CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    ~ * ~ * ~ * ~ ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปกับหัวใจที่เปลี่ยนแปลง ~ * ~ * ~ * ~

    สายฝนพรายพร่ำกระทบหน้าต่างห้องเป็นจุดเล็กๆแตะแต้ม สะท้อนแสงเงาสลัวภายในเป็นประกายระยิบระยับ ร่างบางที่นอนซีดขาวอยู่บนเตียงค่อยขยับตัวเบาๆด้วยความเมื่อยขบ พลิกตะแคงแล้วต้องนิ่วหน้าเมื่อเจ็บแปลบที่หน้าอกด้านซ้าย


    คนบนเตียงถอนใจเบาๆ กัดริมฝีปากแน่นด้วยความขัดใจ


    บาดแผลภายนอกใช้เวลาเยียวยาไม่นานก็คงหาย แต่บาดแผลที่หัวใจนี่สิ...อีกกี่วันจึงจะหาย...


    ดวงตากลมโตที่เคยเป็นประกายกลับหม่นแสงลง เมื่อนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา


    ...

    ....


    “เราเลิกกันเถอะ”


    ร่างสันทัดของชายหนุ่มเจ้าของคำพูดนั้น ยืนนิ่งอยู่เบื้องหน้าเธอ ไม่นำพากับละอองฝนที่โปรยปรายลงมากระทบร่าง  ดวงตาเรียวที่เคยมองเธอด้วยความรัก ยามนี้มีแต่ความเฉยเมยละม้ายคนแปลกหน้า น้ำเสียงนั้นเล่า ก็สงบเรียบราวกับคนพูดกล่าวออกมาง่ายๆโดยปราศจากความรู้สึกใดๆ


    หารู้ไม่ว่าประโยคสั้นๆนั้น ทำเอาคนฟังเช่นเธอรู้สึกราวกับสายฟ้าฟาดเปรี้ยงตรงกลางหัวใจ  ทั่วร่างชาดิก...คล้ายหัวใจสะดุดจะหยุดเต้นลงทันที


    “พี่เอ!” น้ำเสียงที่เธอเรียกเขาเต็มไปด้วยความสะเทือนใจแทบไม่พ้นริมฝีปาก เบาราวเสียงกระซิบ รู้สึกว่าเนื้อตัวเย็นเฉียบ น้ำตาเอ่อท้นขึ้นมาคลอหน่วยตาอย่างไม่รู้ตัว


    แม้จะพอรู้ตัวและทำใจมาบ้างแล้วว่า...วันหนึ่งเธอกับเขาจะต้องมาถึงจุดนี้...


    ทว่า...ยามที่ได้ยินประโยคนั้นออกจากปากแฟนหนุ่มที่คบกันมานานเกือบห้าปีจริงๆ ลลิตากลับปรับใจตัวเองไม่ทัน...


    มันกะทันหัน...รวดเร็ว...จนตั้งตัวไม่ติด


    อาการเจ็บหน้าอกซึ่งเคยหายไปนานเมือนจะปวดแปลบขึ้นมาอีกครั้ง


    มันหนัก...หน่วง...บีบคั้น... ทำเอาเธออึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก


    คำพูดต่างๆมากมายที่เคยคิด...เคยอยากจะเอ่ยปากกับเขา....กลับค้างคาไว้ กล่าวออกมาได้เพียงคำสั้นๆว่า


    “ทำไมคะ”


    ชายหนุ่มตรงหน้าสบตาเธออย่างเฉยเมย...ไม่รู้สึกรู้สา....เหมือนไม่แคร์กับความเจ็บปวดของเธอเลย...


    พร้อมกับที่เอมอร....หญิงสาวร่างระหง... คนที่เคยมีผู้หวังดีโทรศัพท์มาเล่าพฤติกรรม...คนที่เธอพยายามไม่ใส่ใจด้วยมั่นใจในความรักของตัวเอง...เปิดประตูออกจากรถที่จอดอยู่ไม่ไกล ตรงเข้ามาควงแขน ส่งยิ้มหวานกับอรรณพต่อหน้าต่อตาเธอ


    เจ้าหล่อนปรายตามองเธออย่างเหยียดๆ ก่อนจะหันไปฉอเลาะกับชายหนุ่มข้างกาย


    “ยังคุยกันไม่เสร็จอีกหรือคะเอ จะห้าโมงแล้วนะ เดี๋ยวไปดูหนังไม่ทันหรอก เรารีบไปกันดีกว่าค่ะ” ว่าแล้วเจ้าหล่อนก็ฉุดแขนชายหนุ่มไปทันที ก่อนจะหยุดหันกลับมาบอกเธอด้วยน้ำเสียงเยาะๆทิ้งท้ายว่า


    “หวังว่าต่อไปเธอคงไม่มายุ่งกับเออีกนะ”


    ...

    ....


    ไม่เพียงแต่ประโยคดังกล่าวจะตอกย้ำเตือนใจเธอ... ภาพชายหนุ่มและหญิงสาวที่ควงแขนกันเดินออกไปจากชีวิตของเธอยังตราตรึงอยู่ในหัวใจเธอจนทุกวันนี้


    “ยังไม่นอนอีกหรือลูก” น้ำเสียงห่วงใยของมารดาดังขึ้น ปลุกความคิดที่ล่องลอยไปไกลของเธอให้กลับมาอยู่กับเหตุการณ์ตรงหน้าอีกครั้ง


    แววตาเลื่อนลอยที่มองลอดหน้าต่างที่ยังมีสายฝนโปรยปรายค่อยมีประกายรับรู้... เบนสายตากลับมายังร่างท้วมของสตรีกลางคนที่เดินเข้ามาใกล้พร้อมกับยกมือนุ่มๆลูบศีรษะเธออย่างอ่อนโยน


    หญิงสาวฝืนยิ้มกับมารดาที่นั่งลงตรงเก้าอี้ข้างเตียง แววตาอาทรของอีกฝ่ายทำให้น้ำตาที่แห้งเหือดไปย้อนกลับขึ้นมาคลอตาอีกครั้ง


    “คิดถึงเรื่องนั้นอีกแล้วสิ” ผู้เป็นแม่ถอนใจยาว ประสานสายตากับเธออย่างเห็นใจ


    “เรื่องมันผ่านไปแล้ว ลูกอย่าคิดมากเลย ตอนนี้ต้องพยายามทำใจให้สบาย พักผ่อนมากๆ จะได้หายป่วยไวๆ แล้วทีนี้ลูกจะได้กลับไปทำงานซะที เพื่อนๆที่ทำงานทุกคนกำลังรอลูกกลับไปอยู่นะจ๊ะ”


    “ไม่รู้สิคะ ตาคิดว่ามันจะดีขึ้นหลังจาก...” คนพูดเงียบเสียงไป ยกมือเรียวบางที่ยังซีดขาวแตะที่กลางหน้าอกตัวเองเบาๆ ถอนใจยาว สบตามารดาด้วยความหม่นหมอง


    “ตาก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกันค่ะว่าเป็นยังไง รู้แต่ว่าตาอดคิดถึงพี่เอไม่ได้จริงๆ ทั้งๆที่เหตุการณ์นั้นก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว...แต่มันยังเจ็บ...เจ็บมากเลยค่ะแม่…” พูดแล้วน้ำตาที่คลอก็ไหลลงอาบแก้มเนียนทั้งสองข้างจนคนเป็นแม่แทบจะหลั่งน้ำตาตามด้วยความสงสาร


    “ลูกจะเสียน้ำตาให้กับผู้ชายที่ทิ้งลูกไปอีกทำไม เราเคยคุยเรื่องนี้กันแล้วนี่นา ลูกจะต้องเข้มแข็ง อดีตที่ผ่านไปแล้วให้มันผ่านไป  ลูกต้องมีชีวิตอยู่เพื่อวันพรุ่งนี้”


    คราวนี้คนพูดลุกขึ้นมานั่งข้างเตียงแทน ใช้ปลายนิ้วกรีดเช็ดน้ำตาจากดวงตาบวมช้ำ ลูบศีรษะคนบนเตียงอย่างอ่อนโยน


    ลลิตาเอียงแก้มแนบมือมารดา ฝืนยิ้ม กลั้นสะอื้น พูดด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่นแต่ย้ำอย่างหนักแน่นว่า


    “ตาทราบค่ะ...ต่อไปตาจะไม่เสียน้ำตาให้คนพรรค์นั้นอีกแล้ว ครั้งนี้ขอเป็นครั้งสุดท้ายค่ะแม่”



    ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~



    จากสายฝนพรำเมื่อวันวานกลับกลายเป็นเทกระหน่ำลงมาไม่ยั้ง ทั้งสายฟ้าแลบแวบวาบราวกับแสงแฟลชสลับกับเสียงฟ้าร้องครืนเป็นระยะๆ เมฆหนาทึบสีเทาเข้มปกคลุมไปทั่วแผ่นฟ้า มองไม่เห็นแสงตะวัน ยังผลให้ท้องฟ้าภายนอกมืดครึ้มราวกับหัวค่ำ มากกว่าจะเป็นเวลาสายของวันใหม่


    เสียงสายฟ้าฟาดเปรี้ยงกลบเสียงเคาะประตูห้องของเธอ....


    กลิ่นหอมของดอกกุหลาบที่โชยเข้ามา ทำให้ลลิตาละสายตาจากบรรยากาศสลัวภายนอก หันมายังร่างบางระหงที่หอบกุหลาบสีขาวช่อใหญ่ตรงเข้ามา


    เจ้าตัวยืนช่อดอกไม้นั้นให้ง่ายๆ ถอนใจเบาๆก่อนจะพยายามส่งยิ้มให้เธอ จนคนรับหัวใจกระตุก ประสานสายตากับอีกฝ่ายอย่างไม่แน่ใจว่าคนตรงหน้าจะมาไม้ไหน...


    จะไม่ให้เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร... ในเมื่อหญิงสาวตรงหน้าคือศัตรูหัวใจของเธอ...เป็นคนที่แย่งชายหนุ่มที่เธอรักไป...


    แต่วันนี้เจ้าตัวกลับมายิ้มให้เธอเสมือนไม่เคยมีเรื่องราวกินแหนงใดๆมาก่อน...


    เอมอรมองปฏิกิริยาคนบนเตียงแล้วถอนใจยาวอีกครั้ง ดวงตาฉายแววเศร้าสลดขึ้นมาวูบหนึ่งโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันสังเกต ก่อนเจ้าตัวจะเอ่ยปากกับเจ้าของห้องว่า


    “ฉันมาเยี่ยมคุณแทนเอค่ะ...” น้ำเสียงคนพูดขาดห้วงไปราวกับสะเทือนใจเมื่อคิดถึงเรื่องอะไรบางอย่าง ก่อนจะรีบพูดต่ออย่างรวดเร็ว


    “พอดีช่วงนี้บริษัทส่งเขาไปดูงานที่ต่างประเทศ แต่เขาเป็นห่วงคุณมากนะคะ โทรทางไกลสั่งให้ฉันมาเยี่ยมคุณ”


    “เรื่องของเรามันจบลงแล้ว พี่เอไม่น่ารบกวนคุณเลย” ลลิตาตอบกลับไปเบาๆ หัวใจที่ทรวงอกข้างซ้ายอึดอัดแน่นขึ้นมาวูบหนึ่งกับคำตอบนั้น


    ไหนว่าตัดใจจากเขาได้แล้วไง...


    ทำไมเธอยังเจ็บแปลบยามได้ยินชื่อเขาคนนั้นอีก...โดยเฉพาะได้ยินจากปากศัตรูหัวใจของเธอ...


    หรือว่าความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขาไม่เคยเปลี่ยน...เธอยังคงรักเขา...รัก...แม้ว่าเขาจะทิ้งเธอไปก็ตาม


    เอมอรมองใบหน้าเศร้าหมองปราศจากสีเลือดของคนบนเตียงอย่างชั่งใจ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่มีอยู่กำลังต่อสู้กันอย่างหนัก เสียงฝนตกหนักจากภายนอก ดังกระหน่ำเข้ามาถึงจิตใจเธอ


    เจ้าตัวถอนใจยาว ตัดใจเปิดกระเป๋าถือสีดำ หยิบซองจดหมายสีขาวเรียบๆจ่าหน้าซองถึงตัวเองยื่นให้คนบนเตียงที่รับไปอย่างลังเล


    “ความจริงฉันรับปากเอไว้ว่าจะไม่ให้คุณอ่าน และฉันก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่ฉันกำลังทำอยู่นี่ผิดหรือถูก แต่ฉันคิดว่าฉันได้ทำสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อคนที่ฉันรักแล้ว”


    พูดจบแขกสาวก็หันหลังกลับออกไปทันที ทิ้งลลิตาไว้ลำพัง มีเพียงเสียงฝนกระทบหน้าต่างดังเป็นเพื่อน



    ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~



    ด้านนอกฝนซาลงแล้ว เหลือเพียงละอองบางเบาที่แทบจะไม่ทำให้ใครเปียก ปุยเมฆสีเทาเคลื่อนคล้อยหายไป ให้ดวงตะวันสีทองโผล่ออกมาฉายแสง หยาดน้ำที่ค้างบนใบไม้เป็นเม็ดแวววาวกลิ้งไปมาตามสายลมที่พัดผ่าน ส่งกลิ่นดินหอมสดชื่นระเหยลอยขึ้นมาถึงในห้อง


    ทว่า...คนบนเตียงกลับไม่รู้สึกรู้สมกับความสดชื่นนั้น


    ร่างบางนั่งแน่นิ่งพิงหมอนใบใหญ่ มือสองข้างประคองจดหมายที่เธอเพิ่งอ่านจบไว้แนบอก ดวงตาที่เคยหม่นแสงนั้นบวมช้ำ แววตาที่เคยแฝงความเศร้าหมองกลับเต็มไปด้วยความปวดร้าวอย่างแสนสาหัส


    เพราะเหตุนี้หรือที่ทำให้เขาต้องขอเลิกกับเธอ...


    เพราะเหตุนี้เองหรือที่ทำให้เขาต้องหันไปหาผู้หญิงคนนั้น...


    น้ำตาที่แห้งเหือดไปแล้วรินไหลลงมาอาบสองข้างแก้มอีกครั้ง มือสองข้างกำจดหมายฉบับสุดท้ายที่ชายหนุ่มมีโอกาสได้เขียนแน่น


    ทำไมเขาจึงไม่บอกเธอว่าเขาเป็นมะเร็งในสมอง....


    ทำไมเขาจึงยอมทนทรมานแต่เพียงลำพัง...


    ทำให้ทั้งเธอและเขาต้องเจ็บปวดกันทั้งสองฝ่าย....


    หญิงสาวสะอื้น ปล่อยน้ำตาให้ไหลไปเรื่อยๆ


    ทั้งๆที่ตลอดมาเขาคอยดูแลเธอซึ่งเป็นโรคหัวใจอย่างใกล้ชิด... เอาใจใส่เธอไม่ยอมห่าง... กลัวแทนเธอสารพัด...


    แต่ครั้นตัวเขาเองเจ็บป่วย....


    เขากลับปิดบังเธอ ทำเป็นทอดทิ้งเธอ...


    ไม่ต้องการให้เธอเสียใจไปกับเขาด้วย จนเขาต้องจากไปอย่างเดียวดาย...


    แค่คิดความปวดร้าวบีบคั้นหัวใจก็รุมเร้าเข้ามาอีกระรอก...จนเจ้าก้อนเนื้อน้อยๆนั้นแทบรับไม่ไหว


    ทำไม... ทำไมพี่เอต้องทำอย่างนี้....ลลิตาถามตัวเองอย่างไม่เข้าใจ


    แล้วคำตอบสั้นๆก็ผุดขึ้นมาในสมอง....


    ใช่! เพราะเขารักเธอ....


    เพราะเขารักเธอมากนั่นเอง...จึงยอมทำร้ายความรู้สึกให้เธอเจ็บปวด ให้เธอเสียใจกับการจากไปของเขา....มากกว่าจะต้องมาเศร้าโศกปวดร้าวกับการตาย....


    หัวใจที่เต้นอยู่ในอกของเธอปวดร้าวขึ้นมาอีกครั้ง ราวกับมันรับรู้ความเสียใจ...เศร้าใจ...ที่กำลังกัดกร่อนอารมณ์ของเธอถึงที่สุด


    ลลิตากดมือลงบนหน้าอกตัวเอง กดผ่านผ้าก๊อซผืนหน้าที่ปิดทับแผลผ่าตัดยาวตั้งแต่ร่องระหว่างกระดูกไหปลาร้าทั้งสองข้างลงมาถึงลิ้นปี่ ราวกับจะให้ความเจ็บปวดแก่แผลทิ่เพิ่งสมานนั้นช่วยบรรเทาความปวดร้าวในจิตใจของตนลง


    เธอเคยคิดว่าจะเริ่มต้นใหม่กับหัวใจดวงใหม่ .... หัวใจที่มีผู้เสียสละให้เธอได้ดำรงชีวิตสืบต่อไป โดยตัดใจจากชายหนุ่มที่ทำให้เธอเจ็บปวดเสีย


    แต่แล้ว...


    น้ำตายังคงท่วมท้นออกจากดวงตาทั้งสองข้าง ไหลออกมาแสดงความเสียใจกับเรื่องราวต่างๆที่เธอเข้าใจผิด ไหลออกมาให้ท่วมท้นหัวใจรักของเขาที่มีต่อเธอ...



    ที่รัก...

    โปรดรับรู้ไว้เถิดว่า...

    ไม่ว่าจะผ่านไปนานสักเพียงใด…

    ไม่ว่าจะเจอกับใครอีกเท่าไร...

    ตาจะคงรักพี่เอไม่เปลี่ยนแปลง…

    ความรู้สึกจะไม่มีวันเปลี่ยนไป...

    แม้ว่าหัวใจจะเปลี่ยนไปแล้ว...

    เปลี่ยนเป็นหัวใจของพี่เอ...

    หัวใจรักที่เสียสละเพื่อตา…

    หัวใจรักที่ตาจะทะนุถนอมมันไว้ตราบสิ้นกาลนาน....


    ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~


    จบ

    แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 48 23:29:12

    แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 48 23:26:09

    แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 48 22:25:17

    แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 48 22:22:14

    จากคุณ : ณัฐมน - [ 20 ส.ค. 48 22:14:13 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป