CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    ฝนตกลงมาที่หัว(กบาล)ฉัน

    พฤษภาคมเดือนที่ย่างเข้าฤดูฝน  วันนี้ฝนตกหนัก ผมลืมเอาร่มไป ผมต้องเดินลุยฝนพร้อมน้ำตาที่นองหน้า ฝนเมืองกรุงรสชาติเค็มประแล่มๆ แปลกๆไม่เหมือนที่เสม็ด ฝนที่เสม็ดไม่หวานไม่เค็มแต่บ่งบอกได้ว่านี่แหละคือน้ำฝน น้ำตาผมเค็ม....
    เรื่องน่าแปลกก็คือวันนี้ฝนทำท่าตั้งเค้ามาตั้งแต่เช้าแต่ผมก็ไม่ยอมหยิบร่มออกไป แต่ที่ว่าเรื่องน่าแปลกกคือผมมานั่งคิดว่ามันเป็นเรื่องน่าแปลกที่ผมไม่ยอมหยิบร่มออกไป เพราะโดยปกติแล้วการที่ผมจะไปหาเธอผมก็ไม่นิยมหยิบข้าวของหรือสัมภาระที่อยู่นอกเหนือการใส่ในกระเป๋าเป้ผมไปด้วยอยู่แล้ว แต่ช่างมันเถอะเรื่องของเธอมันก็กลายเป็นอดีตไปแล้ว อดีตเมื่อ1ชั่วโมงที่แล้วที่ผมเจอ......คนที่ทำให้ให้ผมรู้ว่าน้ำตาของผมเค็ม แต่ผมก็ไม่อยากจมอยู่กับความทุกข์ระทม หรือตกอยู่ในอาการอกหักรักคุดสักเท่าไร และตอนนี้ผมก็เปียกไปทั้งตัวแล้ว และผมก็ถือว่าการเปียกไปทั้งตัวเป็นการแสดงความพ่ายแพ้อย่างน่าละอาย มันเป็นอาการที่ทำให้ผมรู้ว่าผมกำลังมีความทุกข์อยู่อย่างล้นปรี่ ต่อไปนี้ผมจะไม่เปียกฝนอีกต่อไป…

    09.30น. ผมนอนอยู่บนที่นอนได้ยินเสียงฝนที่ตั้งเค้ามาตั้งแต่7โมง มันดังครืนๆเหมือนมีคนมาเลื่อนโต๊ะอยู่บนหลังคาบ้านผม 10โมงผมต้องออกจากบ้านไปธนาคารเอาเช็คไปขึ้นก่อนที่จะช้าไปและจะพาลไม่มีกินในอีก2วัน
    10โมงแล้วผมอาบน้ำเสร็จและเริ่มแต่งตัว เสียงฝนกระทบกันสาดที่บ้านผมดังเปาะแปะ มันเริ่มมาแล้วมันกำลังท้าทายผมอยู่ ผมลงมาจากบันไดบ้านกำลังจะเดินไปเปิดประตูในมือผมถือร่มอยู่อย่างระมัดระวัง ผมเอื้อมมือไปเปิดประตู และก้าวขาออกไปพ้นนอกตัวบ้าน.......ผมเปียกฝนจนได้เพราะร่มที่หยิบมานั้นมันไม่ใช่ของผมและผมก็ไม่คุ้นกับวิธีใช้ของมัน ผมจึงเลือกที่จะไม่กางมัน ผมยอมเปียก ผมทุกข์ระทม....อีกครั้ง

    08.00น. วันนี้ผมมีงานตอนเช้าแต่ผมก็ไม่ลืมที่จะหยิบร่มออกไป แม้เช้านี้อากาศจะแจ่มใสก็ตาม
    11.00น. อากาศร้อนอบอ้าว ผมเห็นแมงปอบินไปบินมาเต็มไปหมด ข้อสันนิษฐานของผมก็คือ แมงปอมากจะตามมาซึ่งฝนฟ้าคะนอง ผมคิดพลางจับร่มผมกระชับมือยิ่งขึ้น....ผมจะไม่เปียก
    บ่าย2โมงกว่า ผมเสร็จงานแล้ว แต่ผมยังไม่อยากกลับบ้านหรือหนีไปหลบอากาศที่ไหน ผมนั่งรอว่าเมื่อไรมันจะมา ผมหยิบร่มซึ่งเป็นของผมมาตรวจตราดูอีกทีว่ามันใช้การได้หรือไม่ ตอนนี้ผมแน่ใจแล้วว่าร่มที่อยู่ในมือของผมนั้นสามารถต่อสู้กับความทุกข์ที่อยู่ข้างหน้าได้และมันใช้การได้ดีทีเดียว
    4โมงจะ5โมงแล้วมันยังไม่มีทีท่าว่าจะตกลงมา ผมเริ่มท้อกับการที่ต้องนั่งรอการมาธรรมชาติ อีก5นาทีผมจะกลับบ้านแล้ว...ผมคิดในใจ
    5นาทีต่อมาผมเดินกลับบ้านด้วยความผิดหวัง วันนี้ไม่ใช่วันของเรา
    ล้มตัวลงนอนบนฟูกด้วยความเหนื่อยอ่อน การรอคอยนี่มันช่างน่าทรมานกว่าการทำงานเสียอีก ผมหลับท่ามกลางเสียงฝนตกกระทบหลังคา ผมเหนื่อยเหลือเกิน...

    11โมงแล้วฝนยังคงตกอยู่ ผมนั่งจิบนมร้อนอยู่พักใหญ่ๆแล้ว ข้างตัวผมมีร่มแขวนอยู่ มันพร้อมที่จะใช้มันแล้ว แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ผมต้องรอให้ลูกค้าผมมาเสียก่อน ผมนั่งภาวนาให้มันตกอย่างนี้ไปเรื่อยๆจนผมเสร็จธุระ
    เที่ยงแล้ว ผมคุยงานเสร็จ ลูกค้าผมชวนให้กินข้าวต่อแต่ผมปฏิเสธ ไม่ใช่เวลานี้ โอกาสกำลังรอผมอยู่ และเป็นโอกาสดีเสียด้วยเพราะมันมีทีท่าว่าจะหนักขึ้นเรื่อยๆ คนในร้านแน่นมากขึ้นเนื่องจากฝมที่ตกหนักลงมา  ผมขอตัวจากลูกค้า มือยังกำร่มอยู่ในมือ ผมพร้อมแล้ว
    ผมกางร่มทิ้งไว้ครึ่งหนึ่งและใช้ตัวดันประตูร้านออกไป ผมกางมัน มันใช้การได้ดีเลยทีเดียวผมเดินลุยฝนออกไปท่ามกลางเสียงฟ้าร้อง เหมือนจะคำรามบอกผมว่า อย่าเพิ่งชะล่าใจไป ผมเดินกางร่มอย่างระมัดระวังฝนกระหน่ำตกลงมาไม่มีทีท่าว่าจะซาลงเลย และมันหนักขึ้นๆ จนผมเปียกไปทั้งตัวร่มผมคันเล็กเกินไป ผมอยู่ในความทุกข์อีกครั้ง

    10โมงผมยังนอนซมเพราะฤทธิ์ไข้จากฝนเมื่อวันก่อน ผมคงต้องพักฟื้นอีกหลายวัน

    9.30น. ผมตื่นขึ้นมาด้วยอาการหิวปนกับมึนหัวเล็กน้อยเนื่องจากยาที่ผมกินเข้าไปเมื่อคืน ผมมองออกไปนอกหน้าต่างวันนี้อากาศแจ่มใส เหมาะกับการทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นอย่างยิ่ง แต่มันไม่เหมาะกับความต้องการของผมในตอนนี้ วันนี้ฝนคงไม่ตก...
    เที่ยงกว่าแล้วผมนั่งซึมเพราะฤทธิ์ยาที่กินเข้าไป มองดูอากาศข้างนอกแล้วท้อใจ เมฆดำยังไม่โผล่มาให้เห็น แมงปอก็ไม่มีสักตัว “แต่ก็ยังดี”ผมคิด เพราะตอนนี้สภาพร่างกายผมยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับอุปสรรคหรืออะไรก็แล้วแต่ด้วยประการทั้งปวง...
    บ่ายสี่โมงมีเหตุให้ผมต้องออกจากบ้านจนได้ ผมต้องไปจ่ายค่าโทรศัพท์ที่ร้านสะดวกซื้อใกล้บ้านก่อนที่มันจะถูกตัดอีกครั้ง แต่ผมก็ไม่ลืมที่จะเอาอาวุธคู่กายผมไปด้วย ผมหยิบมันอย่างถนัดมือและลองใช้มันอย่างถูกวิธีเพื่อที่จะแน่ใจว่า มันจะไม่เป็นหอกสองคมหันกลับมาทำร้ายผมอีก...
    สี่โมงครึ่งผมจ่ายค่าโทรศัพท์เสร็จ กำลังเดินออกไปจากร้าน และในขณะนั้นผมก็เหลือบไปเห็นเมฆกลุ่มใหญ่สีดำทะมึนตั้งเค้าอยู่ไม่ไกลนัก เหมือนมีข้าศึกรอเข้าโจมตีอยู่ที่หน้าประตูเมือง อยู่ที่ผมว่าจะเลือกเป็นวีรบุรษหรือเลือกเป็นผมอย่างที่เป็นอยู่ ที่คอยหนีปัญหาทุกอย่างไม่ยอมเผชิญกับมัน ผมชั่งใจอยู่นานว่าจะเอาอย่างไรกับข้าศึกที่รออยู่หน้าประตูเมือง จะออกไปต่อกรกับมันอย่างที่ควรหรือไม่เพราะพรุ่งนี้ผมมีงานตอนเช้า หากพลาดพลั้งเสียทีไป ผมออกต้องเสียงานในวันพรุ่งก็เป็นได้...ทุกอย่างคือทาง ทางคือชีวิตผมบอกกับตัวเอง
    ร่มถูกกางออกอย่างสง่างาม มันถูกจับด้วยมือข้างที่ถนัดของผม ขนาดของมันคงจะพอฟัดพอเหวี่ยงกับศัตรูได้ ผมหมายมั่นที่จะมีชัยในศึกครั้งนี้ ผู้ที่พลาดไม่ใช่ผู้แพ้ แต่เป็นผู้ที่อ่อนแอ ผมไม่ต้องการเป็นผู้อ่อนแอ ผมต้องไม่พลาด...
    เสียงคำรามดังก้องไปทั่วบริเวณ ผู้คนต่างหาที่กำบังกันอย่างอลม่าน บ้างวิ่งไปหลบที่ศาลารอรถประจำทาง บ้างเอาถุงพลาสติกมาทำเป็นหมวก บ้างชิงเรียกแท็กซี่กลับบ้าน แต่นั่นไม่ใช่วิธีของผม ผมบอกตัวเอง เราคงไม่อ่อนแอขนาดนั้น ผมพร้อมแล้ว และผมกำลังออกวิ่งไป
    ฝนตกกระทบร่มดังไปทั้งประสาทการรับรู้คลื่นเสียงของผม ฆ้อน ทั่ง โกลน สั่นบอกให้รู้ว่าขณะนี้ผ้าร่มที่มีก้านเหล็กกำลังทำการต่อสู้กับธรรมชาติอย่างเผ็ดร้อน เสียงหยดแล้วหยดเล่ากระทบกับผ้าร่ม ดังระงมไปทั่ว ภายใต้ผืนผ้าร่มนี้ ผมรู้สึกมีความสุขที่สุดอย่างไม่เคยมีมาก่อน อีกไม่นานผมจะชนะมันได้...แต่ว่าแล้วเมื่อไรที่ผมสามารถบอกได้ว่านี่ผมสามารถเอาชนะมันได้แล้วล่ะ? คำถามผมผุดขึ้นในหัว ไม่นานคำตอบก็เริ่มออกมา  ตอบคือ ก็เมื่อผมเดินไปขึ้นสองแถวเล็กได้โดยไม่เปียกฝน และ ผมก็จะเป็นผู้ชนะในที่สุด
    ผมมองไปยังเส้นชัยที่ผมต้องเดินทางไปมันไม่ไกลมากนักในสภาพแดดออก แต่ในสภาพที่ผมตกหนักขนาดนี้ มันไกลเอาเรื่องเลยทีเดียว ผมก้าวขาออกไป มือกระชับร่มให้แน่ขึ้น เสียงหยดน้ำฝนยังไม่หยุด ผมก้าวต่อไป...
    เส้นชัยอยู่ไม่ไกลนัก ผมภาวนาอย่าให้ฝนหยุดตกในตอนนี้เลย ผมใกล้ที่จะชนะมันแล้ว......
    “เล็ก!” เสียงเรียกชื่อผมดังมาจากทางเส้นชัย ผมมองไปยังต้นเสียง เป็นภาพของหญิงสาวยืนเปียกฝนอยู่ เนื้อตัวมอมแมมไปด้วยไอฝน เธอคือเจ้าของการกระทำที่ทำให้ผมรู้ว่าน้ำตาผมเค็ม ผมหยุดยืนนิ่งสมองตื้อคิดอะไรไม่ออก เสียงฝนกระทบร่มดังไปทั่วหัวผม สักพักประสาทรับรู้เสียงผมก็ดับไปเฉยๆ ประสาทตาผมมองเห็นแต่ภาพเธอยืนอยู่ เธอยิ้มให้ผม.... ยิ้มให้ผม.... ยิ้มให้ผม.... ยิ้มให้ผมทำไมวะ!
    ผมทิ้งร่มวิ่งไปหาเธอยังเส้นชัย ผมเปียกฝน ผมต้องทุกข์อีกครั้งแล้ว แต่ผมก็ได้เข้าเส้นชัยแม้ต้องทุกข์ก็ตาม ...
    “ก็ยังดี” ผมคิดในใจ

    จากคุณ : deadrabbit - [ 22 ส.ค. 48 14:10:56 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป