บทที่ 3 บันไดสู่ฝัน
กว่าเราจะก้าวเข้ามาสู่ขั้นสูงสุดของบันไดฝันก็เล่าเอาเหนื่อยแทบขาดใจเหมือนกัน เหนื่อยทั้งกาย เหนื่อยทั้งใจ แต่พอมาถึงวันที่ก้าวข้ามบันไดขั้นสุดท้ายแล้วหันกลับไปดูก็รู้สึกภูมิใจระคนกับแปลกใจนะว่ามายืนที่จุดนี้ได้ยังไงกันเนี่ยเรา!
แค่ก้าวแรกก็เหมือนจะวุ่นวายเสียแล้วเพราะกว่าเราจะได้คิวไปกรอกใบสมัครและวัดส่วนสูงก็ปาเข้าไปครึ่งค่อนวันทั้งที่ตื่นแต่ไก่ยังไม่โห่ (เอ๊ะกรุงเทพก็ไม่มีไก่โห่ตั้งนานแล้วนิ) เพื่อแต่งหน้าทำผมเพราะคิดว่าจ้างช่างมืออาชีพคงดูดีกว่า ระหว่างที่นั่งรอคิวก็ทำหลายอย่างนะทั้งคุยกับคนข้าง ๆ แก้เหงา กดโทรศัพท์หาเพื่อนแก้เซ็ง
รออยู่นานจนถึงคิวตัวเองก็เดินองอาจไปชั่งน้ำหนักก่อนหลังจากนั้นก็วัดส่วนสูงด้วยใจหวิว ๆ ก็พี่ ๆ แอร์แกดุกันเหลือเกิน มิหนำซ้ำวัดส่วนสูงของเราแบบวัดแล้ววัดอีกตอนนั้นอยากตะโกนบอกพี่ ๆ เขาว่าไม่ว่าจะวัดยังไงก็ไม่เพิ่มขึ้นหรือลดลงเท่าไหร่หรอกค่ะ แต่ก็เข้าใจนะเพราะเรามันเกินมาตรฐานมา 1-2 ซม.เอง แบบว่าเป็นพวกเดนตายไง
ที่แจลเวยส์เขามีมาตรฐานด้านความสูงไว้ที่ 156 ซม. เอง แต่แค่นี้ก็ต้องทำให้หลายคนใจหายใจคว่ำแบบยืดตัวกันสุด ๆ โดยเฉพาะคนที่ใกล้เคียงกับมาตรฐานของเขาเพราะมีข่าวลือ(ประจำ)มาตลอดว่าพี่ ๆ เขาชอบกดส่วนสูงลง อันนี้ก็ไม่ทราบได้ว่าจริงหรือเปล่านะแต่ส่วนตัวเราก็ว่าไม่เห็นเขากดอะไร
แต่ขนาดไม่กดก็มีบ้างเหมือนกันที่ไม่ผ่านตั้งแต่ตรงนี้ซึ่งไม่ว่าจะขอร้องยังไงก็ไม่ผ่านอยู่ดี ซึ่งสำหรับคนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ก็เก็บของกลับบ้านเลย ส่วนสาว ๆ ที่ผ่านการเกณฑ์ไพร่พล เอ้ย! ไม่ใช่การสมัครชั้นแรกก็จะมีสิทธิได้ยลโฉมใบสมัครอันทรงคุณค่าซึ่งมีไม่รู้ตั้งกี่หน้ายังกับเขียนวิทยานิพนธ์เลยทีเดียว
ในตอนกรอกใบสมัครสิ่งที่เราสังเกตเห็นก็คือมีไม่รู้ตั้งกี่คนที่หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดกันเป็นแถวส่วนใหญ่ก็จะถามชื่อที่อยู่ของบุคคลอ้างอิง จะมีการขอเบอร์โทรศัพท์หรือหมายเลขพาสปอร์ตบ้างก็มี แต่ก็มีบางคนถึงขั้นให้เพื่อนหรือแฟนคิดเหตุผล(เป็นภาษาอังกฤษ)ให้หน่อยว่าทำไมถึงอยากเป็นแอร์ เรายืนอยู่ติดกับเขาก็เป็นงงว่าในเมื่อไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงอยากเป็นแล้วมาสมัครทำไม? (งงที่ตัวเองไปยุ่งเรื่องชาวบ้านเขาทำไม)
พอกรอกใบสมัครเสร็จก็ไปยื่นให้พี่แอร์เขาก็จะให้เลขประจำตัวนักโทษ(ก็เป็นนักโทษทางใจไง แบบว่ากดดันมากนะใครที่เคยสมัครแล้วคงเข้าใจ) เพื่อที่จะเอาไปเช็คกับประกาศของบริษัทว่าเราจะได้สัมภาษณ์วันไหน รอบไหนและกลุ่มไหน ซึ่งกว่าจะประกาศวันสัมภาษณ์ก็ต้องรอรับสมัครจบไป 3-4 วันแล้ว
อ้อ นอกจากจะได้เลขประจำตัวผู้สมัครแล้วเขาก็จะแจก Profile มาให้ดูยั่วน้ำลายไปพลาง ๆ ก่อน ขอแนะนำให้อ่านและทำความเข้าใจด้วยเพราะหลายคนโดนกรรมการถามตอนสัมภาษณ์ถึงข้อมูลในนั้นแล้วตอบไม่ได้
ก็ไม่ต้องถามนะว่าผลเป็นอย่างไง
นับจากวันที่สมัครจนมาถึงวันสัมภาษณ์จริง ๆ ก็เกือบสองสัปดาห์เลยทีเดียว ก็เป็นเวลาที่ดีที่จะสืบค้นหาตัวอย่างคำถามคำตอบเก่า ๆ ใน web และเตรียมของตัวเองด้วย พอมีเวลาเหลือบ้างก็ไปเลือกซื้อชุดใหม่ที่จะใส่ไปวันสัมภาษณ์ และการที่เราเป็นคนแต่งหน้าไม่ค่อยเป็นแค่พอดูได้แต่ห้ามดูใกล้เพราะอาจตกใจได้จึงต้องไปติดต่อหาช่างแต่งหน้าทำผมพร้อมกับนัดวันเวลาให้ดีซึ่งก็ควรเลือกใกล้บ้านเป็นหลักเพราะไม่ต้องเดินทางไกลมาก
จากคุณ :
piglet
- [
1 ก.ย. 48 22:00:05
A:203.118.109.5 X: TicketID:107059
]