ติ๊ด ติ๊ด
โทรศัพท์ของเจติยาดังขึ้น เธอรับสายด้วยความมึนงง เพราะคนที่โทรมาเป็นคนที่เธอไม่ได้คุยด้วยมานานพอสมควร ซึ่งเธอเองยังแปลกใจมากที่เขาโทรมา
โทรมามีอะไรรึเปล่า เธอพูดขึ้น ด้วยเสียงงังเงีย เพราะเพิ่งตื่น
ปลายสายเงียบ ไปสักพัก ก่อนที่จะกรอกเสียงพูดกลับมา อย่างแหบแห้ง
เจ สบายดีไหม ไม่ได้คุยกันนานเลยนะ
สบายดี มีธุระอะไรรึเปล่าค่ะ ถ้าไม่มีแค่นี้แล้วกัน ดึกแล้ว เธอพอเสียงเรียบอย่าหงุดหงิดที่มาขัดเวลานอนของเธอ
เดี่ยวสิ ยังไม่หลับไม่ใช่หรอ คุยก่อนสิ หญิงสาวยังคงฟังเสียงของเขาต่อไปเรื่อยๆ อย่าขัดใจ
เจยังชอบพี่อยู่อีก รึเปล่า เขาพูดขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เธอรับฟังอย่างสงบเงียบและไม่สนใจเท่าไร เพราะลมปากผู้ชายจะพูดอะไรก็ได้ไม่คิดหน้าคิดหลังอะไร บวกกัยความง่วงของเธอ
ทำไม ถามเรื่องไม่เป็นเรื่อง ถ้าอยากรู้ก็จะตอบให้ จะได้ไปนอนซะที่ง่วงนะรู้ไหม เธอพูด เพราะเวลานี้เกือบจะเที่ยงคืนกว่าแล้ว
เจก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เจก็เป็นห่วงเวลาที่พี่ชรัลไม่สบาย อยากอยู่ข้างๆตอนที่พี่มีเรื่องไม่สบายใจ เท่านั้นเอง เธอตอบ แล้วหาว
แค่นั้นเองหรอ เขาพูดช้าๆ อย่างใช้ความคิด พี่อยากจะถามว่า ถ้าเรามาเป็นแฟนกันจะดีไหม
ความอ้ำอึ้งของเธอ ทำให้เขาไม่อยากจะเอาคำตอบเท่าไร
ทำใจลืม ผู้หญิงทุกคนได้แล้วหรอ เธอถาม ตอนนี้ตาของเธอเริ่มสว่างแล้ว เขาตอบกลับทันควัน
ไม่ใช่ว่าจะคบเป็นแฟน แค่สมมุติเฉยๆ เขาพูดช้าๆ
แค่นี้ใช่ไหม งั้นก็ไม่มีคำตอบให้หรอก แค่นี้แล้วกัน พรุ่งนี้มีเรียนเช้า
เธอจบการสนทนาไว้แค่นั้น แล้วหลับตานอน เธอพยายามไม่คิดถึงคำพูดของเขาเท่าไรนัก เพราะได้ฟังคำพูดของเขาแบบนี้มาบ่อยครั้ง จนเธอเองเจ็บ เจ็บจนหายไปแล้ว และเธอคงต้องยอมรับว่ามันเป็นไปไม่ได้เลย
เช้าวันรุ่งขึ้น เธอตื่นขึ้นมาอย่างไม่ค่อยสดชื่นเท่าไร คงเป็นเพราะเมื่อคืนที่คุยกับเขา ถึงแม้อากาศยามเช้าจะสดใสแค่ไหน แต่ตอนนี้เธอเองกลับหม่นหมองกว่าที่ควรจะเป็น เธอไปเรียนตามปกติ แต่ความรู้สึกและท่าทางของเธอเองไม่ปกติเท่าไรขนาด เก๋เพื่อนสนิทของเธอยังสังเกตได้ แต่เพราะรู้นิสัยกันดีเธอจึงไม่ถามอะไร และวันนี้ตอนเลิกเรียน 2 สาวได้นัดกันไว้ว่าจะไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
เจ วันนี้เดี่ยวเราไปดูรองเท้ากันนะ เราอยากได้รองเท้าใหม่สักคู่ เพื่อนสนิทของเธอบอกในขณะที่เดินไปยังที่จอดรถของคณะ
เอาสิ เราเล็งไว้หลายคู่แล้วเหมือนกัน
เจติยากับเกตสลิน ตรงไปยังห้างหรูกลางใจเมือง เจติยาเดินเลือกซื้อของกับเพื่อนของเธอ จนเวลาล่วงไปเกือบจะ 1ทุ่ม พวกเธอจึงตกลงที่จะไปทานอาหารญี่ปุ่นในบริเวณนั้น ซึ่งบังเอิญกับที่ชลันทรก็มาทานอาหารกับเพื่อนของเขาเหมือนกัน เมื่อชลันทรเห็นเจติยา เขาจึงเดินไปยังโต๊ะของเธอทันที โดยให้เหตุผลเพื่อนของเขาว่าเจอคนรู้จัก
อ้าวเจ มาทานข้าวกันหรอ เขาเอ่ยถามออกมาด้วยเสียงที่ดังกังวานสดใส
ค่ะ พี่ลัน พี่ลันมากับเพื่อนของหรอค่ะ เธอถามกลับอย่างเป็นปกติ
จ๊ะ ถ้าไม่รังเกียจ วันนี้พี่ขอเป็นเจ้ามือเลี้ยง เจและเพื่อนเจแล้วกันนะค่ะ เขาถาม แล้วทรุดตัวนั่เก้าอี้ตัวที่ติดกับเธอ
นี้เพื่อนของเธอค่ะ ชื่อว่าเกตสลิน เรียกว่าเก๋ก็ได้ค่ะ เจติยาพูดแนะนำเพื่อนของหล่อน
สวัสดีครับ น้องเก๋ ทำไมพี่ไม่เคยเป็นน้องเก๋ที่คณะเลยละครับ เขาถามเพื่อนสาวของเธอ
พอดีเก๋ คงไม่ใช่คนที่น่าสะดุดตามั้งค่ะ พี่ลัน เกตสลินพูดแล้วหัวเราะ ชลันทรยิ้มรับ
พี่ว่าเดี่ยวสั่งอาหารก่อนแล้วกันนะ ชลันทรรับราการอาหารจากพนักงาน แล้วสั่งอาหารเพิ่มอีก 2-3 อย่าง
พี่ลืมแนะนำไป นี่เพื่อนพี่ชื่อกันติทัต เพิ่งกลับมาจากอังกฤษ กันติทัตยิ้มให้ทั้ง 2 สาว ลักษณะของเขาคล้ายๆกับ ชลันทร ต่างกันก็คงเป็นความสุภาพ ของเขาที่มีอยู่มากกว่า ชลันทร
พวกเขานั่งทานอาหารด้วยกันเกือบ 3 ชั่วโมง พวกเขานั่งคุยเรื่องสัพเพเหระต่างๆ ตั้งแต่เรื่องเรียน จนไปถึงเรื่องส่วนตัวเลยก็ว่าได้ กันติทัตนั้น ให้ความสนใจเจติยาเป็นอย่างมาก เพราะ บุลคลิก ความคิดความอ่านของเธอ ไม่เหมือนกันคนที่เรียน ปี 4 เลย เพราะมันดูโตกว่าอายุเธอ
น้องเจ มีแฟนหรือยังครับ กันติทัตถาม ด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ยังหรอกค่ะ อย่าเจจะมีใครมาชอบละค่ะ เจออกจะบ้าๆ โก๊ะ คงไม่มีใครอยากได้เป็นแฟนหรอกค่ะ เจติยาหัวเราะ เสียงใส ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับชลันทรเป็นอย่างมาก เขาหวงแม้กระทั้งเสียงหัวเราะของเธอ เขาตกใจในความคิดของเขามาก
แสดงว่ายังว่างสิครับ อยากรู้จังว่าใครจะเป็นคนโชคดี ทัตถามเจต่อ
คงโชคร้ายมากกว่าค่ะ ทานอาหารเถอะค่ะ เดี่ยวจะกลับบ้านดึก เจติยาตัดบทสนทนากับกันติทัก ไว้เพียงแค่นั้น
เกตสลินนั้นมองชลันทรด้วยความชื่นชม การได้นั่งคุยกับเขาสักพัก ทำให้เธอมองเขาในแง่มุมที่เปลี่ยนไป แต่การที่เจติยาคุยกับกันติทัต อย่างสนุกสนานก็ทำให้น้ำเสียงและแววตาของชลันทรเปลี่ยนไป เกตสลินมองอยู่ เธอรู้แน่ว่า ชลันทรต้องมีใจให้เพื่อนของเธอ เธอหุบยิ้มไม่ได้กับความคิดของเธอ
พวกเขาแยกกันที่ร้านอาหารโดยที่กันติทัตได้ขอเบอร์โทรศัพท์ของเจติยาไว้ติดต่อ เพื่อจะไว้นัดเจอกัน เธอก็ได้ให้เบอร์ไปอย่างไม่เกี้ยงงอน เพราะเห็นว่ากันติทัตเป็นเหมือนพี่ชายของตนคนหนึ่ง
ขณะที่ชลันทรเดินไปยังที่จอดรถกับกันติทัต ชลันทรสังเกตุว่าเพื่อนของเขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษ จึงแกล้งถามขึ้น
อารมณ์ดีมาจากไหน นายทัต กลับมาตั้งหลายวัน ฉันเพิ่งเห็นแกยิ้มแบบนี้เป็นครั้งแรก
เออ เรื่องของฉัน แต่นายว่าน้องเจน่ารักไหม กันติทัตถามชลันทร
ก็น่ารักดี ทำไมหรอ ชลันทรตอบอย่าสงสัย
ป่าวฉันแค่คิดว่า จะจีบน้องเจเท่านั้นแหละ ถ้านายว่าน้องเขาน่ารักแบบนี้ ฉันว่านายคงไม่ขัดฉันหรอกนะ กันติทัตพูดอย่าปกติ เพราะเขาสนใจเจติยาจริงๆ แต่ชลันทรเองก็รู้ว่าถ้าเพื่อนของเขาพูดแบบนี้คงเอาจริงแน่ เพราะเพื่อนของเขาเป็นคนจริงจัง จนเขาเองก็เกิดความกลัวว่าจะเสียเจติยาไปเหมือนกัน
เมื่อชลันทรแยกกับกันติทัตแล้ว เขารีบขับรถตรงไปยังบ้านของเจติยาทันที เพราะคิดว่าเธอคงจะถึงบ้านแล้ว แต่พอเขาถึงบ้านของเธอ แม่บ้านบอกกับเขาว่า เจติยายังไม่ถึงบ้าน แต่เจติยาโทรมาบอกที่บ้านว่าไปส่งเกตสลินอาจจะกับบ้านช้าหน่อย พอเขาได้ยิดดังนั้น เขาเลือกที่จะไม่รอเจติยา เพราะรู้ว่าเธอไม่ใช่คนเหลวไหล เขาแค่ฝากบอกแม่บ้านของเธอว่า คนมาหาเท่านั้น
กว่าเจติยาจะถึงบ้านก็เกือบจะ 5 ทุ่มแล้ว เธอเดินไปหามารดาที่นั่งรอเธออยู่ที่ห้องนั่งเล่น ก่อนที่จะทรุดตัวลงกอดมารดาอย่างที่ทำทุกวัน เมื่อกลับถึงบ้าน
ทำไม คุณแม่ยังไม่นอนอีกค่ะ เจว่าเจโทรมาบอกแล้วนิค่ะ ว่าวันนี้จะกลับดึกหน่อย เดี่ยวคุณแม่ไม่สบายพี่แจนจะมาว่าเจอีกนะค่ะ เธอพูดถึงพี่สาวของเธอ ที่บุคคลิก ต่างกับเธอมากเพราะพี่สาวของเธอเป็นคนที่ค่อนข้างมั่นใจในตัวเอง แต่เธอนั้น มันจะทำอะไร เปิ่นๆ เวลาที่มีคนมามองเธอ
แอบมานินทาอะไรพี่อีกละ ยายเจ เพิ่งกลับมาถึงบ้านละสิเรา พี่สาวของเธอเดินเข้ามาหามารดาเช่นเดียวกับเจ
ยังไม่ทันได้นินทาอะไรเลย พี่แจนมาซะก่อน ใช่ไหมค่ะแม่ เจหันมาอ้อนแม่ เจนหัวเราะด้วยความที่ไม่รู้จักโตของน้องสาว
ไปอาบน้ำนอนแล้วแล้วยายเจ เดี่ยวพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไม่ใช่หรอเรา เจนไล่น้องของเธอไปข้างบน แล้วพามารดาขึ้นไปพักผ่อนข้างบน
เจติยาเดินเข้าไปห้องของเธอ แล้วทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะนั่งเล่นที่อยู่บริเวณกลางห้องของเธอ ทำให้สามารถมองเห็นรูปที่วางตรงชั้นวางของ ที่มีรูปของเธอกับชลันทรที่ถ่ายด้วยกัน เธอมองด้วยสายตาเศร้าสร้อยแล้ว ลุกไปเปิดวิทยุก่อนที่จะตรงไปอาบน้ำ
สักพัก เธอเดินออกมาเตรียมหนังสือและเอกสารสำหรับใช่เรียนในวันรุ่งขึ้น เสียงเพลงที่ดังออกมาทำให้เธอหันไปสนใจ และเหลือบไปเห็นตุ๊กตาตัวหนึ่งที่ว่างในบนเตียง ตุ๊กตาตัวนั้นยังไม่ได้แกะถุงพลาสติกออกด้วยซ้ำ
เจ็บบ่อยๆค่อยๆชิน แล้วจะทิ้งเมื่อเธอกลับมา
ก็คงต้องแล้วแต่เธอ ใจมันยอมเพราะรักเธอ
พร้อมให้อภัยเสมอ เพราะฉันมันมีแต่เธอเท่านั้นเอง*
เธอฟังเพลงไป เผลอไปคิดถึง คนที่ให้ตุ๊กตาตัวนั้นมา เกือบจะ1 ปีแล้วสินะ ที่เขากับเธอแทบจะไม่เจอกันเลย ไม่ว่าเธอจะหลบหน้าหรือไม่คุยยังไง แต่วันนี้เธอได้พบเขาด้วยความบังเอิญ เพราะตั้งแต่ชลันทรคบกับแฟนของเขา เธอเองก็พยายามหลบหน้า เพราะไม่อยากให้เขารู้ว่าเธอคิดยังไงกับเขา และเขาเองก็ต้องเอาเวลาให้กับแฟน ทำให้เขาไม่ได้สังเกตความเปลี่ยนไปของเธอ จนวันที่ผู้หญิงคนนั้นทิ้งเขาไป ชลันทรจึงกลับมาหาเธอ เธอไม่แน่ใจว่า เขามีจุดประสงค์อะไร กันแน่แต่เธอเองก็ยังดีใจอยู่ลึกๆ ที่เขายังคิดถึงเธอ
เหตุผลที่เขากลับมาเป็นสิ่งที่น่าคิดว่าทำไม แสดงว่าเขามีปัญหาใช่หรือไม่ เพราะเธอนั้นเป็นเพียงแค่ที่ปรึกษาให้เขาเท่านั้น เหนื่อยเหลือเกินกับการคิดหาคำตอบ เธอจะต้องปล่อยให้มันผ่านไป เหมือนเดิมนั้นคือทางเลือกที่เธอเลือกให้กับตัวเอง
เธอนอนหลับไปโดยไม่รู้ว่า ทางด้านชลันทรกำลังนั่งคิดถึงเธออยู่อยากให้เธอมาให้กำลังใจเขาอย่างเมื่อก่อน เขาต้องการเธอมาอยู่ข้างๆเขา นี้คือสิ่งที่เขาไม่สามารถจะปฏิเสธความในใจได้ แต่วิธีที่จะได้เธอกลับคืนมานั้นไม่ได้ง่าย เพราะเขาทราบดีว่า เจติยาเป็นคนที่ไม่ยอมหันหลังกลับ ถ้าเธอคิดจะเดินหน้าแล้ว เขากลัว กลัวที่จะเสียเธอไปจริงๆ
ชลันทรไม่รู้เลยว่า เจติยานั้นเคยชอบเขา จนกระทั้งมีรุ่นน้องโรงเรียนของเธอโทรมาหาเขา บอกให้เขารู้ว่า เจเสียใจแค่ไหนที่เขาไม่สนใจเธอ และทิ้งเธอไปกับแฟนของเขา ถ้าเขารู้ว่าเจติยาชอบเขาเร็วกว่านี้ เขาคงไม่กลับไปหาคนที่เคยทำให้เขาเสียใจ แน่นอน
ทำไม ทำไม เธอยังทำปกติได้ขนาดนั้น เธอไม่ชอบเขาแล้วใช่ไหม คำถามที่เขาถามเธอ เธอยังตอบอย่างเลี่ยง นี้คือโทษที่เขาได้รับใช่ไหม เขาถามตัวเองตลอดเวลา เขาจะไม่ยอมเสียเธอไปอีกแล้ว เขาสาบานกับตัวเอง เขาจะไม่ยอมให้ เจติยาคบกับกันติทัตแน่นอน
ชลันทรรู้ว่าเพื่อนของเขาเป็นคนที่ดี ดีจนเขากลัวว่าถ้า กันติทัตเข้ามาให้ชีวิตของเจติยา เขาคงจะต้องเสียเธอไปแน่นอน ความคิดข้อนี้ของเขา เขายอมให้เกิดขึ้นไม่ได้
ไม่ได้เด็ดขาด!!!!
จบตอนที่1
จากคุณ :
ลาเวนเดอร์
- [
31 ส.ค. 48 21:00:30
A:203.150.96.3 X:203.151.141.193
]