สายฝนพรายพร่ำกระทบหน้าต่างห้องเป็นจุดเล็กๆแตะแต้ม สะท้อนแสงเงาสลัวภายในเป็นประกายระยิบระยับ ร่างบางที่นอนซีดขาวอยู่บนเตียงค่อยขยับตัวเบาๆด้วยความเมื่อยขบ พลิกตะแคงแล้วต้องนิ่วหน้าเมื่อเจ็บแปลบที่หน้าอกด้านซ้าย
คนบนเตียงถอนใจเบาๆ กัดริมฝีปากแน่นด้วยความขัดใจ
บาดแผลภายนอกใช้เวลาเยียวยาไม่นานก็คงหาย แต่บาดแผลที่หัวใจนี่สิ...อีกกี่วันจึงจะหาย...
ดวงตากลมโตที่เคยเป็นประกายกลับหม่นแสงลง เมื่อนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา
...
....
เราเลิกกันเถอะ
ร่างสันทัดของชายหนุ่มเจ้าของคำพูดนั้น ยืนนิ่งอยู่เบื้องหน้าเธอ ไม่นำพากับละอองฝนที่โปรยปรายลงมากระทบร่าง ดวงตาเรียวที่เคยมองเธอด้วยความรัก ยามนี้มีแต่ความเฉยเมยละม้ายคนแปลกหน้า น้ำเสียงนั้นเล่า ก็สงบเรียบราวกับคนพูดกล่าวออกมาง่ายๆโดยปราศจากความรู้สึกใดๆ
หารู้ไม่ว่าประโยคสั้นๆนั้น ทำเอาคนฟังเช่นเธอรู้สึกราวกับสายฟ้าฟาดเปรี้ยงตรงกลางหัวใจ ทั่วร่างชาดิก...คล้ายหัวใจสะดุดจะหยุดเต้นลงทันที
พี่เอ! น้ำเสียงที่เธอเรียกเขาเต็มไปด้วยความสะเทือนใจแทบไม่พ้นริมฝีปาก เบาราวเสียงกระซิบ รู้สึกว่าเนื้อตัวเย็นเฉียบ น้ำตาเอ่อท้นขึ้นมาคลอหน่วยตาอย่างไม่รู้ตัว
แม้จะพอรู้ตัวและทำใจมาบ้างแล้วว่า...วันหนึ่งเธอกับเขาจะต้องมาถึงจุดนี้...
ทว่า...ยามที่ได้ยินประโยคนั้นออกจากปากแฟนหนุ่มที่คบกันมานานเกือบห้าปีจริงๆ ลลิตากลับปรับใจตัวเองไม่ทัน...
มันกะทันหัน...รวดเร็ว...จนตั้งตัวไม่ติด
อาการเจ็บหน้าอกซึ่งเคยหายไปนานเมือนจะปวดแปลบขึ้นมาอีกครั้ง
มันหนัก...หน่วง...บีบคั้น... ทำเอาเธออึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก
คำพูดต่างๆมากมายที่เคยคิด...เคยอยากจะเอ่ยปากกับเขา....กลับค้างคาไว้ กล่าวออกมาได้เพียงคำสั้นๆว่า
ทำไมคะ
ชายหนุ่มตรงหน้าสบตาเธออย่างเฉยเมย...ไม่รู้สึกรู้สา....เหมือนไม่แคร์กับความเจ็บปวดของเธอเลย...
พร้อมกับที่เอมอร....หญิงสาวร่างระหง... คนที่เคยมีผู้หวังดีโทรศัพท์มาเล่าพฤติกรรม...คนที่เธอพยายามไม่ใส่ใจด้วยมั่นใจในความรักของตัวเอง...เปิดประตูออกจากรถที่จอดอยู่ไม่ไกล ตรงเข้ามาควงแขน ส่งยิ้มหวานกับอรรณพต่อหน้าต่อตาเธอ
เจ้าหล่อนปรายตามองเธออย่างเหยียดๆ ก่อนจะหันไปฉอเลาะกับชายหนุ่มข้างกาย
ยังคุยกันไม่เสร็จอีกหรือคะเอ จะห้าโมงแล้วนะ เดี๋ยวไปดูหนังไม่ทันหรอก เรารีบไปกันดีกว่าค่ะ ว่าแล้วเจ้าหล่อนก็ฉุดแขนชายหนุ่มไปทันที ก่อนจะหยุดหันกลับมาบอกเธอด้วยน้ำเสียงเยาะๆทิ้งท้ายว่า
หวังว่าต่อไปเธอคงไม่มายุ่งกับเออีกนะ
...
....
ไม่เพียงแต่ประโยคดังกล่าวจะตอกย้ำเตือนใจเธอ... ภาพชายหนุ่มและหญิงสาวที่ควงแขนกันเดินออกไปจากชีวิตของเธอยังตราตรึงอยู่ในหัวใจเธอจนทุกวันนี้
ยังไม่นอนอีกหรือลูก น้ำเสียงห่วงใยของมารดาดังขึ้น ปลุกความคิดที่ล่องลอยไปไกลของเธอให้กลับมาอยู่กับเหตุการณ์ตรงหน้าอีกครั้ง
แววตาเลื่อนลอยที่มองลอดหน้าต่างที่ยังมีสายฝนโปรยปรายค่อยมีประกายรับรู้... เบนสายตากลับมายังร่างท้วมของสตรีกลางคนที่เดินเข้ามาใกล้พร้อมกับยกมือนุ่มๆลูบศีรษะเธออย่างอ่อนโยน
หญิงสาวฝืนยิ้มกับมารดาที่นั่งลงตรงเก้าอี้ข้างเตียง แววตาอาทรของอีกฝ่ายทำให้น้ำตาที่แห้งเหือดไปย้อนกลับขึ้นมาคลอตาอีกครั้ง
คิดถึงเรื่องนั้นอีกแล้วสิ ผู้เป็นแม่ถอนใจยาว ประสานสายตากับเธออย่างเห็นใจ
เรื่องมันผ่านไปแล้ว ลูกอย่าคิดมากเลย ตอนนี้ต้องพยายามทำใจให้สบาย พักผ่อนมากๆ จะได้หายป่วยไวๆ แล้วทีนี้ลูกจะได้กลับไปทำงานซะที เพื่อนๆที่ทำงานทุกคนกำลังรอลูกกลับไปอยู่นะจ๊ะ
ไม่รู้สิคะ ตาคิดว่ามันจะดีขึ้นหลังจาก... คนพูดเงียบเสียงไป ยกมือเรียวบางที่ยังซีดขาวแตะที่กลางหน้าอกตัวเองเบาๆ ถอนใจยาว สบตามารดาด้วยความหม่นหมอง
ตาก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกันค่ะว่าเป็นยังไง รู้แต่ว่าตาอดคิดถึงพี่เอไม่ได้จริงๆ ทั้งๆที่เหตุการณ์นั้นก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว...แต่มันยังเจ็บ...เจ็บมากเลยค่ะแม่
พูดแล้วน้ำตาที่คลอก็ไหลลงอาบแก้มเนียนทั้งสองข้างจนคนเป็นแม่แทบจะหลั่งน้ำตาตามด้วยความสงสาร
ลูกจะเสียน้ำตาให้กับผู้ชายที่ทิ้งลูกไปอีกทำไม เราเคยคุยเรื่องนี้กันแล้วนี่นา ลูกจะต้องเข้มแข็ง อดีตที่ผ่านไปแล้วให้มันผ่านไป ลูกต้องมีชีวิตอยู่เพื่อวันพรุ่งนี้
คราวนี้คนพูดลุกขึ้นมานั่งข้างเตียงแทน ใช้ปลายนิ้วกรีดเช็ดน้ำตาจากดวงตาบวมช้ำ ลูบศีรษะคนบนเตียงอย่างอ่อนโยน
ลลิตาเอียงแก้มแนบมือมารดา ฝืนยิ้ม กลั้นสะอื้น พูดด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่นแต่ย้ำอย่างหนักแน่นว่า
ตาทราบค่ะ...ต่อไปตาจะไม่เสียน้ำตาให้คนพรรค์นั้นอีกแล้ว ครั้งนี้ขอเป็นครั้งสุดท้ายค่ะแม่
~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~
จากสายฝนพรำเมื่อวันวานกลับกลายเป็นเทกระหน่ำลงมาไม่ยั้ง ทั้งสายฟ้าแลบแวบวาบราวกับแสงแฟลชสลับกับเสียงฟ้าร้องครืนเป็นระยะๆ เมฆหนาทึบสีเทาเข้มปกคลุมไปทั่วแผ่นฟ้า มองไม่เห็นแสงตะวัน ยังผลให้ท้องฟ้าภายนอกมืดครึ้มราวกับหัวค่ำ มากกว่าจะเป็นเวลาสายของวันใหม่
เสียงสายฟ้าฟาดเปรี้ยงกลบเสียงเคาะประตูห้องของเธอ....
กลิ่นหอมของดอกกุหลาบที่โชยเข้ามา ทำให้ลลิตาละสายตาจากบรรยากาศสลัวภายนอก หันมายังร่างบางระหงที่หอบกุหลาบสีขาวช่อใหญ่ตรงเข้ามา
เจ้าตัวยืนช่อดอกไม้นั้นให้ง่ายๆ ถอนใจเบาๆก่อนจะพยายามส่งยิ้มให้เธอ จนคนรับหัวใจกระตุก ประสานสายตากับอีกฝ่ายอย่างไม่แน่ใจว่าคนตรงหน้าจะมาไม้ไหน...
จะไม่ให้เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร... ในเมื่อหญิงสาวตรงหน้าคือศัตรูหัวใจของเธอ...เป็นคนที่แย่งชายหนุ่มที่เธอรักไป...
แต่วันนี้เจ้าตัวกลับมายิ้มให้เธอเสมือนไม่เคยมีเรื่องราวกินแหนงใดๆมาก่อน...
เอมอรมองปฏิกิริยาคนบนเตียงแล้วถอนใจยาวอีกครั้ง ดวงตาฉายแววเศร้าสลดขึ้นมาวูบหนึ่งโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันสังเกต ก่อนเจ้าตัวจะเอ่ยปากกับเจ้าของห้องว่า
ฉันมาเยี่ยมคุณแทนเอค่ะ... น้ำเสียงคนพูดขาดห้วงไปราวกับสะเทือนใจเมื่อคิดถึงเรื่องอะไรบางอย่าง ก่อนจะรีบพูดต่ออย่างรวดเร็ว
พอดีช่วงนี้บริษัทส่งเขาไปดูงานที่ต่างประเทศ แต่เขาเป็นห่วงคุณมากนะคะ โทรทางไกลสั่งให้ฉันมาเยี่ยมคุณ
เรื่องของเรามันจบลงแล้ว พี่เอไม่น่ารบกวนคุณเลย ลลิตาตอบกลับไปเบาๆ หัวใจที่ทรวงอกข้างซ้ายอึดอัดแน่นขึ้นมาวูบหนึ่งกับคำตอบนั้น
ไหนว่าตัดใจจากเขาได้แล้วไง...
ทำไมเธอยังเจ็บแปลบยามได้ยินชื่อเขาคนนั้นอีก...โดยเฉพาะได้ยินจากปากศัตรูหัวใจของเธอ...
หรือว่าความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขาไม่เคยเปลี่ยน...เธอยังคงรักเขา...รัก...แม้ว่าเขาจะทิ้งเธอไปก็ตาม
เอมอรมองใบหน้าเศร้าหมองปราศจากสีเลือดของคนบนเตียงอย่างชั่งใจ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่มีอยู่กำลังต่อสู้กันอย่างหนัก เสียงฝนตกหนักจากภายนอก ดังกระหน่ำเข้ามาถึงจิตใจเธอ
เจ้าตัวถอนใจยาว ตัดใจเปิดกระเป๋าถือสีดำ หยิบซองจดหมายสีขาวเรียบๆจ่าหน้าซองถึงตัวเองยื่นให้คนบนเตียงที่รับไปอย่างลังเล
ความจริงฉันรับปากเอไว้ว่าจะไม่ให้คุณอ่าน และฉันก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่ฉันกำลังทำอยู่นี่ผิดหรือถูก แต่ฉันคิดว่าฉันได้ทำสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อคนที่ฉันรักแล้ว
พูดจบแขกสาวก็หันหลังกลับออกไปทันที ทิ้งลลิตาไว้ลำพัง มีเพียงเสียงฝนกระทบหน้าต่างดังเป็นเพื่อน
~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~
ด้านนอกฝนซาลงแล้ว เหลือเพียงละอองบางเบาที่แทบจะไม่ทำให้ใครเปียก ปุยเมฆสีเทาเคลื่อนคล้อยหายไป ให้ดวงตะวันสีทองโผล่ออกมาฉายแสง หยาดน้ำที่ค้างบนใบไม้เป็นเม็ดแวววาวกลิ้งไปมาตามสายลมที่พัดผ่าน ส่งกลิ่นดินหอมสดชื่นระเหยลอยขึ้นมาถึงในห้อง
ทว่า...คนบนเตียงกลับไม่รู้สึกรู้สมกับความสดชื่นนั้น
ร่างบางนั่งแน่นิ่งพิงหมอนใบใหญ่ มือสองข้างประคองจดหมายที่เธอเพิ่งอ่านจบไว้แนบอก ดวงตาที่เคยหม่นแสงนั้นบวมช้ำ แววตาที่เคยแฝงความเศร้าหมองกลับเต็มไปด้วยความปวดร้าวอย่างแสนสาหัส
เพราะเหตุนี้หรือที่ทำให้เขาต้องขอเลิกกับเธอ...
เพราะเหตุนี้เองหรือที่ทำให้เขาต้องหันไปหาผู้หญิงคนนั้น...
น้ำตาที่แห้งเหือดไปแล้วรินไหลลงมาอาบสองข้างแก้มอีกครั้ง มือสองข้างกำจดหมายฉบับสุดท้ายที่ชายหนุ่มมีโอกาสได้เขียนแน่น
ทำไมเขาจึงไม่บอกเธอว่าเขาเป็นมะเร็งในสมอง....
ทำไมเขาจึงยอมทนทรมานแต่เพียงลำพัง...
ทำให้ทั้งเธอและเขาต้องเจ็บปวดกันทั้งสองฝ่าย....
หญิงสาวสะอื้น ปล่อยน้ำตาให้ไหลไปเรื่อยๆ
ทั้งๆที่ตลอดมาเขาคอยดูแลเธอซึ่งเป็นโรคหัวใจอย่างใกล้ชิด... เอาใจใส่เธอไม่ยอมห่าง... กลัวแทนเธอสารพัด...
แต่ครั้นตัวเขาเองเจ็บป่วย....
เขากลับปิดบังเธอ ทำเป็นทอดทิ้งเธอ...
ไม่ต้องการให้เธอเสียใจไปกับเขาด้วย จนเขาต้องจากไปอย่างเดียวดาย...
แค่คิดความปวดร้าวบีบคั้นหัวใจก็รุมเร้าเข้ามาอีกระรอก...จนเจ้าก้อนเนื้อน้อยๆนั้นแทบรับไม่ไหว
ทำไม... ทำไมพี่เอต้องทำอย่างนี้....ลลิตาถามตัวเองอย่างไม่เข้าใจ
แล้วคำตอบสั้นๆก็ผุดขึ้นมาในสมอง....
ใช่! เพราะเขารักเธอ....
เพราะเขารักเธอมากนั่นเอง...จึงยอมทำร้ายความรู้สึกให้เธอเจ็บปวด ให้เธอเสียใจกับการจากไปของเขา....มากกว่าจะต้องมาเศร้าโศกปวดร้าวกับการตาย....
หัวใจที่เต้นอยู่ในอกของเธอปวดร้าวขึ้นมาอีกครั้ง ราวกับมันรับรู้ความเสียใจ...เศร้าใจ...ที่กำลังกัดกร่อนอารมณ์ของเธอถึงที่สุด
ลลิตากดมือลงบนหน้าอกตัวเอง กดผ่านผ้าก๊อซผืนหน้าที่ปิดทับแผลผ่าตัดยาวตั้งแต่ร่องระหว่างกระดูกไหปลาร้าทั้งสองข้างลงมาถึงลิ้นปี่ ราวกับจะให้ความเจ็บปวดแก่แผลทิ่เพิ่งสมานนั้นช่วยบรรเทาความปวดร้าวในจิตใจของตนลง
เธอเคยคิดว่าจะเริ่มต้นใหม่กับหัวใจดวงใหม่ .... หัวใจที่มีผู้เสียสละให้เธอได้ดำรงชีวิตสืบต่อไป โดยตัดใจจากชายหนุ่มที่ทำให้เธอเจ็บปวดเสีย
แต่แล้ว...
น้ำตายังคงท่วมท้นออกจากดวงตาทั้งสองข้าง ไหลออกมาแสดงความเสียใจกับเรื่องราวต่างๆที่เธอเข้าใจผิด ไหลออกมาให้ท่วมท้นหัวใจรักของเขาที่มีต่อเธอ...
ที่รัก...
โปรดรับรู้ไว้เถิดว่า...
ไม่ว่าจะผ่านไปนานสักเพียงใด
ไม่ว่าจะเจอกับใครอีกเท่าไร...
ตาจะคงรักพี่เอไม่เปลี่ยนแปลง
ความรู้สึกจะไม่มีวันเปลี่ยนไป...
แม้ว่าหัวใจจะเปลี่ยนไปแล้ว...
เปลี่ยนเป็นหัวใจของพี่เอ...
หัวใจรักที่เสียสละเพื่อตา
หัวใจรักที่ตาจะทะนุถนอมมันไว้ตราบสิ้นกาลนาน....
~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~
จบ
แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 48 23:29:12
แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 48 23:26:09
แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 48 22:25:17
แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 48 22:22:14
จากคุณ :
ณัฐมน
- [
20 ส.ค. 48 22:14:13
]