส่วนน้ายี่โถที่นับวันจะยึดฉันเป็นลูกสาวแทนหลานสาวก็ทิ้งร้านตัดเสื้อลงนาด้วย
    แม่กับพ่อนั้นจะออกไปตั้งแต่ย่ำรุ่งคือมองไปพระอาทิตย์ยังไม่พ้นขอบฟ้าดี
    ตากับยายจะออกนาเมื่อใส่บาตรให้หลวงพ่อเสร็จ  ส่วนน้าใบบัวจะเดินตามหลังน้ายี่โถ
    บ่าทั้งสองคือหาบตะกร้าที่เต็มไปด้วยของกินมากมาย  


    เมื่อถึงนาราวสามโมงเช้า ฉันซึ่งไม่รู้อิโหน่อิเหน่จะถูกทั้งเคราอันแข็งๆ
    ของพ่อทิ่มหน้าอยู่เป็นประจำ แม่อีกนั้นแหละที่บอกอีกว่า ไม่ใช่เพียงพ่อหรอก  
    กองทัพทั้งสามสิบสี่สิบคนต่างมัวตาเล่นกับฉันทั้งนั้น ไม่ใช่ว่าไม่มีเด็กที่เกิดช่วงเดียวกันหรอก
    แต่ที่ทุกคนชอบมากคือหน้าตากลมๆ แก้มย้อยๆหัวทุยๆของฉัน อีกทั้งหน้าตาที่ออกไปทางเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิง ทำให้บางครั้งฉันจะเจ็บตัวเพราะแรงฟัดของพ่ออยู่บ่อยๆเพราะคิดว่าได้ลูกชายนั่นเอง
    ตากับยายจะเดินตามออกมา พร้อมนำข้าวก้นบาตรมาแบ่งให้ลูกๆหลานๆกินกัน
     เรื่องนี้เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่บ้านฉันถือกันมาก ตาเป็นลูกศิษย์วัด พ่อฉันก็ลูกศิษย์วัด บ้านก็อยู่ติดวัด
    จึงไม่แปลกเลยที่พอฉันโตขึ้นสิ่งแรกที่ฉันท่องได้ก่อน ก. ไก่ คือ บทสวดมนต์ และ บางครั้งฉันก็ยะถา ให้ยายบ่อยๆเวลาที่เรากินข้าวเสร็จ


    เด็กหกเดือนทำอะไรไม่ได้ นอกจากนั่งๆนอน ๆ อยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่  
    ที่อยู่ใกล้ๆกับเถียงนา (กระท่อมปลายนาของชาวอิสาน) พอทุกคนกินข้าวกินปลาเสร็จ
    ฉันก็จะถูกทิ้งไว้กับยาย ส่วนหน้าใบบัวจะวิ่งลงไปช่วยเขาเกี่ยวข้าว แค่สิบโมงเท่านั้น    
    แม่บอกว่า ก็จะถึงเวลานอนครั้งแรกของฉัน  ยายจะเอาผ้าขาวม้าผูกกับต้นกระถิน


    สองต้นโยงกันแน่นด้วยเชือกที่ใช้ผูกควาย    เอาหลานตัวอ้วนๆอย่างฉันลงนอน
    พร้อมกันนั้นยายก็จะถึงเวลาเปรี้ยวปากหยิบหมากมาเคี้ยว    มือหนึ่งไกวอู่
    (ในสมัยนี้เรียกเปลนอน)  ไม่ได้มีปลาตะเพียนเหมือนในทีวี
    แต่เด็กอายุหกเดือนต้องนอนดูใบไม้ และดอกสีเหลืองของต้นกระถินไปจนกว่าจะหลับ
    แต่พอฉันโตขึ้นฉันก็อดคิดไม่ได้ว่า ตอนเด็กฉันหลับเพราะง่วงหรือว่าตาลายเพราะ
    แรงเหวี่ยงของยายบวกกับใบไม้นับร้อยบนต้นกันแน่  

    เรื่องเลี้ยงหลานนี้ยายฉันชอบมากกว่าสิ่งใดในโลก เพราะยายจะใช้เวลาที่เลี้ยงฉันท่องสารพันยะ
    (คำร้องแบบโบราณของชาวอิสาน เวลาออกบุญเดือนสี่มีเทศมหาเวชสันดรชาดก
    สาวๆเขาจะออกไปร้องเพื่อนำข้าวสารที่ได้มาทำ ข้าวปุ้น(ขนมจีน) บทร้องของยายที่ฉันจำมาได้จนทุกวันนี้คือ

    กาเอย  กาเว้าวอน  ร้องเสียงวอน  น่าจับใจ
    กาเหว่า  ร้องเสียงหวาน  ร้องไปนาน  น่าเย็นใจ   ร้องไปนาน  น่าเย็นใจ
    กาเหว่า   อยู่แห่งใด  จงเข้าใจลูกเรียกหา
    กาเหว่า  บินออกนา  จงกลับมาหาลูกที   จงกลับมาหาลูกที  

    ยายจะร้องทำนองสารพันยะกล่อมฉันในตอนบ่ายอีกครั้ง
    เพราะตอนเช้ายายจะใช้เวลาหมดไปกับการเคี้ยวหมาก  พอฉันหลับ
    แม่บอกว่ายายก็จะเอาพลูมาจีบไว้เพื่อรอให้คนที่มาช่วยลงแขกข้าวได้จัดการแก้เปรี้ยวปาก

     อันวิธีการจีบพลูของยายเป็นที่เลื่องลือไปไกล  เนื่องจากบ้านฉันมีสวนเอง
    แล้วยายกับตาก็รักต้นไม้พอกับที่รักฉัน พลูของยายจะสด

    ปูนที่ป้ายจะเป็นปูนแดงอย่างดีที่น้าขามจะหาซื้อมาฝากยายจากตลาดในเมือง
    ส่วนหมากนั้นยายของฉันก็ใช้หมากสดในสวนแถมที่บ้านยังมีอีกหลายต้น
    ยาสูบที่ใช้สีฟัน ยายจะใช้ยาสูบที่เราปลูกเองอีกนั่นแหละ

    แม่บอกว่ายาสูบของยายนั้นมวนยาก็ไม่เมาไม่ฉุน  กลิ่นแรงเหมือนของบ้านอื่น
    เอามาสีฟันก็ขาวสะอาด  ชีวิตของเด็กวัยหกเดือนที่ไม่รับรู้เรื่องราวอะไรเลยอย่างฉันนั้นไม่สนุกเลย
    นอนอืดเป็นลูกหมูให้น้าๆของฉันขุนกันสนุก


    พอตอนเที่ยงน้ายี่โถ แม่ กับน้าใบบัวจะขึ้นมาช่วยกันทำกับข้าวกับปลาอีกครั้ง
    พ่อฉันกับตาจะลงบ่อที่นาเอาปลาขึ้นมา ต้ม ยำทำแกง แล้วแต่วันนั้น
    แม่ครัวจะสั่งการมา  ตอนนี้ฉันจะตื่นนอนแล้ว และมานั่งกลางลานดินที่ปูสาด
    (คือเสื่อในภาษาภาคกลางที่สานด้วยต้นกก)
     น้าใบบัวจะเป็นพี่เลี้ยงของฉันในขณะที่ผู้ใหญ่เขาทำอาหารกันแม่เล่าว่าทั้งน้าทั้งหลานสองคน
    มักจะกินแตงกวาที่แม่เก็บมาจิ้มน้ำพริกหรือเป็นเครื่องเคียงเสียเกือบหมดทุกวัน


    แต่ไม่มีใครจะทำโทษเด็กอายุหกเดือนหรอก ส่วนน้าใบบัวกินจริงไม่มีคายทิ้งสักลูกจะถูกยายตีมือบ่อยๆ
    แม่บอกว่า บ้านการทำโทษของบ้านฉันก็ต่างจากบ้านอื่น  ที่แม่มักเปรียบให้ฟังบ่อยๆว่า
    “ตียังกะวัวกะควาย”
    ตายายนั้นไม่เคยตีลูกอย่างคนอื่นเขาตีหรอก  มากที่สุดคือเอามือตีมือนั้นแหละ
    และด้วยอานิสงค์ของตากับยายที่ไม่ตีลูก ฉันจึงไม่เคยโดนหวดเลยสักครั้งเดียว  
    แม่บอกว่าตอนยายเลี้ยงแม่นั้น แม่ยังเคยถูกยายตีมือบ้างแต่พอมาถึงรุ่นหลานนั้น
    ครั้งใดที่แม่จะวางมือสากๆของแม่ลงบนมือฉัน แม่ว่า ยายมักจะบอกแม่ด้วยเสียงเข้มๆ ว่า
     ฉันเลี้ยงของฉันมา  อย่ามาตีมัน  และชีวิตของฉันจึงรอดพ้นฝ่ามืออรหันต์มาด้วยประการฉะนี้


    แม่กับน้ายี่โถจะช่วยกันสับบักหุ่ง(มะละกอ)
    ไว้เต็มกะละมัง และยายก็จะตำพริกจนแขนเหี่ยวของยายไม่มีไขมันเลยแม้แต่น้อย
    พ่อกับตา ที่ไปลงปลามานั้นจะเอาปลามาล้างโคลน ตัวใหญ่ๆก็จะต้มส้มใบมะขามหม้อใหญ่  
    ข้าวเหนียวจะถูกนึ่งใหม่อีกครั้งเพราะข้าวที่กินตอนเช้านั้นหมดไปเยอะ
     ต้นมะขามนั้นก็ไม่ได้ไปหาที่ไหนไกล  มันขึ้นอยู่บนหัวทุยๆของฉันนี้เอง มะขามต้นนี้
    มาก่อนฉันต้องเรียกว่าปู่มะขามถึงจะถูก เพราะขึ้นสองต้นเคียงกันอย่างกะมันเป็นผัวเมียกัน
    คือพันกันแนบแน่น  น้ามะขามจะเป็นคนที่ขึ้นไปเก็บยอดอ่อนลงมา  


    หม้อที่ตั้งจนน้ำเดือด จะถูกใส่ปลาลงไป พร้อมกับเครื่องแกงที่ลอยคลั่กอยู่บนหน้า กันคาว
    ต้มส้มปลากะต้มบักหุ่งนั้นยังไม่ใช่อาหารที่จะทำให้คนที่มาช่วยงานอิ่มอกอิ่มใจเท่ากับ
    ปลาช่อนคลุกโคน  เรื่องนี้พ่อเป็นคนเล่าให้ฟังเมื่อตอนโตว่า พอได้ปลามาแล้ว
    พ่อจะควักเอาเครื่องในออกมาหมดโดนควักออกมาที่ครีบใต้เหงือกของปลา
     แล้วใส่พริกขี้หนู ตะไคร้  ใบมะกรูด  ใส่เกลือ ลงไป   เสร็จแล้วโยนเข้ากองไฟ  
    อีกรายการคือเหล้าสาโทที่พ่อจะหมักเอง ใส่ไหมาไว้สำหรับงานลงแขกเกี่ยวข้าวโดนเฉพาะ

    ทุกคนจะมานั่งคุยกันสนุกสนานเฮฮา และมีฉันเป็นเครื่องเล่นอีกอย่างหนึ่ง  
     พออาหารเสร็จเรียบร้อยทุกคนจะเข้ามานั่งเป็นแถวคู่ หันหน้าเข้าหากันโดยมีทั้งแกง
    ทั้งก้อยปลา  อีกทั้งถาดใส่ต้มบักหุ่งที่บ้านฉันกินได้ทุกมื้อมากระทั่งทุกวันนี้  
    และปลาช่อนคลุกโคลนของแท้  ฉันจะนั่งอยู่กับน้ายี่โถ แม่เล่าว่าพอกินข้าวไปสักพัก
    ก็จะมีคนเอาเนื้อปลาแกะเรียบร้อย ขาวๆ หอมๆ มาล่อฉัน  

    พอฉันน้ำลายเริ่มไหล เขาก็จะหัวเราะกัน  แล้วเอาใส่ปากตัวเองแทนที่จะใส่ปากฉัน
     และต่อให้เลี้ยงง่ายขนาดไหน วินาทีนั้นที่ถูกหลอกบ่อยๆ เสียงขนาดแปดหลอดของฉันก็ทำเอาแม่ต้องอุ้มฉันปลอบอยู่นาน

     และพ่อเสริมว่า ไม่มีทางที่ฉันจะหยุดร้อง กระทั่งพ่อมาเอาฉันไปนั่งด้วย
    แล้วเอาเนื้อปลาช่อนขาวๆใส่ปากฉัน  และรอยยิ้มพร้อมน้ำลายก็ไหลออกมาด้วยความยินดี  
    จากนั้นเป็นต้นมาเวลาที่พ่อได้ปลาช่อนคลุกโคลนมาเผาจึงมักมีฉันนั่งตักพ่อและคอยอาหารจากมือพ่อที่คอยเป่าให้หายร้อนและใช้ลิ้นแตะๆ ก่อนจะส่งเข้าปากฉัน
    พูดถึงปลาช่อนคลุกโคลนนั้นเป็นเมื่อตอนสามขวบ
    และพอแกะโคลนที่แห้งติดตัวปลาออกเกล็ดของปลาช่อนจะติดออกมากับ
    โคลนเหลือเพียงเนื้อปลาหอมฉุย ลอยเข้าจมูก กลิ่นใบมะกรูด ตะไคร้หอมฟุ้ง


    การตั้งวงกินข้าวจะเสร็จไม่เกินชั่วโมงพอนั่งพักเสร็จ
    ทุกคนก็จะลงนากัน ปล่อยฉันไว้กับยายเหมือนเดิม
    แม่เล่าว่า พอตอนกลางวันพวกผู้หญิงจะเกี่ยวข้าว ขณะที่ผู้ชายจะมัดข้าว
    และหาบข้าวขึ้นมาบนลานพักข้าวที่อยู่ใกล้กับเถียงนา  
    มัดข้าวนั้นจะใช้ตอกที่ตาจะจักไว้ทุกตอนเย็น  และตากแห้ง สักสามสี่แดด
    ก่อนจะนำไปใช้จะแช่น้ำไว้ข้ามคืน จะทำให้ตอกนั้นทนไม่ขาดง่าย
    (วิธีทำตอกข้าวคือ นำไผ่ที่มีอายุมากแล้วส่วนมากใช้ไผ่ตง
    มาตัดยาวประมาณสองปล้อง แล้วนำมาผ่าให้เล็กลงๆ  

    ขณะที่ทำจะใช้มีดอีโต้ที่คมๆจัก มือนิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือทั้งสองจะต้องพันไว้
    ด้วยผ้ากันมีดและความคมของไผ่บาดเอา) ข้าวที่มัดเป็นฟ่อนแล้วจะมีตาฉันเป็น
    คนเสียบมัดข้าวใส่คันหลาว(ไม้ไผ่เรียวเหลายาวทั้งสองด้านไว้หาบฟ่อนข้าวไปไว้ที่ลานพักข้าว)


    เมื่อล่วงบ่ายไปฉันจะถูกส่งลงอู่อีกครั้งและครั้งนี้ฉันไม่ต้องหลับ
    เพราะเวียนหัวจากแรงเหวี่ยงอย่างเดียว แต่จะมีเสียงทำนอง  กาเหว่า
    ของยายและบทสวดมนต์อีกยาวเหยียดตามมา  
    และไม่ช้าไม่นานด้วยความไม่รู้ภาษาก็จะหลับลงอย่างสงบนิ่ง  
    ทุกสรรพสิ่งหายไปจากการรับรู้  หลับอยู่ได้ร่มไม้ใหญ่โดยไม่รู้ว่าใครเขาทำอะไรบ้าง



    เมื่อฉันตื่นขึ้นมาอีกครั้งแทนที่จะเห็นหน้ายาย  อันนี้แม่เล่าให้ฟัง
    ก็จะมีหน้าแหลมๆ มานั่งเฝ้าฉัน  มันคือหมาน้อย
    หมาน้อยธรรมดาตัวหนึ่งที่ชื่อไอ้หมี (ทั้งๆที่มันเป็นหมา  
    แต่น้ามะขามของฉันผู้เก็บมาจากวัดที่เข้าไปอยู่ในเมืองก็เรียกมันว่าไอ้หมี)
    ไอ้หมีมาอยู่ที่บ้านฉันหลังจากฉันเกิดได้สองเดือน  


    เรื่องนี้น้ามะขามเป็นคนเล่าให้ฉันฟังเองว่า
     มันถูกแม่ทิ้งเพราะตัวผอมขนก็น้อยๆ เล็กๆ  บางครั้งพี่ๆมันนับสิบรุมกันกีดกันไม่ให้มันกินนมแม่
    และด้วยความที่น้าขามคิดถึงฉันที่ตอนเกิดก็อาภัพผมเหมือน
    ที่ไอ้หมีมันอาภัพขนเลยโมเมเอาว่ามันเป็นหลานอีกคน  

    เย็นวันศุกร์ที่น้าขามเลิกเรียน แกเลยตัดสินใจพรากลูกจากอกแม่

    จากคุณ : nana_iteh - [ 19 ส.ค. 48 21:44:56 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป