CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    เรื่องสั้นคั่นเวลา : หนี้กรรม หนี้รัก หนี้หัวใจ

    วันนี้ว่างหลังจากแก้นิยายเสร็จเรียบร้อย เลยเข็นเรื่องสั้น
    ที่เขียนค้างเอาไว้ออกมา
    นานแล้วค่ะที่ไม่ได้เขียนเรื่องสั้นอย่างนี้
    วันนั้นรู้สึกเศร้าๆ เลยได้เรื่องนี้มา
    อารมณ์ของเรื่องเป็นคนละแนวกับเรื่องนิยายรัก 'จำลอง'
    ชนิดที่เรียกได้ว่าหน้ามือกับหลังมือเลยนะคะ
    อ่านแล้วเป็นอย่างไรกันบ้างติชมกันหน่อยนะค ^^
    * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

    หนี้กรรม หนี้รัก หนี้หัวใจ

    ๑.
    รู้ทั้งรู้...ความรักที่เฝ้าถวิลหาและไขว่คว้า
    ไม่มีวันที่จะได้มาครอบครอง
    รู้ทั้งรู้...สิ่งที่คิดสิ่งที่หวัง ก็เป็นได้แค่ฝัน
    แต่ทำอย่างไร...ทำอย่างไรเมื่อใจมันรักไปแล้ว
    รัก...น่าแปลกนัก สิ่งที่มีอานุภาพที่สุด
    แต่ทำไมหนอ...ทำไมมันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน
    หัวใจบีบคั้น ว่างโหวง ราวไร้ตัวตน
    แต่เปล่า...เปล่าเลย ฉันยังมีชีวิตอยู่
    แม้ปรารถนาความตายยิ่งกว่าสิ่งใด

    คุณอาจจะว่าฉันช่างโง่เง่าสิ้นดี
    โง่เง่าที่เมื่อพ่ายรักก็กลับคิดบั่นชีวิตตัวเอง
    แต่ถ้าหากคุณเคยรัก
    แม้เพียงสักครึ่งหนึ่งของความรักอันน้อยนิดของฉัน
    คุณจะรู้...อานุภาพแห่งรักนั้นมากมายนัก

    เปรียบฉันก็เหมือนคนที่ตายไปแล้ว
    เพราะแม้ยังมีลมหายใจ
    แต่ชีวิตฉันก็เหมือนว่ายวนอยู่ในเพลิงกรรม
    คนอย่างฉัน...เป็นคนบาป แม้ไม่ตาย
    ไฟนรกก็เผาผลาญหัวใจจนมอดไหม้
    และจำจองวิญญาณเอาไว้ในร่าง
    ที่ยังมีลมหายใจเพื่อให้ฉันทรมานอย่างแสนสาหัส
    ความตาย...แม้ปรารถนา ก็มิอาจได้รับ
    คนบาปอย่างฉัน ต้องมีชีวิตอยู่เพื่อ...ชดใช้
    หนี้กรรมที่ฉันทำไว้ชดใช้ด้วยชีวิตก็คงไม่หมด
    หนี้กรรม หนี้รัก หนี้หัวใจ มันพันผูกเราเอาไว้ด้วยกัน
    ฉันต้องชดใช้หนี้กรรม แต่ฉันเชื่อเหลือเกินว่า
    เขาก็มีหนี้หัวใจที่ต้องชดใช้ให้ฉัน
    เราต่างก็เป็นหนี้ซึ่งกันและกัน

    ๒ .
    ร่างเล็กบางนั่งชันเข่า กอดขาเอาไว้หลวมๆ
    ด้วยสองแขนที่ผอมจนเห็นกระดูกมีเนื้อหุ้มเพียงนิดเดียว
    อาการโยกอย่างช้าๆ เหมือนเจ้าตัวจะอยู่ในภวังค์ความคิดอันล่องลอยไปไกลแสนไกล
    ใบหน้าที่ซบกับแขนเอียงข้างมองเหม่อไร้จุดหมาย
    ผมยาวที่สยายยุ่งเหยิงระหน้าระตา
    มีแววว่าครั้งหนึ่งมันคงงดงาม
    และได้รับการดูแลเอาใจใส่จากเจ้าของอย่างเต็มที่
    เพราะแม้จะพันกันยุ่งอย่างนั้น
    ก็ยังเหลือประกายแวววาวทอให้เห็น

    น้ำตาลูกผู้ชายอย่างผมแทบจะเอ่อล้น
    ผมสารภาพอย่างไม่อายเลยทีเดียวว่า
    ผู้ชายอย่างผมอยากร้องไห้
    ผู้หญิงคนนั้นที่นั่งเหมือนไร้ชีวิตในห้องแคบๆ ห้องนั้น
    คือผู้หญิงที่ผมรักอย่างสุดจิตสุดใจ
    ชีวิตที่เคยสวยสดงดงามของเธอต้องอับปางในวันหนึ่ง

    เพราะรักเป็นพิษ !

    “เธอมีโอกาสจะหายมั้ยครับ ? “

    ผมถามทั้งที่รู้คำตอบดี

    ...ให้เธอเป็นอย่างที่เป็นอยู่นี้ คงจะดีที่สุด ...

    “คุณก็รู้เหมือนที่หมอรู้ ถึงหาย
    ก็คงจะไม่เป็นประโยชน์กับตัวเธอนักหรอก”

    ผมยิ้มอ่อนๆ ยอมรับพลางโคลงศีรษะช้าๆ
    ลมหายใจที่ทอดถอนละม้ายจะระบายความอัดอั้น
    ที่สั่งสมภายใน

    “ครับ ผมรู้ ให้เธอเป็นอย่างนี้ คงจะดีเสียกว่า”

    อาการตบเบาๆ ที่ไหล่อย่างปลอบโยนและให้กำลังใจ
    ทำให้ผมเบือนหน้าจากร่างเล็กบาง
    มามองนายแพทย์ที่ยืนเยื้องไปทางด้านหลัง

    “ผมฝากเธอด้วยนะครับ คงต้องกลับแล้ว”

    ผมฝากฝังและไหว้ลา หันหลังจะเดินกลับ
    ทว่าเสียงทุบประตูจากด้านในห้องเล็กแคบนั้น
    ทำให้ต้องหันกลับมาดูด้วยความตกใจระคนแปลกใจ

    จากช่องกระจกสี่เหลี่ยมเล็กๆ ดวงหน้าผอมซูบ ซีดเซียว
    จนเห็นโหนกแก้มสูงอยู่ใกล้เพียงกระจกกั้น
    ดวงตาโตดำจัดแต่ไร้แววมองมาตรงแน่ว
    ปากบางแห้งแตกขมุบขมิบ
    เหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง
    คำพูดที่ไร้เสียงให้ได้ยิน

    ผมเขม้นมองริมฝีปากคู่นั้น
    เผยอคำพูดออกมาเป็นคำๆ
    ช้า...นาน...
    กว่าความหมายที่อ่านจากปากจะถูกถอดออกมา
    แต่นั่นยังไม่เท่าระยะทางที่มันเดินทางสู่ส่วนการรับรู้
    จนสุดท้ายมาหยุดที่หัวใจ

    ...ฉัน...ขอ...โทษ...

    ผมกำมือเข้าหากันแน่น ริมฝีปากเม้มจนเป็นเส้นตรง
    ตรงขมับทั้งสองข้างเส้นเลือดปูนออกมาอย่างเด่นชัด
    ผมจ้องมองดวงหน้าซีดเซียว
    นัยตาไร้แววคู่นั้นจ้องมองผม
    อะไรบางอย่างดึงดูดให้ผมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้น
    คล้ายประตูสู่ความคิดอีกฝ่ายเปิดออก

    ดวงใจที่แตกเป็นเสี่ยงๆ
    มีความร้าวราน และความโศกเศร้า
    มีความอ้างว้าง โดดเดี่ยว
    มีความหวาดหวั่น หวาดกลัว
    และสิ่งสุดท้ายที่ผมเห็น...ความรัก

    “ไม่ต้องตกใจครับ คงถึงเวลาต้องให้ยา”

    “แต่...เมื่อครู่เธอพูดกับผม เธอพูดกับผมนะครับ”

    “เป็นธรรมดาครับ เธอพูดกับคุณ
    แต่เธอไม่ได้รับรู้ว่าคุณเป็นใคร
    คล้ายความจำหรือสิ่งฝังใจบางอย่าง
    มันเคลื่อนเข้ามาสู่ความทรงจำ เธอจึงพูดอะไรออกมา”

    “หมอครับ จริงๆ เธอพูดกับผม เธอบอกว่า...ขอโทษ”

    น้ำเสียงของผมแหบโหย นายแพทย์ตบบ่าผมอีกครั้ง
    อย่างคนที่เข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นเป็นอย่างดี
    การจะทำใจให้ยอมรับว่า
    คนที่รักไม่สามารถกลับมาเหมือนเดิมได้แล้วนั้น
    เป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง

    “คุณกลับบ้านเถอะ หมอสัญญาจะดูแลเธอเป็นอย่างดี”

    ผมนิ่งงัน
    ดวงตายังคงจ้องมองภาพของคนที่อยู่ในห้อง
    ร่างบางกรีดเสียงร่ำร้องไห้อย่างโหยหวน
    คราวนี้ผมกลับได้ยินอย่างถนัดถนี่
    เหมือนมันจะดังทะลุไปถึงหัวใจทีเดียว
    ผมหลับตาลงอย่างยากเย็น
    ตัดใจจากภาพตรงหน้า
    ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับออกไปช้าๆ
    เท้าสองข้างหนักอึ้งราวถ่วงไว้ด้วยหินก้อนใหญ่

    (มีต่อค่ะ)

    แก้ไขเมื่อ 29 ส.ค. 48 15:02:07

    แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 48 23:18:11

    จากคุณ : คีตาญชลี - [ 28 ส.ค. 48 22:09:10 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป