CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    สุดเสน่หา ตอนที่ 2

    สายลมและแสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านม่านบางๆเข้ามายังห้องนอนขนาดใหญ่   ร่างบางที่หลับอย่างสบายภายใต้ผ้าห่มอุ่นขยับตัวเล็กน้อย  เปลือกตาเคลื่อนๆไหวไปมาก่อนเปิดออกช้าๆ  มนปรียากระพริบตาถี่ๆเพื่อให้ชินกับแสงสว่างยามเช้า   หญิงสาวรับรู้อย่างเลือนรางว่าเธอกำลังอยู่บนเตียง   ผิดจากเมื่อคืนที่เธอจงใจนอนตรงโซฟาข้างเตียง  แล้วเธอมานอนบนนี้ได้อย่างไร....คิ้วบางขมวดมุ่นพลางก้มลงสำรวจตัวเองเมื่อเห็นว่าเสื้อผ้าทุกชิ้นยังอยู่ครบเป็นปกติจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

    ...เขายังไม่ได้ทำอะไรเธอ.... มนปรียารู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อยๆ  นับว่าเขายังใจดีกับเธออยู่บ้าง....ดูๆแล้วเขาคงไม่ใช่คนใจร้ายอย่างที่ใครๆร่ำลือหรอกกระมัง   พวกนักหนังสือพิมพ์มักเขียนข่าวที่ไม่เป็นความจริงเสมอ....บางทีเธออาจมีอคติกับเขามากเกินไป...เขาคงไม่ใช่คนเลวร้ายนัก ไม่งั้นผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างเธอคงไม่รอดพ้นเงื้อมมือเขามาจนป่านนี้อย่างแน่นอน  เมื่อรู้สึกสบายใจขึ้นแล้ว  มนปรียาจึงเหลือบมองนาฬิกาข้างเตียง  พบว่ามันเป็นเวลาเจ็ดโมงเช้าแล้ว  หญิงสาวจึงกระวีกระวาดลุกจากเตียงแล้วอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็ว  เนื่องด้วยรู้จากแม่นิ่มว่าภูมิบดินทร์ทานอาหารเช้าในเวลาเจ็ดโมงสิบห้า   ร่างบางไม่รีรอเลยที่จะกระโจนเข้าห้องน้ำในทันที  ถึงแม้เจ้าตัวจะเบาใจว่าชายหนุ่มเจ้าของบ้านจะไม่ใช่คนเลวร้าย แต่ใครจะรับประกันได้ว่าเวลาไม่พอใจขึ้นมา เขาอาจเปลี่ยนไปเป็นคนละคนก็เป็นได้   ของอย่างนี้กันไว้ก่อนดีกว่าแก้ไม่ใช่หรือ!

    หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จมนปรียาก็กระหืดกระหอบวิ่งลงบันไดมายังห้องอาหารอย่างรวดเร็วเพื่อให้ทันเวลา   ทันทีที่ก้าวเข้ามายังห้องอาหารขนาดใหญ่ที่อยู่ทางปีกซ้ายของตัวบ้านนั้น เธอพบว่าผู้เป็นเจ้าของบ้านนั่งรออยู่แล้ว   นัยน์ตาดำสนิทหันมาจับจ้องเธอแทบจะในทันทีที่ร่างบางสาวเท้าเข้าไป   หญิงสาวก้าวเข้าไปอย่างกล้าๆกลัวๆ  เธอสังเกตเห็นว่าทางด้านขวาของภูมิบดินทร์นั้นมีชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่นั่งอยู่ด้วย   จากที่สำรวจดูคร่าวๆเธอพบว่า  เขาจัดได้ว่าเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีทีเดียว  ใบหน้าขาวๆ คิ้วเข้มรับกับจมูกโด่งเป็นสันรวมถึงดวงตายาวรีพราวระยับดูเหมือนเป็นจุดเด่นที่คงสะกดให้ผู้หญิงหลายต่อหลายคนเผลอตัวเผลอใจหลงรักเขาเข้าเต็มเปา  

    “เข้ามานั่งสิคุณ  หยุดยืนอยู่ทำไมล่ะ” ชายหนุ่มเจ้าของบ้านที่นั่งอยู่หัวโต๊ะเอ่ยเสียงดังจนหญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย  ก่อนค่อยๆก้าวเข้ามานั่งทางฝั่งซ้ายของเขา   ภูมิบดินทร์ยกนาฬิกาขึ้นมาดู แล้วเอ่ยอย่างตำหนิกลายๆ

    “คุณสายไปสามนาทีรู้ไหม” ใบหน้านวลตวัดสายตาขึ้นมองเขาด้วยสายตาหมั่นไส้

    ....แค่สามนาทีเท่านั้น   ทำไมต้องทำวางอำนาจดุใส่เธอด้วยก็ไม่รู้!....

    “เอาน่าไอ้ภูมิ  ไม่เห็นจำเป็นต้องตรงเวลาขนาดนั้นเลยนี่หว่า” ผู้ชายที่เธอสำรวจอยู่ในใจเงียบๆเมื่อครู่เอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ   เมื่อมองใกล้แล้วยิ่งเห็นชัดว่าเขาคนนั้นหน้าตาดีเทียบเท่าพระเอกชื่อดังของเมืองไทยหลายๆคนเสียด้วยซ้ำ!  

    “สวัสดีครับคุณมนปรียา  ผมติณณภพครับ” ชายหนุ่มเอ่ยแนะนำตัวกับหญิงสาวที่ทำหน้าฉงนเล็กน้อยเมื่อรับรู้ว่าเขารู้จักชื่อเธอด้วย  เธอจึงเหลือบสายตาไปมองภูมิบดินทร์แวบหนึ่งแล้วจึงหันมากล่าวทักทายติณณภพอย่างเป็นมิตร

    “สวัสดีค่ะ  ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” หญิงสาวส่งรอยยิ้มอ่อนหวานไปให้  ไม่แพ้ชายหนุ่มเช่นกันที่จงใจส่งสายตาแพรวพราวมาให้เธอ

    “แนะนำตัวกันพอหรือยังวะไอ้ภพ  ข้าหิวข้าวแล้ว!” เสียงห้วนสั้นของผู้เป็นเพื่อนสนิทรวมทั้งใบหน้าบูดบึ้งแสดงความไม่พอใจอย่างหนักนั้น ทำให้ติณณภพถึงกับหัวเราะพรืดออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่  จึงทำให้ได้รับสายตาคาดโทษจากภูมิบดินทร์กลับมา  

    “หัวเราะอะไรวะ   ทานข้าวได้แล้ว  คุณก็ด้วยมนปรียา  วันนี้คุณมาสายสามนาที  พรุ่งนี้อย่าให้สายอีกแล้วกัน!” เขาหันมาสั่งเธอเสียงเข้มก่อนกระแทกช้อนส้อมเป็นการระบายอารมณ์แล้วลงมือทานอาหารด้วยหน้าตาบูดบึ้งราวกับไปกินรังแตนที่ไหนมา   ใบหน้านั้นทำให้ติณณภพต้องนั่งมองอย่างขบขัน   ผิดกับมนปรียาที่ยังรู้สึกงงๆเมื่อจู่ๆภูมิบดินทร์ก็โมโหขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล!
     
    หลังจากทานอาหารเช้ากันเงียบๆอยู่ครู่หนึ่ง  ภูมิบดินทร์ก็เป็นฝ่ายเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมาก่อนว่า

    “วันนี้คุณอยากไปเที่ยวไหนไหม”

    “ไม่อยากค่ะ  แต่ฉันอยากไปทำงานมากกว่า”มนปรียาเอ่ยเสียงอ่อยๆด้วยรูว่ายังไงเขาคงไม่ยอมให้เธอไปทำงานแน่ๆ  และก็เป็นจริงดังคาดเมื่อเสียงห้าวๆพูดห้วนสั้นว่า

    “ไม่ได้! ยังไงผมก็ไม่ยอมให้คุณไปทำงานแน่ๆ”

    “แล้วจะให้ฉันอยู่เฉยๆหรือคะ  เบื่อแย่!” เธอส่งสายตาอ้อนวอนไปให้ชายหนุ่ม  

    “ถ้าเบื่อก็ไปหาหนังสืออ่านที่ห้องหนังสือสิคุณ  หรือไม่ก็ว่างๆผมจะพาไปเที่ยว”แม้น้ำเสียงที่เอ่ยจะเรียบเฉย  แต่มนปรียากลับสังเกตเห็นแววตาอ่อนโยนจากนัยน์ตาสีดำสนิทคู่นั้น  ทว่ามันก็ปรากฏเพียงครู่เดียว  ครู่เดียวเท่านั้นจริงๆ!  จนเธอคิดว่าตัวเองคงตาฝาดไป....

    จากนั้นต่างคนก็ต่างทานอาหารตรงหน้าเงียบๆ จนอิ่มกันเรียบร้อยแล้วผู้เป็นเจ้าของบ้านจึงเปรยออกมาเบาๆว่า

    “เช้านี้ว่างๆคุณลองเข้าไปอ่านหนังสือในห้องหนังสือของผมไปพลางๆก่อนแล้วตอนบ่ายผมจะพาคุณออกไปข้างนอก” พูดจบก็หันไปชวนติณณภพที่นั่งมองอยู่เงียบๆ  

    “ไป!ไอ้ภพ  ไปคุยกันที่ห้องทำงาน” เมื่อเห็นเพื่อนสนิทเดินจากไปแล้ว ติณณภพจึงหันมาเอ่ยลากับมนปรียาพร้อมกับกระซิบเบาๆอย่างขบขันว่า

    “ไอ้ภูมิมันอารมณ์แปรปรวนแบบนี้บ่อยๆเป็นปกติครับ ยังไงก็ช่วยๆดูมันหน่อยแล้วกัน ผมกลัวว่าเดี๋ยวเกิดอารมณ์มันปุบปับขึ้นมา เส้นเลือดในสมองมันจะแตกไปเสียก่อนทันได้แต่งงานน่ะครับ” พูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็เดินจากไปปล่อยให้หญิงสาวมองตามไปอย่างงงๆที่เขาพูดอะไรแปลกๆ...  ตอนนี้เธอชักสงสัยเสียแล้วว่าเขามีคนรักอยู่หรือเปล่า...แน่ล่ะว่าต้องมี ในเมื่อเธอมักได้ยินข่าวเขาไปไหนมาไหนกับผู้หญิงอยู่เสมอๆนี่นา....เนื้อหอมในหมู่สาวๆแบบนี้คงเจ้าชู้น่าดู  มนปรียาครุ่นคิดในใจก่อนเดินไปยังห้องหนังสือที่อยู่บนชั้นสองอย่างที่ภูมิบดินทร์บอกอย่างว่าง่าย  


    ห้องทำงานของภูมิบดินทร์อยู่ทางปีกขวาของตัวบ้าน    ภูมิบดินทร์เดินนำติณณภพเข้าไปนั่งตรงเก้าอี้ตัวใหญ่หนานุ่มหลังโต๊ะทำงานสีดำ   ข้างๆฝาผนังทางด้านขวาเป็นโซฟาสีน้ำตาลตัวใหญ่สำหรับนั่งพักผ่อนยามเครียดจากการทำงาน  ชายหนุ่มเจ้าของบ้านเอ่ยถามขึ้นทันทีหลังจากนั่งลงเรียบร้อยด้วยเสียงเครียดๆ

    “ไอ้สุริยันต์มันเก็บตัวเงียบเลยว่ะ ไม่รู้มันกำลังวางแผนอะไรอยู่”

    “นั่นสิวะ  ข้าว่าเอ็งระวังตัวไว้หน่อยก็ดี  มันจ้องเล่นงานเอ็งแน่ๆ” ติณณภพมองเพื่อนสนิทอย่างเป็นห่วง  ....เรื่องบาดหมางเก่าๆยังไม่จบดันมีก็ดันหาเรื่องใส่ตัวอีก....ไอ้ภูมิเอ๊ย...คราวนี้ไอ้พวกนั้นมันคงแทบกระอักเลือด! ร่างสูงเดินเข้ามานั่งตรงโซฟาแล้วถามอย่างกังวลว่า

    “เอ็งจะทำไงต่อวะ”

    “ก็ไม่เห็นต้องทำอะไรเลยนี่หว่า  ข้าก็อยู่ของข้า ไอ้พวกนั้นทำอะไรข้าง่ายๆไม่ได้หรอก” ภูมิบดินทร์เอ่ยด้วยท่าทางมั่นใจว่าจะรับมือกับเรื่องนี้ได้

    “ว่าแต่เอ็งเถอะ  ไปสืบหาข้อมูลจับไอ้สุริยันต์มันก็ระวังตัวหน่อยนะโว้ย  ไอ้พวกนี้มันฉลาดเป็นกรด!”

    “ฝีมือระดับนี้แล้วไม่พลาดง่ายๆหรอกโว้ย!  ข้าน่ะยศพันตรีแล้วนา  ฝีมือมันต้องพัฒนาตามยศสิวะ ” ชายหนุ่มผู้มีผิวขาวกว่าเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ  

    “ข้ารู้...ว่าเอ็งเก่ง  แต่ข้าไม่อยากให้เอ็งประมาทก็เท่านั้น”

    “เอ็งก็ด้วยนะไอ้ภูมิ  อย่าประมาทฝ่ายนั้น...ถ้าเผลอพลาดขึ้นมา มันเอาเอ็งตายแน่!”

    “เออ...เปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่าว่ะ  มัวแต่ห่วงกันไปห่วงกันมาอย่างนี้มีหวังคุยกันไม่ถึงไหน” ชายหนุ่มส่ายหน้าน้อยๆพลางหัวเราะเสียงต่ำ   เขารู้ว่าติณณภพเพื่อนสนิทตั้งแต่เด็กของเขาเป็นห่วงเขามากแค่ไหน  ....เขาจำได้ยามเป็นเด็ก  เคยถูกพวกอันธพาลรุม..แต่ยังร่วมมือกันสู้เสียจนสะบักสะบอมไปตามๆกัน  จากวันนั้นเขาจึงถือไอ้ภพเป็นเพื่อนตายเสมอมา....  

    แต่แปลกที่เมื่อโตขึ้น  เขากลับต้องมาคุมบ่อนคาสิโนที่ตกทอดมาจากผู้เป็นพ่อ...ถึงมันจะเป็นบ่อนที่ถูกกฎหมายก็เถอะ  แต่มันคงดูไม่ดีนักเมื่อเทียบกับติณณภพที่ได้เป็นตำรวจสมใจอยาก  นอกจากบ่อนคาสิโนแล้วยังมีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อีกหลายอย่างที่พ่อเขาสร้างขึ้นมากับมือ ธุรกิจทั้งหมดเจริญรุ่งเรืองจนพ่อเขาจึงได้รับการขนานนามให้เป็นเจ้าพ่อคนหนึ่งของเมืองไทย   และเมื่อครั้งที่พ่อและแม่ของเขาจากไปเมื่อ 20 ปีก่อนด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์  เขา...ผู้เป็นทายาทเพียงคนเดียวจึงได้รับมรดกตกทอดมาทั้งหมด  ด้วยความสามารถนี่เองทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น  จนใครๆต่างถือว่าเขาเป็นเจ้าพ่อกลายๆ  ไม่เพียงแค่ธุรกิจต่างๆเท่านั้นที่ตกทอดมาถึงเขา  ความบาดหมางในการเป็นคู่แข่งกันระหว่างตระกูลพิทักษ์เดชาและตระกูลตันติโกศลของพวกสุริยันต์ยังตกมาถึงรุ่นเขาด้วย! แถมยังดูหนักยิ่งกว่าเดิมเสียอีก!... เมื่อตระกูลตันติโกศลผู้ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เช่นเดียวกับเขา แต่ในมุมมืดกลับแอบแฝงธุรกิจผิดกฎหมาย  ทั้งค้ายาบ้า  ค้าอาวุธเถื่อน  และค้าผู้หญิง! เขาที่รู้ความเคลื่อนไหวของพวกมันดีจึงจ้องจับพวกมันเข้าคุกจนเกิดเป็นการจองล้างจองผลาญกันไม่สิ้นสุด!

    “ไอ้ภูมิ! คิดอะไรอยู่วะ  ข้าเรียกตั้งนานเอ็งไม่ได้ยินหรือไง” เสียงตะโกนของติณณภพทำให้ชายหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อย

    “ขอโทษว่ะไอ้ภพ  ข้าคิดอะไรเพลินไปหน่อย”

    “คิดอะไรเพลินๆงั้นหรือ  ถ้าให้ข้าเดาคงไม่พ้นคุณมนแน่ๆ! ใช่ไหมวะ!” ติณณภพมองหน้าผู้เป็นเพื่อนด้วยแววตารู้ทัน

    “อย่ามาทำเป็นรู้ดีหน่อยเลย   ข้าไม่ได้คิดถึงผู้หญิงคนนั้นซะหน่อย” ขณะที่ตอบก็เสมองไปทางอื่นเสีย  จนผู้ที่นั่งอยู่ตรงโซฟาต้องลุกเดินเข้ามาใกล้ๆพลางหัวเราะต่ำๆ

    “ขอให้มันจริงเถอะวะ...ทำเป็นปากแข็ง ระวังจะเสียใจเข้าสักวันนะโว้ย!”

    “เสียจงเสียใจอะไรวะ เอ็งนี่ชักพูดไม่รู้เรื่องแล้ว  ข้าว่าเอ็งไปทำงานได้แล้ว...เดี๋ยวงานมันจะไม่คืบหน้าเปล่าๆ”

    “ได้ทีไล่เพื่อนเลยหรือวะ  สงสัยคงอยากอยู่กับคุณมนสองต่อสองแน่ๆ” พูดจบก็ไม่รอให้โดนเจ้าของบ้านปล่อยหมัดใส่หน้าก็รีบเดินจากไปทันทีโดยทิ้งเสียงหัวเราะก้องอย่างขบขันให้ผู้เป็นเพื่อนได้แต่ตะโกนตามหลังอย่างเอาเรื่อง

    “ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้ภพ!”

    “อย่าฝากไว้นานนะโว้ย  รีบๆเอาคืนซะล่ะ” แม้ตัวจะเดินไปไกลแล้วแต่เสียงแว่วๆยังคงเล็ดลอดมาให้ได้ยินจนชายหนุ่มต้องส่ายหน้าอย่างระอา  

    มือแข็งแรงค่อยๆเอื้อมไปเปิดลิ้นชักโต๊ะอย่างช้าๆ  แล้วหยิบภาพถ่ายใบหนึ่งที่วางอยู่ข้างในขึ้นมา  ภาพนั้นเป็นหญิงสาวในชุดแซ็คสีชมพูอ่อนมีสูทสีขาวพอดีตัวสวมทับกำลังนั่งรับประทานอาหารในภัตตาคารแห่งหนึ่ง   ภูมิบดินทร์จ้องมองด้วยแววตาพราวระยับ....รอยยิ้มน้อยๆค่อยๆระบายบนใบหน้า...

    ..เขาเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าลูกแมวตัวน้อยๆของเขาน่ารักขนาดไหน ไอ้สุริยันต์มันถึงอยากได้นักหนา.... ชายหนุ่มครุ่นคิดอย่างสะใจ

    ...ป่านนี้มันคงแทบกระอักเลือดที่เขาแย่งของที่มันหมายปองมาได้!....

    แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 48 15:28:45

    แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 48 15:26:39

    แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 48 15:20:55

    แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 48 15:14:02

    แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 48 15:09:31

    จากคุณ : พราวตะวัน - [ 28 ส.ค. 48 08:51:45 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป