คุณแน่ใจแล้วหรือ
คุณกมล เสียงห้าวๆเอ่ยขึ้น ขณะที่ดวงตาสีเข้มจับจ้องไปยังผู้สูงวัยกว่าที่ปาดเหงื่อ
ตรงหน้าผากออกด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
นั่นมันลูกสาวคุณนะ
ถึงจะเป็นลูกเลี้ยงก็เถอะ ชายผู้อ่อนวัยกว่ายังคงถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
แน่ใจครับ
ผมจะยก..ยัยมน
ให้คุณเป็นการชดใช้หนี้สินทั้งหมด คำตอบยังคงยืนยันเช่นเดิม
งั้นก็ดี! ชายหนุ่มเอ่ยเพียงสั้นๆก่อนลุกขึ้นแล้วกำชับว่า
วันพรุ่งนี้คุณพาลูกสาวคุณมาอยู่ที่นี่ได้เลย
วันพรุ่งนี้นะอย่าลืม! คุณรู้ใช่ไหมว่าถ้าคุณลืมจะเป็นยังไง
เสียงเข้มๆนั้นทำให้ชายสูงวัยกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น
ไม่ลืมแน่นอนครับ
แล้วพบกันนะครับ ชายหนุ่มผงกศีรษะให้ผู้สูงวัยกว่าเป็นเชิงลา ก่อนสาวเท้าออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
ทิ้งให้ผู้สูงวัยนั่งครุ่นคิดอย่างหนักใจ
เถอะ
แค่ให้ยัยมนมันมาอยู่กับคุณภูมิเท่านั้น
ออกจะสบาย
นั่งกินนอนกิน
มันสมควรจะขอบคุณเขาด้วยซ้ำที่ให้มันได้อยู่สุขสบายแบบนี้
ประตูเหล็กดัดขนาดใหญ่เปิดออกช้าๆ เพื่อให้รถกลางเก่ากลางใหม่คันหนึ่งแล่นเข้าไปในตัวบ้าน
บ้าน
ที่เธอต้องมาอยู่เพื่อเป็นการชดใช้หนี้ มนปรียามองตัวบ้านหลังใหญ่นั้นด้วยความรู้สึกหลากหลาย
ทั้งกลัว กังวล เจ็บใจ เสียใจ สับสนปนเปกันไปหมด ร่างบางก้าวลงจากรถช้าๆ
เป็นเพราะต้องตอบแทน
พระคุณพ่อเลี้ยงทำให้เธอต้องจำใจมาที่นี่ ทั้งที่ในใจนั้นไม่อยากเลยแม้แต่น้อย
แต่จะทำไงได้ ในเมื่อพ่อ
เธอเล่นการพนันเสียจนติดหนี้ผู้ชายคนนี้หลายล้านจนไม่มีปัญญาใช้คืน
เขา
ภูมิบดินทร์ พิทักษ์เดชา
.
ผู้เป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง บ่อนกาสิโนที่เขาเป็นเจ้าของอยู่ก็มีกิจการเจริญรุ่งเรือง หนังสือพิมพ์ทุกฉบับต่างลง
ข่าวเขาไม่เว้นแต่ละวัน หญิงสาวหลายคนต่างโหวตให้เขาเป็นชายหนุ่มในฝันแห่งปี
เขา..ผู้ที่ต่อแต่นี้ไปจะกุมชะตาชีวิตของเธอไว้
คุณภูมิให้เชิญคุณไปพบที่ห้องทำงานค่ะเด็กรับใช้คนหนึ่งเดินเข้ามาบอกหญิงสาวอย่างนอบน้อมพร้อมกับ
เดินนำเธอไปยังห้องทำงานที่อยู่ทางด้านซ้ายของตัวบ้าน มนปรียาเดินตามด้วยใจที่เต้นแรง
เขาจะทำอะไรเธอหรือเปล่านะ
เถอะ
ถ้าเขาคิดจะเอาเธอไปเป็นนางบำเรอแล้วเธอจะมีแรงสู้เขาหรือ
คิ้วบางขมวดมุ่นเมื่อก้าวเข้าไปในห้องทำงาน
ผู้ที่นั่งรออยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่สีดำนั้นจ้องมองมาที่เธออย่างสำรวจตรวจตรา ใบหน้าคมเข้มเรียบเฉย
ไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ คงมีแต่ดวงตาสีเข้มเท่านั้นกระมังทีมีแวววูบไหวเล็กน้อยก่อนจางหายไปอย่างรวดเร็ว
เจอหน้ากันครั้งแรก คุณก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่ผมเลยหรือ..สาวน้อย
คำว่า สาวน้อย ทำให้หญิงสาว
ต้องตวัดสายตาขุ่นๆไปมอง
อย่ามาเรียกฉันว่าสาวน้อยนะ ชายหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อย
ไม่ใช่สาวน้อยงั้นหรือ
แต่ผมดูๆแล้ว
ผมว่าคุณยังเป็นสาวน้อยอยู่เลยนะ ชายหนุ่มกวาดสายตาสำรวจ
ไปทั่วตัวหญิงสาวส่งผลให้เธอหน้าแดงขึ้นมาด้วยความอาย พลางจ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง
คุณอย่ามาหยาบคายกับฉันนะ! เสียงใสแหวคนตรงหน้าอย่างขุ่นเคือง ภูมิบดินดร์มองหญิงสาวตรงหน้า
นิ่งๆก่อนสาวเท้าเข้าไปหาช้าๆ ราวเสือที่จ้องจะขย้ำเหยื่อตัวน้อยๆ แม้จะเห็นท่าทางนั้นแต่มนปรียาก็ยังยืนเฉยอยู่
ทั้งที่ในใจนั้นอยากจะกระโจนหนีเสียให้รู้แล้วรู้รอด
คุณไม่มีสิทธิมาขึ้นเสียงกับผมหรอกนะ พ่อคุณยกคุณให้ผมแล้ว ดังนั้นผมมีสิทธิในตัวคุณจะทำอะไรกับคุณ
ก็ได้ใช่ไหม โทษฐานที่คุณขึ้นเสียงกับผมจะเป็นอะไรดีล่ะ ชายหนุ่มก้าวเข้ามาหาหญิงสาวช้าๆพร้อมกับดวงตา
วาววับ ส่งผลให้ร่างบางเริ่มก้าวถอยหลังไปเรื่อยๆจนชิดกำแพง แต่ร่างสูงยังคงก้าวเข้ามาเรื่อยๆ แล้วกั้นเธอไว้
ด้วยแขนสองข้าง ใบหน้าคมเข้มโน้มต่ำลงมาเรื่อยๆจนแทบสัมผัสถึงลมหายใจของกันและกัน
ว่าไง
สาวน้อย
จะให้ผมทำโทษคุณยังไงดี หือ! หญิงสาวจ้องมองดวงตาสีเข้มนั้นด้วยใจหวั่นๆ
..โอย!...เขาจะทำอะไรเธอเนี่ย
ดวงตากลมโตวูบไหวเมื่อยามจ้องมองดวงตาสีเข้มนั้น แต่แล้วเขากลับ
ถอยห่างออกไปอย่างรวดเร็วแล้วเอ่ยเรียบๆว่า
วันนี้คุณขึ้นไปพักผ่อนก่อนแล้วผมจะมาทวงคืนวันหลังก็แล้วกัน ชายหนุ่มหันไปสั่นกระดิ่งบนโต๊ะ
เพียงครู่เดียวหญิงสาวร่างท้วมก็เดินเข้ามา
แม่นิ่ม ช่วยพาคุณมนไปดูห้องที่เตรียมไว้ด้วยนะครับ
ค่ะ
เชิญค่ะคุณมน ประโยคหลังแม่นิ่มหันมาพูดกับเธอ แล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ทำให้มนปรียาอดยิ้ม
ตอบไม่ได้ทั้งๆที่ใจยังคงเต้นแรงไม่หาย ก็เพราะดวงตาสีเข้มนั่นแหละ..ไม่รู้ทำไม
ทำให้เธอใจแกว่งๆพิกล
หญิงสาวครุ่นคิดอย่างไม่เข้าใจ ก่อนเดินตามผู้สูงวัยกว่าออกไป แต่ก่อนที่จะก้าวเท้าออกจากห้อง
ชายหนุ่มร่างสูงก็เอ่ยขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยว่า
เย็นนี้ทำอาหารเย็นและรอทานพร้อมผมด้วย ราวกับคำพูดนั้นเป็นคำสั่งกลายๆ หญิงสาวจึงแสร้งทำ
เป็นถอนสายบัว แล้วจงใจเอ่ยเสียงหวานว่า
ดิฉันจะทำตามคำสั่งอย่างดีที่สุดเจ้าค่ะ!... พูดจบก็รีบสาวเท้าออกจากห้องทันที ด้วยไม่แน่ใจว่า
คนตัวโตภายในห้องจะเกิดโมโหอะไรขึ้นมาหรือเปล่า...
หลังจากจัดของเข้าที่เข้าทางเรียบร้อยแล้ว มนปรียาก็รีบเข้าครัวทำอาหารเย็นตามที่ภูมิบดินทร์สั่งทันที
หญิงสาวเหลือบมองนาฬิกาเรือนเล็กข้างฝาพบว่าเวลาล่วงไปกว่าห้าโมงเย็นแล้ว เธอจึงรีบกระวีกระวาด
ลงมือทำทันที แม้ฝีมือทำอาหารของเธอจะไม่ถึงกับสุดยอดแต่ก็พอใช้ได้ล่ะน่า...ไม่รู้จะทานได้หรือเปล่า....
ถ้าเกิดเขาบ่นว่าไม่อร่อยแล้วพาลโมโหเธอขึ้นมาล่ะ
...เฮ้อ!...ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น.....
ทำถึงไหนแล้วคะคุณมน เสียงแม่นิ่มดังขึ้นพร้อมกับพาร่างเจ้าเนื้อเข้ามาในห้องนั้น
แม่นิ่มจะมาช่วยมนทำหรือคะ
คุณภูมิสั่งให้ดิฉันช่วยได้แค่เล็กๆน้อยๆนะค่ะ เธอพยักหน้ารับรู้....ก็ยังดีที่เขาไม่ใจร้ายกับเธอมากนัก...
เธอหวนนึกถึงผู้เป็นพ่อ... เป็นเพราะไอ้การพนันบ้าๆแท้ๆที่ทำให้เธอต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้...หากแม่เธอ
ยังอยู่ก็คงพอปรามๆผู้เป็นพ่อเลี้ยงได้บ้าง ....อยากรู้จริงๆว่าพ่อจะนึกห่วงเธอบ้างไหม...ถึงแม้ว่าเขาจะ
ไม่รักเธอมากนักแต่ก็เลี้ยงดูเธออย่างดี และโชคดีที่สุดคือเขาไม่ได้แต่งงานใหม่กับใครทำให้เธอไม่ต้องมี
แม่เลี้ยงอีกคน...ป่านนี้ไม่รู้คิดได้หรือยังว่าการพนันเป็นสิ่งไม่ดี.... หญิงสาวคิดด้วยความหนักใจ
มือเรียวบางจับตะหลิวผัดอาหารในกะทะอย่างทะมัดทะแมง ดวงตากลมโตมีริ้วรอยคิดคำนึงถึงสิ่ง
ไกลตัวจนไม่รับรู้ว่ามีใครบางคนหยุดยืนมองอยู่ที่ประตูเนิ่นนาน เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นมาตมไรผมแล้วไหล
เข้าตาจนทำให้มนปรียาละมือจากกระทะมาเช็ดออก
เอ้า!...เอาไปเช็ดซะ มือใหญ่ยื่นผ้าเช็ดหน้าสีเข้มมาให้ตรงหน้าพลางสบตาอีกฝ่ายที่เงยหน้าขึ้นมามอง
ดวงตากลมโตหลบสายตาคมเข้มแล้วเหลือบไปมองผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น
ไม่เป็นไรค่ะ...เดี๋ยวผ้าเช็ดหน้าแพงๆของคุณจะเปื้อนเสียเปล่าๆ
งั้นก็ตามใจ ภูมิบดินทร์บรรจงเก็บผ้าผืนนั้นใส่กระเป๋าเสื้อตรงหน้าอกด้านซ้ายแล้วยืนมองมนปรียานิ่งๆ
....จะมายืนอยู่ทำไมนะ เกะกะ! ....หญิงสาวบ่นในใจอย่างไม่สบอารมณ์
ทำอาหารเหนื่อยไหมครับ....แม่นิ่ม คำถามนั้นทำให้ร่างบางกระแทกตะหลิวลงบนกะทะเสียงดัง
....คนบ้า! ทำเป็นถามแม่นิ่ม..จงใจยั่วให้เธอโมโหน่ะสิ!...
ไม่เหนื่อยหรอกค่า คนที่เหนื่อยน่าจะเป็นคุณมนมากกว่านะคะ
อืม...ผมดูๆแล้วเขาคงไม่เหนื่อยหรอกครับ ก้มหน้าก้มตาทำขนาดนี้คงสนุกมากสินะคุณ มนปรียากระแทก
ตะหลิวเสียงดังอีกครั้ง แถมยังเงยหน้าสบตาเขาด้วยใบหน้าบึ้งตึง
ใช่ค่ะ...สนุกมากๆๆ เธอกัดฟันตอบอย่างประชดประชัน แถมยังค้อนใส่เขาวงใหญ่
ก็ดี... เขาเอ่ยสั้นๆก่อนทำทีเป็นเดินเฉียดหญิงสาวแล้วชะโงกหน้าลงไปมองอาหารที่ส่งกลิ่นหอมในกะทะ
หอมดีนี่...อีกห้านาทีทุกอย่างต้องเรียบร้อยอยู่บนโต๊ะ แล้วผมจะลงมาทาน สั่งแล้วก็เดินจากไปทิ้งให้
คนอารมณ์บูดยืนบ่นงึมงำๆตามหลังเบาๆ
เพียงแค่อาหารมื้อแรกที่ต้องทานกับภูมิบดินทร์ มนปรียาถึงกับเหนื่อยใจเมื่อต้องตอบคำถามทุกคำถาม
เกี่ยวกับชีวิตของเธอให้เขาฟัง หญิงสาวล้มตัวลงนอนบนเตียงหนานุ่มอย่างเหนื่อยอ่อน ไม่รู้ว่าเขาจะสนใจ
เรื่องของเธอไปทำไม เธอก็แค่คนอาศัย...ไม่ใช่สิ...ตอนนี้น่าจะเรียกว่า เชลย มากกว่า ก็เพราะเขาสั่งให้เธอ
ออกจากงานที่ทำอยู่!
งาน...ที่เธอรัก เธอไม่เข้าใจ...การเป็นเลขามันผิดตรงไหนทำไมต้องให้เธอลาออกด้วย!....
เขาเห็นเธอเป็นอะไร.... ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเธอต้องถูกเขาควบคุมทุกเรื่องเลยงั้นหรือ...
หญิงสาวระบายลมหายใจออกมาบางเบา เถอะ...คิดไปก็ปวดหัว เธอไม่มีปัญญาไปสู้รบปรบมือกับเขาได้หรอก....
คิดได้ดังนั้นมนปรียาจึงจัดลุกขึ้นจากเตียงขนาดใหญ่แล้วคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป น้ำเย็นชุ่มฉ่ำไหล
ระเรื่อยลงสู่ร่างบางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ทำให้เจ้าตัวรู้สึกปลอดโปร่งยิ่งขึ้น หญิงสาวใช้เวลาอาบน้ำ
อยู่นานทีเดียวกว่าที่จะปิดก๊อกน้ำแล้วใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดตัวและผมที่เปียกชื้น เธอเหลียวหาเสื้อคลุมแต่
นึกขึ้นได้ว่าลืมหยิบติดมาด้วย
....ทำไมขี้ลืมอย่างนี้นะเรา...
มนปรียาส่ายหน้าระอากับความขี้ลืมของตัวเอง ก่อนพันผ้าเช็ดตัวผืนเล็กไว้อย่างลวกๆแล้วเปิด
ประตูห้องน้ำออกไป แต่ก่อนที่หญิงสาวจะทันได้หยิบผ้าคลุมมาสวมนั้นก็กลับมีแรงกระชากจากมือใหญ่
ดึงเธอเข้าไปปะทะกับอกเขา ดวงตากลมโตเบิกว้างเมื่อรับรู้ว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้าเธอคือใคร!
(มีต่อค่ะ)
แก้ไขเมื่อ 22 ส.ค. 48 18:31:46
แก้ไขเมื่อ 22 ส.ค. 48 18:28:21
แก้ไขเมื่อ 22 ส.ค. 48 18:27:21
แก้ไขเมื่อ 22 ส.ค. 48 17:12:59
จากคุณ :
พราวตะวัน
- [
22 ส.ค. 48 16:19:48
]