CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    สมุดสีฟ้าบันทึกสีชมพู ตอนที่3

    ตอนที่ 3

    วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2547

    อาจเป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อคืน ทำให้ผมนอนไม่ค่อยหลับ กระสับกระส่ายแทบทั้งคืน ทำให้เช้านี้ไม่สดชื่นเอาเสียเลย  แต่พอจะนอนต่อก็ไม่สามารถหลับได้  เลยลุกจากเตียงนอนออกไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะที่หน้าบ้าน ไม่รู้เป็นเพราะผมไม่ค่อยมาที่นี้ หรือเป็นเพราะใจที่วิตกเรื่องของแอน ทำให้ผมเดินวนอยู่ในสวนสามรอบอย่างไม่รู้ตัว  จนกระทั่ง ป้าที่ขายเครื่องดื่มเรียกทักผม

    “พ่อหนุ่ม แว่ะซื้อน้ำดื่มก่อนไม เห็นเดินตั้งสามรอบไม่เหนื่อยบ้างหรือไง”

    ผมสังเกตตัวเองพบ ว่าเหงื่อไหลเปียกเสื้อยืดที่สวมทั้งด้านหน้าและด้านหลัง แทบไม่มีที่ว่างตรงไหนที่แห้งเลย ผมเดินเข้าไปซื้อเครื่องดื่มประเภทเกลือแร่ดื่ม  ผมนั่งม้าหินอ่อนใต้ร่มไม้ใหญ่ ก่อนที่จะถามความรู้สีกของตัวเอง

    ‘ผมชอบแอนหรือเปล่า’

    ‘ชอบ’

    ‘ทำไมถึงชอบ’

    ‘ไม่มีเหตุผลทางสมอง แต่มีเหตุผลของหัวใจว่าคนนี้แหล่ะใช่คนที่เราตามหาทั้งชีวิต’

    ‘แล้วตอนนี้จะทำยังไง’

    ‘ทำทุกอย่างให้เธอชอบเรา เหมือนที่เราชอบเธอ’

    การตัดสินใจของผมครั้งนี้ ทำให้ความรู้สึกทีหนักที่ค้างอยู่ในใจ และหัวสมองเบาลง

    ก่อนที่จะเริ่มงานช่วงเช้านั้น ผมเปิดคอมพิวเตอร์ และเปิด MSNไปหากั้งทันที

    >กั้ง นายพอมีเวลาว่างหรือเปล่า เรามีเรื่องอยากจะคุยด้วย

    >ไม่ว่าง กำลังกลุ้มใจอยู่

    >เรื่องอะไร เราพอช่วยได้ไหม

    >ดีเลย นายช่วยเลือกประโยคเหล่านี้หน่อย ว่าประโยคไหนควรส่งเอสเอ็มเอสให้แก้ว

    >เรื่องแค่นี้เองหรือ

    >ใช่ซิ เพราะตอนนี้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับแก้วสำคัญที่สุด

    >สาธุ ว่าแต่ประโยคเด็ดอะไรบ้างละ

    >หนึ่ง – แก้วครับว่างไหมครับ ผมขอรบกวนถามทางหน่อยได้ไหมครับ…ไปไหนหรือครับ….ทางไปในหัวใจแก้ว

    สอง – แก้วครับวันนี้รู้สึกเหนื่อยอยู่หรือเปล่าครับ…ก็วันนี้คุณเล่นมาเดินในหัวใจผมทั้งวันเลย

    สาม – แก้วครับผมมีเรื่องอยากถาม…ว่าตอนที่แก้วตกลงมาจากสวรรค์เจ็บหรือเปล่าครับ

    >เดี๋ยวก่อนกั้ง ก่อนที่นายจะพิมพ์ประโยคต่อไป เราขอเหาะไปเฝ้าพระอินทร์ก่อนนะ  เต็งเร็งเต็งเต็ง….

    >ไอ้บ้า ไม่ใช่ลิเกนะ ประโยคออกจะน่ารัก

    >อืม…หวานจนเลี่ยนเลยซิ ไม่ว่า ดูซิตาเรามดขึ้นแล้ว

    >ช่างเถอะ คนไม่มีความรักในหัวใจก็ยังนี้แหล่ะ ว่าแต่นายเถอะชู มีเรื่องอะไรจะคุย เล่นส่งเอ็มมาแต่เช้าเลย

    >เออ…..นายจำพี่แอนของแก้วได้ไหม

    >จำได้ ทำไมหรือ อย่าบอกนะว่านายจะจีบ

    >ถ้าใช่ นายจะช่วยเราหรือเปล่าละ

    >แน่นอน จะให้ช่วยยังไง

    >ถ้างั้น นายช่วยขอเบอร์โทรศัพท์ พร้อมกับรายละเอียดเกี่ยวกับตัวเธอจากแก้วให้มากเท่าที่นายทำได้

    >จะลองดู ว่าแต่นายเอาจริงเหรอ

    >กั้ง ตั้งแต่คบกันมา เราเคยขอสิ่งเหล่านี้จากผู้หญิงคนอื่นหรือเปล่า ถ้าฉันไม่รู้สึกพิเศษกับแอนแล้ว เราคงไม่ทำอะไรแบบนี้หรอก

    >ถามแค่นี้ ไม่เห็นต้องโกรธเลยนี่น่า

    >ไม่ได้โกรธ แต่จะบอกสิ่งที่เราเป็นตอนนี้ต่างหาก

    >คร้าบ…. ผมเข้าใจแล้วครับ

    >ถ้างั้นแค่นี้ ก่อนนะ เราจะทำงานละ

    >ใช้เสร็จ ถีบหัวส่งเลยนะ

    >ไม่ได้ใช้ แต่ขอร้อง ถ้าเป็นไปได้ เราอยากได้สักตอนเที่ยงที่จะถึงนี้

    >เดี๋ยวก่อนครับเจ้านาย นี้ก็ล่อไป สิบเอ็ดโมงครึ่งแล้วนะครับ คิดว่างานเจ้านายง่าย แค่กดแป้นคอมแล้วข้อมูลจะออกมาหรือไง

    >ก็รู้น่าว่า นายมีความสา..มา..รถ ทำให้ได้

    >ตื่นๆ นี้เที่ยงแล้ว งานแบบนี้ ต้องใช้เวลาและฝีมือ ไม่ใช่กระพริบตาสองทีเสร็จ

    >ถ้าอย่างนั้นก็รีบไสหัวไปจัดการซะ

    >คร้าบ…..เจ้านาย

    เกือบบ่ายสามกั้งโทรมาบอกว่าได้ข้อมูลที่ผมต้องการแล้ว และนัดไปเจอที่กึ่งร้านอาหาร กึ่งผับแถวทองหล่อ ช่วงหัวค่ำ เนื่องจากกั้งไปพบลูกค้าแถวนั้นในช่วงเย็นพอดี ผมไปถึงกั้ง  และเลือกโต๊ะที่ไกลเวทีหน่อย ถึงแม้ร้านนี้จะเล่นแต่ดนตรีแจ๊สเบาๆก็ตาม แต่ผมก็ยังต้องการความส่วนตัวพอสมควร

    ผมสั่งกามิกาเซสเหยือกหนึ่งมาดื่มฆ่าเวลารอกั้ง หมดไปเหยือกแรกกั้งก็ยังไม่มา ก็สั่งอีกเหยือกหนึ่งตามเพียงแต่เปลี่ยนสีของกามิกาเซสเท่านั้นเอง จากเหยือกแรกสีฟ้าอ่อนของท้องฟ้า เป็นสีเขียวใบไม้ ก่อนที่จะสั่งเหยือกที่สามซึ่งเป็นสีแดงอมชมพู พอหมดเหยือกที่สาม  ผมก็ตัดสินใจจะโทรไปยกเลิกนัดกับก้อง แล้วเดินทางกลับบ้าน เนื่องจากตึงจากเครื่องดื่ม แล้ว ถ้าดื่มมากกว่านี้ผมคงได้คลานกลับบ้านมากกว่าเดินกลับบ้านแน่

    ขณะที่ผมเรียกบริกรเพื่อเก็บเงิน เสียงแซ็กโซโฟนก็ดังขึ้นซึ่งเป็นเพลงดียวที่ผมได้ยินแอนเป่าที่สวนสาธารณะ และเมื่อมองขึ้นไปบนเวที คนที่เล่นแซ็กโซโฟนคือแอน คนที่ผมต้องการพบด้วย ผมรู้สึกกามิกาเซสอ่อนฤทธิ์ไปในพริบตาก่อนที่นะได้ยินเสียงจากบริกรว่า

    “ไม่ทราบมีอะไร ให้ผมรับใช้ครับท่าน”

    “เออ…น้องครับด้วยหาที่นั่งหน้าเวทีให้พี่หน่อยได้ไหมครับ บังเอิญพี่ชอบฝีมือคนเป่าแซ็กโซโฟนคนนี้”

    “ครับ มีคนติดใจฝีมือเธอหลายคนเหมือนกันครับ แต่ด้านหน้าคงหาได้ยากเพราะเต็มหมดแล้ว”

    “น้องรู้ไหม ว่าเธอมาเล่นวันไหนบ้าง”

    “เอาแน่ไม่ได้หรอกครับ เพราะก่อนเธอจะมา เธอจะโทรมาบอกล่วงหน้า แล้วผู้จัดการก็จัดคิวให้เธอ
    ตามที่เธอขอ”

    “แล้วทำไมไม่ให้เธอทำประจำละ ท่าลูกค้าจะติดใจฝีมือเธอเยอะเหมือนกัน”

    “ถ้าทำได้ คงทำไปแล้ว แต่นี้ต้องยกเว้นเธอเพราะกลัวเธอไม่กลับมาเล่นที่ร้าน”

    “แล้วจะรู้ได้ไง ว่าวันไหนเธอจะมาเล่นให้ฟัง”

    “วันที่ไฟหน้าร้านเปลี่ยนเป็นสีชมพูครับ คือโดยปกติไฟหน้าร้านจะเป็นสีม่วง แต่ถ้าวันไหนมีนักดนตรีแจ๊สระดับยอดฝีมือมาเล่น ไฟก็จะเปลี่ยนไปตามสีประจำตัวคนคนนั้น เช่นของเธอจะเป็นสีชมพู ในขณะอีกคนจะเป็นสีขาว แต่ถ้าไม่มีใครมาเล่นเป็นพิเศษก็จะเป็นสีม่วงตามปกติละครับ”

    “อ๋อ….เธอดูน่ารักและมากความสามารถดีนะ คงมีแฟนแล้วละซิ”

    “ยังหรอกครับ เพราะเธอเคยบอกว่า เห็นความเลวของผู้ชายมาเยอะ จนไม่คิดจะมีแฟนนะครับ”

    “ท่าจะสนิทกันนะ”

    “ครับ พี่แอนเป็นเพื่อนของพี่สาวผม และช่วยฝากงานที่ร้านนี้ให้ผมด้วย”

    ใจจริงผมอยากจะถามน้องเขา เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวเธอมากกว่านี้ แต่ก็กลัวว่าจะที่สงสัยของเขา แค่นี้ผมก็ดีใจแล้วเพราะอย่างน้อยผมก็รู้อีกวิธีที่จะสามารถพบเธอ   ผมยัดเงินให้น้องคนนั้นหนึ่งร้อยบาท เป็นทิปก่อนจะกล่าวคำว่าขอบใจ และสั่งกามิสกาเซสอีกเหยือก   ผมไม่รู้ว่าเข้าข้างตัวเองหรือเปล่า เมื่อผมเห็นเธอจ้องมองมาที่โต๊ะของผม แต่ก่อนที่เธอจะสะบัดหน้าหันไปทางอื่น ตลอดการเล่นแซ็กโซโฟน และการร้องเพลงแจ๊สนั้น ผมจ้องเธอไม่กระพริบและหวังว่าเธอจะหันมาสบตาบ้าง ระหว่างนั้นกั้งมานั่งเก้าอี้ด้านข้างผมเมื่อไรไม่รู้ ผมรู้ตัวเมื่อเธอเล่นจบและกำลังจากเวที พอหันไปเห็นกั้ง ผมก็ยิ้มก่อนควักธนบัตรใบละพันวางที่โต๊ะ

    “ช่วยเคลียร์ให้ที กันจะไปตามหาหัวใจก่อนนะ”

    ผมรีบเดินออกหน้าร้านไปหลังร้านทันที โดยไม่ทันเห็นท่าทางอมยิ้มของกั้ง อาจเป็นโลกกลม โซ่แดง พรหมลิขิต หรืออะไรก็ตาม ทำให้ผมมายืนอยู่ตรงหน้าเธออีกครั้ง

    “สวัสดีครับ คุณแอน”

    “สวัสดีค่ะ ดูท่าทางแล้ว คุณคงจะเมาซินะ”

    “ก็นิดหน่อยครับ ในสายตาคุณตอนนี้ คุณคงคิดว่าผมดูแย่มากใช่ไหม”

    “ไม่มีคนเมาคนไหนดูดีหรอกค่ะ แต่ฉันว่าคุณก็ยังดูดีกว่าหลายคนที่ฉันพบ”

    “คุณแอนคงโกรธผมเรื่องที่ผมดื่มกาแฟใส่เกลือละซินะ แต่ความจริงแล้วผมอยากบอกว่านั้นเป็นความจริง……”

    และผมพูดทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนั้น โดยเริ่มจากการที่ผมเห็นเธอเข้าร้านกาแฟ  การวิ่งตากฝนเพื่อตามเธอเข้าไปในร้าน รวมทั้งการหยิบโถผิดจนเกินเลยไปถึงการเล่าเรื่องในอินเตอร์เน็ต และเมื่อพูดจบผมรู้สึกโล่งใจยังไงไม่รู้

    “คุณชู ฉันไม่เข้าใจว่าคุณมาเล่าเรื่องพวกนี้ให้ฉันฟังทำไม  แต่ฉันก็ยอมรับความกล้าของคุณที่บอกเรื่องเหล่านี้ให้ฉันฟัง”

    “เพราะผมอยากรู้จักคุณมากกว่าแค่คนรู้จัก เป็น.......เพื่อนกัน”

    “คนขี้ขลาด”

    ผมไม่เข้าใจความหมายของคำพูดเธอที่พูดกับผม แต่ก่อนที่ผมจะถามอะไรเธอต่อ เธอก็หันหลังและได้เดินจากผมไปแล้ว


    แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 48 15:19:16

    แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 48 15:11:20

    จากคุณ : an_an_ant - [ 20 ส.ค. 48 15:04:21 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป