สายลมและแสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านม่านบางๆเข้ามายังห้องนอนขนาดใหญ่ ร่างบางที่หลับอย่างสบายภายใต้ผ้าห่มอุ่นขยับตัวเล็กน้อย เปลือกตาเคลื่อนๆไหวไปมาก่อนเปิดออกช้าๆ มนปรียากระพริบตาถี่ๆเพื่อให้ชินกับแสงสว่างยามเช้า หญิงสาวรับรู้อย่างเลือนรางว่าเธอกำลังอยู่บนเตียง ผิดจากเมื่อคืนที่เธอจงใจนอนตรงโซฟาข้างเตียง แล้วเธอมานอนบนนี้ได้อย่างไร....คิ้วบางขมวดมุ่นพลางก้มลงสำรวจตัวเองเมื่อเห็นว่าเสื้อผ้าทุกชิ้นยังอยู่ครบเป็นปกติจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
...เขายังไม่ได้ทำอะไรเธอ.... มนปรียารู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อยๆ นับว่าเขายังใจดีกับเธออยู่บ้าง....ดูๆแล้วเขาคงไม่ใช่คนใจร้ายอย่างที่ใครๆร่ำลือหรอกกระมัง พวกนักหนังสือพิมพ์มักเขียนข่าวที่ไม่เป็นความจริงเสมอ....บางทีเธออาจมีอคติกับเขามากเกินไป...เขาคงไม่ใช่คนเลวร้ายนัก ไม่งั้นผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างเธอคงไม่รอดพ้นเงื้อมมือเขามาจนป่านนี้อย่างแน่นอน เมื่อรู้สึกสบายใจขึ้นแล้ว มนปรียาจึงเหลือบมองนาฬิกาข้างเตียง พบว่ามันเป็นเวลาเจ็ดโมงเช้าแล้ว หญิงสาวจึงกระวีกระวาดลุกจากเตียงแล้วอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องด้วยรู้จากแม่นิ่มว่าภูมิบดินทร์ทานอาหารเช้าในเวลาเจ็ดโมงสิบห้า ร่างบางไม่รีรอเลยที่จะกระโจนเข้าห้องน้ำในทันที ถึงแม้เจ้าตัวจะเบาใจว่าชายหนุ่มเจ้าของบ้านจะไม่ใช่คนเลวร้าย แต่ใครจะรับประกันได้ว่าเวลาไม่พอใจขึ้นมา เขาอาจเปลี่ยนไปเป็นคนละคนก็เป็นได้ ของอย่างนี้กันไว้ก่อนดีกว่าแก้ไม่ใช่หรือ!
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จมนปรียาก็กระหืดกระหอบวิ่งลงบันไดมายังห้องอาหารอย่างรวดเร็วเพื่อให้ทันเวลา ทันทีที่ก้าวเข้ามายังห้องอาหารขนาดใหญ่ที่อยู่ทางปีกซ้ายของตัวบ้านนั้น เธอพบว่าผู้เป็นเจ้าของบ้านนั่งรออยู่แล้ว นัยน์ตาดำสนิทหันมาจับจ้องเธอแทบจะในทันทีที่ร่างบางสาวเท้าเข้าไป หญิงสาวก้าวเข้าไปอย่างกล้าๆกลัวๆ เธอสังเกตเห็นว่าทางด้านขวาของภูมิบดินทร์นั้นมีชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่นั่งอยู่ด้วย จากที่สำรวจดูคร่าวๆเธอพบว่า เขาจัดได้ว่าเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีทีเดียว ใบหน้าขาวๆ คิ้วเข้มรับกับจมูกโด่งเป็นสันรวมถึงดวงตายาวรีพราวระยับดูเหมือนเป็นจุดเด่นที่คงสะกดให้ผู้หญิงหลายต่อหลายคนเผลอตัวเผลอใจหลงรักเขาเข้าเต็มเปา
เข้ามานั่งสิคุณ หยุดยืนอยู่ทำไมล่ะ ชายหนุ่มเจ้าของบ้านที่นั่งอยู่หัวโต๊ะเอ่ยเสียงดังจนหญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนค่อยๆก้าวเข้ามานั่งทางฝั่งซ้ายของเขา ภูมิบดินทร์ยกนาฬิกาขึ้นมาดู แล้วเอ่ยอย่างตำหนิกลายๆ
คุณสายไปสามนาทีรู้ไหม ใบหน้านวลตวัดสายตาขึ้นมองเขาด้วยสายตาหมั่นไส้
....แค่สามนาทีเท่านั้น ทำไมต้องทำวางอำนาจดุใส่เธอด้วยก็ไม่รู้!....
เอาน่าไอ้ภูมิ ไม่เห็นจำเป็นต้องตรงเวลาขนาดนั้นเลยนี่หว่า ผู้ชายที่เธอสำรวจอยู่ในใจเงียบๆเมื่อครู่เอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ เมื่อมองใกล้แล้วยิ่งเห็นชัดว่าเขาคนนั้นหน้าตาดีเทียบเท่าพระเอกชื่อดังของเมืองไทยหลายๆคนเสียด้วยซ้ำ!
สวัสดีครับคุณมนปรียา ผมติณณภพครับ ชายหนุ่มเอ่ยแนะนำตัวกับหญิงสาวที่ทำหน้าฉงนเล็กน้อยเมื่อรับรู้ว่าเขารู้จักชื่อเธอด้วย เธอจึงเหลือบสายตาไปมองภูมิบดินทร์แวบหนึ่งแล้วจึงหันมากล่าวทักทายติณณภพอย่างเป็นมิตร
สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ หญิงสาวส่งรอยยิ้มอ่อนหวานไปให้ ไม่แพ้ชายหนุ่มเช่นกันที่จงใจส่งสายตาแพรวพราวมาให้เธอ
แนะนำตัวกันพอหรือยังวะไอ้ภพ ข้าหิวข้าวแล้ว! เสียงห้วนสั้นของผู้เป็นเพื่อนสนิทรวมทั้งใบหน้าบูดบึ้งแสดงความไม่พอใจอย่างหนักนั้น ทำให้ติณณภพถึงกับหัวเราะพรืดออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ จึงทำให้ได้รับสายตาคาดโทษจากภูมิบดินทร์กลับมา
หัวเราะอะไรวะ ทานข้าวได้แล้ว คุณก็ด้วยมนปรียา วันนี้คุณมาสายสามนาที พรุ่งนี้อย่าให้สายอีกแล้วกัน! เขาหันมาสั่งเธอเสียงเข้มก่อนกระแทกช้อนส้อมเป็นการระบายอารมณ์แล้วลงมือทานอาหารด้วยหน้าตาบูดบึ้งราวกับไปกินรังแตนที่ไหนมา ใบหน้านั้นทำให้ติณณภพต้องนั่งมองอย่างขบขัน ผิดกับมนปรียาที่ยังรู้สึกงงๆเมื่อจู่ๆภูมิบดินทร์ก็โมโหขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล!
หลังจากทานอาหารเช้ากันเงียบๆอยู่ครู่หนึ่ง ภูมิบดินทร์ก็เป็นฝ่ายเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมาก่อนว่า
วันนี้คุณอยากไปเที่ยวไหนไหม
ไม่อยากค่ะ แต่ฉันอยากไปทำงานมากกว่ามนปรียาเอ่ยเสียงอ่อยๆด้วยรูว่ายังไงเขาคงไม่ยอมให้เธอไปทำงานแน่ๆ และก็เป็นจริงดังคาดเมื่อเสียงห้าวๆพูดห้วนสั้นว่า
ไม่ได้! ยังไงผมก็ไม่ยอมให้คุณไปทำงานแน่ๆ
แล้วจะให้ฉันอยู่เฉยๆหรือคะ เบื่อแย่! เธอส่งสายตาอ้อนวอนไปให้ชายหนุ่ม
ถ้าเบื่อก็ไปหาหนังสืออ่านที่ห้องหนังสือสิคุณ หรือไม่ก็ว่างๆผมจะพาไปเที่ยวแม้น้ำเสียงที่เอ่ยจะเรียบเฉย แต่มนปรียากลับสังเกตเห็นแววตาอ่อนโยนจากนัยน์ตาสีดำสนิทคู่นั้น ทว่ามันก็ปรากฏเพียงครู่เดียว ครู่เดียวเท่านั้นจริงๆ! จนเธอคิดว่าตัวเองคงตาฝาดไป....
จากนั้นต่างคนก็ต่างทานอาหารตรงหน้าเงียบๆ จนอิ่มกันเรียบร้อยแล้วผู้เป็นเจ้าของบ้านจึงเปรยออกมาเบาๆว่า
เช้านี้ว่างๆคุณลองเข้าไปอ่านหนังสือในห้องหนังสือของผมไปพลางๆก่อนแล้วตอนบ่ายผมจะพาคุณออกไปข้างนอก พูดจบก็หันไปชวนติณณภพที่นั่งมองอยู่เงียบๆ
ไป!ไอ้ภพ ไปคุยกันที่ห้องทำงาน เมื่อเห็นเพื่อนสนิทเดินจากไปแล้ว ติณณภพจึงหันมาเอ่ยลากับมนปรียาพร้อมกับกระซิบเบาๆอย่างขบขันว่า
ไอ้ภูมิมันอารมณ์แปรปรวนแบบนี้บ่อยๆเป็นปกติครับ ยังไงก็ช่วยๆดูมันหน่อยแล้วกัน ผมกลัวว่าเดี๋ยวเกิดอารมณ์มันปุบปับขึ้นมา เส้นเลือดในสมองมันจะแตกไปเสียก่อนทันได้แต่งงานน่ะครับ พูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็เดินจากไปปล่อยให้หญิงสาวมองตามไปอย่างงงๆที่เขาพูดอะไรแปลกๆ... ตอนนี้เธอชักสงสัยเสียแล้วว่าเขามีคนรักอยู่หรือเปล่า...แน่ล่ะว่าต้องมี ในเมื่อเธอมักได้ยินข่าวเขาไปไหนมาไหนกับผู้หญิงอยู่เสมอๆนี่นา....เนื้อหอมในหมู่สาวๆแบบนี้คงเจ้าชู้น่าดู มนปรียาครุ่นคิดในใจก่อนเดินไปยังห้องหนังสือที่อยู่บนชั้นสองอย่างที่ภูมิบดินทร์บอกอย่างว่าง่าย
ห้องทำงานของภูมิบดินทร์อยู่ทางปีกขวาของตัวบ้าน ภูมิบดินทร์เดินนำติณณภพเข้าไปนั่งตรงเก้าอี้ตัวใหญ่หนานุ่มหลังโต๊ะทำงานสีดำ ข้างๆฝาผนังทางด้านขวาเป็นโซฟาสีน้ำตาลตัวใหญ่สำหรับนั่งพักผ่อนยามเครียดจากการทำงาน ชายหนุ่มเจ้าของบ้านเอ่ยถามขึ้นทันทีหลังจากนั่งลงเรียบร้อยด้วยเสียงเครียดๆ
ไอ้สุริยันต์มันเก็บตัวเงียบเลยว่ะ ไม่รู้มันกำลังวางแผนอะไรอยู่
นั่นสิวะ ข้าว่าเอ็งระวังตัวไว้หน่อยก็ดี มันจ้องเล่นงานเอ็งแน่ๆ ติณณภพมองเพื่อนสนิทอย่างเป็นห่วง ....เรื่องบาดหมางเก่าๆยังไม่จบดันมีก็ดันหาเรื่องใส่ตัวอีก....ไอ้ภูมิเอ๊ย...คราวนี้ไอ้พวกนั้นมันคงแทบกระอักเลือด! ร่างสูงเดินเข้ามานั่งตรงโซฟาแล้วถามอย่างกังวลว่า
เอ็งจะทำไงต่อวะ
ก็ไม่เห็นต้องทำอะไรเลยนี่หว่า ข้าก็อยู่ของข้า ไอ้พวกนั้นทำอะไรข้าง่ายๆไม่ได้หรอก ภูมิบดินทร์เอ่ยด้วยท่าทางมั่นใจว่าจะรับมือกับเรื่องนี้ได้
ว่าแต่เอ็งเถอะ ไปสืบหาข้อมูลจับไอ้สุริยันต์มันก็ระวังตัวหน่อยนะโว้ย ไอ้พวกนี้มันฉลาดเป็นกรด!
ฝีมือระดับนี้แล้วไม่พลาดง่ายๆหรอกโว้ย! ข้าน่ะยศพันตรีแล้วนา ฝีมือมันต้องพัฒนาตามยศสิวะ ชายหนุ่มผู้มีผิวขาวกว่าเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ
ข้ารู้...ว่าเอ็งเก่ง แต่ข้าไม่อยากให้เอ็งประมาทก็เท่านั้น
เอ็งก็ด้วยนะไอ้ภูมิ อย่าประมาทฝ่ายนั้น...ถ้าเผลอพลาดขึ้นมา มันเอาเอ็งตายแน่!
เออ...เปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่าว่ะ มัวแต่ห่วงกันไปห่วงกันมาอย่างนี้มีหวังคุยกันไม่ถึงไหน ชายหนุ่มส่ายหน้าน้อยๆพลางหัวเราะเสียงต่ำ เขารู้ว่าติณณภพเพื่อนสนิทตั้งแต่เด็กของเขาเป็นห่วงเขามากแค่ไหน ....เขาจำได้ยามเป็นเด็ก เคยถูกพวกอันธพาลรุม..แต่ยังร่วมมือกันสู้เสียจนสะบักสะบอมไปตามๆกัน จากวันนั้นเขาจึงถือไอ้ภพเป็นเพื่อนตายเสมอมา....
แต่แปลกที่เมื่อโตขึ้น เขากลับต้องมาคุมบ่อนคาสิโนที่ตกทอดมาจากผู้เป็นพ่อ...ถึงมันจะเป็นบ่อนที่ถูกกฎหมายก็เถอะ แต่มันคงดูไม่ดีนักเมื่อเทียบกับติณณภพที่ได้เป็นตำรวจสมใจอยาก นอกจากบ่อนคาสิโนแล้วยังมีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อีกหลายอย่างที่พ่อเขาสร้างขึ้นมากับมือ ธุรกิจทั้งหมดเจริญรุ่งเรืองจนพ่อเขาจึงได้รับการขนานนามให้เป็นเจ้าพ่อคนหนึ่งของเมืองไทย และเมื่อครั้งที่พ่อและแม่ของเขาจากไปเมื่อ 20 ปีก่อนด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ เขา...ผู้เป็นทายาทเพียงคนเดียวจึงได้รับมรดกตกทอดมาทั้งหมด ด้วยความสามารถนี่เองทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น จนใครๆต่างถือว่าเขาเป็นเจ้าพ่อกลายๆ ไม่เพียงแค่ธุรกิจต่างๆเท่านั้นที่ตกทอดมาถึงเขา ความบาดหมางในการเป็นคู่แข่งกันระหว่างตระกูลพิทักษ์เดชาและตระกูลตันติโกศลของพวกสุริยันต์ยังตกมาถึงรุ่นเขาด้วย! แถมยังดูหนักยิ่งกว่าเดิมเสียอีก!... เมื่อตระกูลตันติโกศลผู้ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เช่นเดียวกับเขา แต่ในมุมมืดกลับแอบแฝงธุรกิจผิดกฎหมาย ทั้งค้ายาบ้า ค้าอาวุธเถื่อน และค้าผู้หญิง! เขาที่รู้ความเคลื่อนไหวของพวกมันดีจึงจ้องจับพวกมันเข้าคุกจนเกิดเป็นการจองล้างจองผลาญกันไม่สิ้นสุด!
ไอ้ภูมิ! คิดอะไรอยู่วะ ข้าเรียกตั้งนานเอ็งไม่ได้ยินหรือไง เสียงตะโกนของติณณภพทำให้ชายหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อย
ขอโทษว่ะไอ้ภพ ข้าคิดอะไรเพลินไปหน่อย
คิดอะไรเพลินๆงั้นหรือ ถ้าให้ข้าเดาคงไม่พ้นคุณมนแน่ๆ! ใช่ไหมวะ! ติณณภพมองหน้าผู้เป็นเพื่อนด้วยแววตารู้ทัน
อย่ามาทำเป็นรู้ดีหน่อยเลย ข้าไม่ได้คิดถึงผู้หญิงคนนั้นซะหน่อย ขณะที่ตอบก็เสมองไปทางอื่นเสีย จนผู้ที่นั่งอยู่ตรงโซฟาต้องลุกเดินเข้ามาใกล้ๆพลางหัวเราะต่ำๆ
ขอให้มันจริงเถอะวะ...ทำเป็นปากแข็ง ระวังจะเสียใจเข้าสักวันนะโว้ย!
เสียจงเสียใจอะไรวะ เอ็งนี่ชักพูดไม่รู้เรื่องแล้ว ข้าว่าเอ็งไปทำงานได้แล้ว...เดี๋ยวงานมันจะไม่คืบหน้าเปล่าๆ
ได้ทีไล่เพื่อนเลยหรือวะ สงสัยคงอยากอยู่กับคุณมนสองต่อสองแน่ๆ พูดจบก็ไม่รอให้โดนเจ้าของบ้านปล่อยหมัดใส่หน้าก็รีบเดินจากไปทันทีโดยทิ้งเสียงหัวเราะก้องอย่างขบขันให้ผู้เป็นเพื่อนได้แต่ตะโกนตามหลังอย่างเอาเรื่อง
ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้ภพ!
อย่าฝากไว้นานนะโว้ย รีบๆเอาคืนซะล่ะ แม้ตัวจะเดินไปไกลแล้วแต่เสียงแว่วๆยังคงเล็ดลอดมาให้ได้ยินจนชายหนุ่มต้องส่ายหน้าอย่างระอา
มือแข็งแรงค่อยๆเอื้อมไปเปิดลิ้นชักโต๊ะอย่างช้าๆ แล้วหยิบภาพถ่ายใบหนึ่งที่วางอยู่ข้างในขึ้นมา ภาพนั้นเป็นหญิงสาวในชุดแซ็คสีชมพูอ่อนมีสูทสีขาวพอดีตัวสวมทับกำลังนั่งรับประทานอาหารในภัตตาคารแห่งหนึ่ง ภูมิบดินทร์จ้องมองด้วยแววตาพราวระยับ....รอยยิ้มน้อยๆค่อยๆระบายบนใบหน้า...
..เขาเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าลูกแมวตัวน้อยๆของเขาน่ารักขนาดไหน ไอ้สุริยันต์มันถึงอยากได้นักหนา.... ชายหนุ่มครุ่นคิดอย่างสะใจ
...ป่านนี้มันคงแทบกระอักเลือดที่เขาแย่งของที่มันหมายปองมาได้!....
แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 48 15:28:45
แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 48 15:26:39
แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 48 15:20:55
แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 48 15:14:02
แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 48 15:09:31
จากคุณ :
พราวตะวัน
- [
28 ส.ค. 48 08:51:45
]