http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W3666739/W3666739.html
(รวมลิ้งค์ ตั้งแต่บทที่ 1-9)
บทที่ 10 สิ่งที่ต้องเผชิญหน้า
................................
ไวซ์ พามาโกโตะและโทรุมายังที่แห่งหนึ่ง ซึ่งเขาสองคนไม่ทราบว่ามันคือที่ใด เพราะก่อนหน้าที่จะออกจากตึกกรมกระทรวงเวทมนตร์ ไวซ์สั่งให้พวกเขาสองคนหลับตาลง พอทำตามอย่างที่ว่าแล้ว มาโกโตะก็รู้สึกมึนหัวจนแทบยืนไม่อยู่ - นี่ไวซ์พาเขากับโทรุไปที่ไหนกันแน่นะ พอคิดได้แค่นั้นความรู้สึกที่เคยมีอยู่ก็พากันหายไปเป็นปลิดทิ้ง เหมือนกับว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
"เอ้า! ลืมตาได้แล้วเด็กๆ"
มาโกโตะและโทรุได้ยินดังนั่นก็ค่อยลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ แล้วนั่นก็ต้องทำให้ทั้งคู่ต้องตะลึงกับภาพตรงหน้าไปในทันที ภาพที่เต็มไปด้วยทุ่งดอกไม้นานาชนิด กับท้องฟ้าสดใสแลสวยงาม ประกอบกับโต๊ะเก้าอี้ชุดหนึ่งที่ตั้งอยู่ท่ามกลางดอกไม้เหล่านั้น พร้อมด้วยถ้วยชา กาน้ำตั้งเอาไว้อย่างตั้งใจเหมือนกับรู้ว่ามีแขกจะมาเยือนที่นี่
"ที่นี่คือที่ไหนเหรอครับคุณไวซ์"
โทรุหันหน้าไปถามชายวัยพอๆกับมิสเทรส - เขารู้สึกสงสัยว่าสถานที่นี้มีอยู่บนโลกไกอาด้วยหรือเนี่ย แต่แล้วโทรุก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆจากไวซ์เลย นั่นก็เพราะไวซ์เอาแต่จ้องมองไปที่โต๊ะตัวนั้นเพียงอย่างเดียว "เฮ้! เล่นจ้องอย่างนั้น ข้าก็อายแย่นะสิไวซ์"
จู่ๆก็มีเสียงปริศนาดังขึ้นมา ทั้งมาโกโตะและโทรุได้ยินต่างก็สงสัยว่าเสียงนี้มาจากที่ไหนกัน ว่าแล้วเจ้าของเสียงปริศนานั้นก็โผล่ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว "เหวอ! ผีหลอก" โทรุเผลอร้องออกมาอย่างตกใจ ทำให้เจ้าของเสียงนั่นได้ยินถึงกับทำหน้าไม่พอใจกับคำทักทายของเด็กหนุ่ม
"ข้ามิใช่ผีนะเด็กน้อยเอ๋ย! ....ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะไวซ์"
"ยินดงยินดีอะไรกัน ข้าไม่ขำเลยนะที่เจ้าเล่นแบบนี้ แล้วไอ้พวกทุ่งดอกไม้นี่อะไรกัน แต่ก่อนไม่เคยมีไม่ใช่หรือไง"
"ช่าย! ไม่เคยมีมาก่อน แต่พอดีข้าอยากเปลี่ยนบรรยากาศก็แค่นั้นเอง ไม่เห็นต้องโมโหอะไรขนาดนั้นเลยก็ได้นี่" ร่างเพรียวลมตอบกลับไปอย่างสนุกปาก แน่ละ ทั้งมาโกโตะและโทรุต่างก็อึ้งไปอีกครั้ง ก็ในเมื่อร่างนั่นสวยออกราวปานนางฟ้า ใบหน้าเรียวคม ดวงตาสีฟ้าเปล่งประกายสดใสอย่างกับลูกแก้ว สันจมูกตั้งตรงสวยงาม ริมฝีปากแดงชุ่มชื่นดูน่าชวนพิสมัย ประกอบกับผมสีทองยาวกลางหลังตรงดูมีน้ำหนัก ส่วนชุดที่สวมใส่นั่นก็ไม่ต้องพูดถึง ทั้งบางทั้งขาวยิ่งกระไรดี มันเห็นทะลุเข้าไปจนถึงข้างในเลยด้วยซ้ำไป O_O"
"แล้วก็ชุดที่เจ้าใส่ด้วย! คิดจะยั่วเด็กชายของข้าหรือยังไงกัน แก่ออกจะเกินร้อยปีแล้วมั้ง ยังใส่อยู่ได้หน้าไม่อาย!"
"หน้าอาย? อายอะไรกัน ก็ข้ามีร่างที่เป็นอมตะนิ ไม่มีวันแก่ด้วย เจ้าเองก็น่าจะรู้นะไวซ์"
"เออ! รู้ แต่ข้าไม่ชอบ บอกให้รู้ไว้ว่าเจ้าไม่มีวันที่จะอ่อยเหยื่อเด็กสองคนนี้ได้สำเร็จ ...ตราบใดที่ข้าอยู่ที่นี่ เจ้าไม่มีวันได้เด็กสองคนนี้ไปกินหรอก" ไวซ์กล่าวอย่างฉุนจัด พร้อมย่ำเท้าเข้าหาร่างเล็ก แล้วในวินาทีนั้นชุดที่หญิงสาวเคยใส่อยู่ก็หายไป และถูกแทนที่ด้วยชุดคลุมเช่นเดียวกับที่ไวซ์ใส่ "เอานี่ไปใส่ก่อนแล้วกัน ไว้วันหลังข้าจะหาชุดดีๆให้เจ้าใส่ เข้าใจไหม"
ร่างบางมองหน้าไวซ์อย่างตกตะลึง ก่อนที่จะขึ้นแดงระเรื่อที่แก้ม "อือม์ ขอบใจนะ" ว่าพลางจับชุดคลุมให้เข้าที่
"ไม่เป็นไร" คำพูดแค่นั้นก็ทำให้มาโกโตะและโทรุทราบได้ทันที ว่าสองคนนี้มีความสัมพันธ์ต่อกันถึงขั้น'คนรัก'แน่ "จริงสิ ข้ามัวแต่ยุ่งเรื่องเจ้า ลืมแนะนำเด็กสองคนนี้ให้เจ้ารู้จักเลย ...นี่คุโด มาโกโตะ ลูกของมาซาฮิโนะ แล้วก็ไอดะ โทรุ เพื่อนสนิทของมาโกโตะ"
"อ๋อ! นี่หรือลูกของมาซาฮิโนะหรือเนี่ย อุแหม! หน้าตาเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยนเลยนะ ยินดีที่ได้รู้จักเด็กๆ ข้า พาร์ มิวะ เป็นภรรยาสุดสวยของเจ้าไวซ์มัน"
"นี่มิวะ! เจ้าจะหาเรื่องทะเลาะข้าอีกหรือยังกัน"
"ใช่ เอ๊ย! ไม่ใช่ ข้าล้อเจ้าเล่นน่าไวซ์ เอ้าๆ ไม่ต้องมองหน้าข้าอย่างสงสัยแบบนั้นหรอกเด็กๆ ข้าไม่ได้โกหกหรอกนะเพราะข้าได้แต่งงานกับเจ้าหมอนี่แล้ว นามสกุลก็เลยเป็นของไวซ์" หญิงสาวเอ่ยอย่างขันๆ มันก็น่าสมควรอยู่หรอกที่สองคนนี้จะรักกันถึงขั้นแต่งงาน "คุณไวซ์ครับ แล้วที่พาพวกผมมาที่นี่ มาด้วยเรื่องอะไรเหรอครับ"
"โทษทีๆ พอดีข้าลืมไปนะ ...มิวะจ๋า! ขอร้องละช่วยข้าอะไรหน่อยได้ไหม เรื่องประตูกาลเวลานั่นนะ เอามันออกมาที"
"ทีงี้อ้อนสุดเลยนะ ก็ได้ๆ ข้าจะทำตามอย่างเจ้าว่าละกัน - เด็กๆช่วยถอยหลังไปสองก้าวได้ไหม" มิวะบอกก่อนที่จะลุกขึ้นยืน หลังจากที่นั่งมานานพอสมควร "ข้าในนามแห่ง พาร์ มิวะ จ้าวแห่งกาลเวลาทั้งปวง จงปลดปล่อยประตูแห่งห้วงกาลเวลาต่อหน้าข้า ณ บัดนี้"
สิ้นเสียงร่ายเวทย์ของหญิงสาว จู่ๆก็มีแสงสีทองส่องประกายไปทั่วทุ่งดอกไม้ ทำให้มาโกโตะและโทรุแสบตาถึงกับต้องหลับตาปี๋อย่างช่วยไม่ได้ - นี่มันอะไรกัน ไวซ์จะให้พวกเขาสองคนทำอะไรกันแน่นะ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ พอมาโกโตะคิดเสร็จก็ลืมตาขึ้น
มืดไปหมด ที่นี่คือที่ไหนกัน แล้วคนอื่นๆละ หายไปไหนกันหมด
"มาโกโตะได้ยินเสียงของข้าหรือไม่ ถ้าได้ยินก็โปรดตอบด้วย"
เขาได้ยินเสียงของไวซ์ดังขึ้นท่ามกลางความมืดมิด จึงหันไปมองต้นเสียงแต่ก็ไม่พบเจ้าของเสียงที่ว่านี้เลยสักนิด "ไม่ต้องไปหันมองที่ไหนหรอก มาโกโตะ เพราะในตอนนี้เจ้าอยู่ในประตูกาลเวลาของมิวะเรียบร้อยแล้ว"
"ว่าไงนะครับ! ผมไม่เข้าใจ"
"ต้องขอโทษอีกครั้งด้วยที่ข้าไม่ได้บอกเจ้าเอาไว้ล่วงหน้า เอาล่ะ ทีนี้ข้าจะบอกเหตุผลที่เจ้าต้องมาอยู่ในที่มืดมิดแห่งนี้" เสียงกระแอมไอสองครั้งของไวซ์ก่อนที่จะกล่าวอะไรต่อไปอีก
"ที่นี่คือประตูกาลเวลา ที่ข้าให้เจ้าเข้ามาในนี้ก็เพราะว่ามิสเทรสสั่งข้ามา อยากให้เจ้าได้รับรู้เรื่องราวของต้นตระกูลของเจ้าเอง และสายเลือดของจอมเวทย์อันดับหนึ่งแห่งโลกไกอาก็คือเจ้า มาโกโตะ เจ้าต้องรับช่วงสืบทอดเป็นจอมเวทย์รุ่นที่ 10!"
เขานะหรือจะต้องรับช่วงสืบทอดเป็นจอมเวทย์รุ่นที่ 10 ทำไมต้องเป็นเขาด้วยละ? "คุณไวซ์ครับ ผมไม่รับไม่ได้หรือ" มาโกโตะถามเสียงแข็ง แทนที่จะได้คำตอบกลับมา กลับเป็นอย่างอื่นแทนที่เขาไม่คาดคิดมาก่อน
..............
กุบกับ กุบกับ!
เสียงฝีเท้าของม้าตัวหนึ่งก้าวเดินเป็นจังหวะสม่ำเสมอกัน ดูเหมือนทว่าไม่รีบเร่งอะไรมากนัก บุรุษชุดคลุมสีเงินนั่งอยู่บนอานม้าตัวนั้นด้วยท่าทีเคร่งขรึม สายตาจับจ้องบุคคลที่สองตรงหน้า ซึ่งกำลังขี่ม้าเช่นเดียวกับตน
เคอิล เจ้ามีความปรารถนาอันใดถึงได้อยากพบข้าด่วนนัก
น้ำเสียงที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากของบุรุษชุดคลุมสีเงินนั้นช่างดูเยือกเย็น สมแล้วที่เหมาะสมกับบุคคลิกของเจ้าตัวนัก ส่วนอีกคนที่ถูกถามกลับขมวดคิ้วอย่างสงสัยก่อนจะตอบกลับไป
ข้าเปล่าที่จะพบท่านเลย ...ท่านเฟรอัส ดูท่าแล้วว่าท่านคงจะเข้าใจผิดไปกระมัง มิสเทรสน้อยบอกท่านหรือไงว่าข้าอยากพบท่าน?
ไม่ เรื่องนี้มิสเทรสน้อยไม่ได้บอกข้า เอาเถอะเคอิล ข้าคงจะเข้าใจผิดไป
เฟรอัสกล่าวจบก็หันไปมองบุคคลที่สามอย่างไม่ละสายตา
ข้าไม่คิดเลยว่า คนอย่างท่านที่เป็นถึงจอมเวทย์อันดับหนึ่งแห่งโลกไกอาจะยอมเชื่อฟังคำพูดของเด็กน้อยสามขวบ คำพูดดูถูกดูแคลนเฟรอัสดังมาจากบุคคลที่สาม เฟรอัสมองหน้าคนวาจาสามหาวก่อนจะควบม้าของตนหันหลังกลับ
น่าสมเพชจริงๆ กับอีแค่เด็กน้อยตนหนึ่ง ท่านถึงละทิ้งการศึกแล้วควบม้ามาหาเคอิล
ข้าไม่ได้ทิ้งการศึก แล้วก็กรุณาอย่าเข้าใจผิดไป ข้าแค่ทำเพื่อใครบางคนเท่านั้น
ทำเพื่อใครบางคน? ท่านเฟรอัสพูดอะไรออกไปนะ! รู้ไหมว่าคนที่หนีงานมาแบบนั้นมีโทษถึงขั้นประหารเชียวนะ เคอิลฟังอยู่นานจึงพูดออกความเห็นบ้าง ไม่นึกเลยว่าจอมเวทย์อันดับหนึ่งแห่งโลกไกอาจะหนีงานเพียงแค่เพราะคำพูดๆของเด็กน้อยคนหนึ่ง ซึ่งเป็นใครไม่ได้เลยนอกเสียจาก มิสเทรส ทายาทจอมเวทย์อันดับหนึ่งแห่งโลกไกอา หรือเหลนคนสุดท้ายที่เหลือของเฟรอัสนั่นเอง
ข้ารู้ ข้าทราบดี งานนี้ข้าขอเอาศีรษะเป็นประกัน เพื่อมิสเทรสน้อยแล้วข้าขอยอมทุกอย่าง
ยอมทุกอย่าง!! ให้ตายสิ คนสูงศักดิ์อย่างท่าน ทำไมถึงลดตัวลงทำเพื่อเด็กคนนั้นด้วย ข้าไม่เข้าใจเลยจริงๆ
เนบลี ถ้าเจ้าเป็นข้า เจ้าก็จะเข้าใจถึงเหตุผลว่าทำไมข้าถึงทำเช่นนี้
เฟรอัสเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ซึ่งไร้ดวงดาวในยามค่ำคืนเดือนมืด ...ทั้งเงียบ สงบ และว้าเหว่ไปพร้อมๆกัน เฟรอัสทราบดีว่าดวงดาวที่ไร้แสงเจิดจรัสนั้น เปรียบเสมือนตัวของเขานั่นเอง เขาถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนจะหันมามองบุคคลทั้งสอง
มิสเทรสน้อยเป็นห่วงเคอิลมาก จึงอ้อนวอนให้ข้ามายังที่นี่....เพื่อเจ้า
คำก็มิสเทรสน้อย สองคำก็มิสเทรสน้อย นี่ท่าน! ไม่คำนึงถึงศีรษะของตัวท่านเองเลยหรือไง ความตายจะมาเยือนท่านในวันรุ่งขึ้นอยู่แล้ว ยังจะมีกระจิตกระใจเป็นห่วงข้าอยู่อีกหรือ
นั่นก็สุดแล้วแต่เจ้าจะคิดนะ เคอิล ...ข้าทำตัวเพื่อมิสเทรสน้อย แล้วก็เจ้า เคอิลลูกข้า
สิ้นเสียงวาจาของเฟรอัส เจ้าตัวชักมีดสั้นขึ้นมาจ่อลำคอของตนโดยที่บุคคลทั้งสองมิได้ทันห้าม เลือดอุ่นๆไหลออกมาจากบาดแผลที่เพิ่งถูกกระทำขึ้นมาสดๆ เคอิลมองบุคคลที่เป็นทั้งพ่อและเพื่อนอย่างเศร้าสลดใจ ไม่นึกเลยว่าเฟรอัสจะกล้าทำถึงเพียงนี้
เคร้ง! ตุบ!
มีดสั้นในมือก็ค่อยร่วงหล่นพื้นดินพร้อมกับร่างชุดคลุมสีเงิน ทำให้เคอิลและเนบลีถึงกับตระหนกตกใจรีบกระโดดลงจากหลังม้า แล้ววิ่งเข้ารับร่างนั้นทันที
ท่านเฟรอัส! ไม่เป็นไรนะ ...ข้าจะช่วยรักษาท่านเอง เนบลีพูดเสียงสั่น ก่อนที่เนบลีจะได้ทำการรักษา เฟรอัสก็ยกมือขึ้นมาเชิงบอกว่าไม่ต้อง
อย่าเลยจะดีกว่า ปล่อยข้าให้นอนหลับสงบแบบนี้แหละ...ดีแล้ว
ข้าไม่เข้าใจเลยท่านพ่อ ว่าท่านทำไปเพื่ออะไรกัน กะอีแค่คำพูดของมิสเทรสน้อย ท่านพ่อถึงกับปลิดชีพตนเองเลยอย่างนั้นเชียวเหรอ! ข้าไม่ยอม! เคอิลกล่าวเสียงสั่นเครือทั้งน้ำตา เฟรอัสมองใบหน้าลูกของตนพลางส่งยิ้มอ่อนๆไปให้
อย่า....ไป...ว่า....มิสเทรสน้อย...เลย....เขาไม่...ผิด...ข้า...ต่างหากที่ผิด....เคอิล...ลูก....พ่อขออะไรสักอย่างก่อน.....จะ....ตายได้ไหม
ไม่! ท่านพ่อจะต้องไม่ตาย ข้าไม่ยอม!
พ่อขอร้องละ....ตระกูลของเรา....ยังต้องมี....คนสืบทอด...ต่อไป....เคอิล...ลูก...ทำได้ไหม
เฟรอัสกล่าวด้วยความยากเย็น ความรู้สึกของเฟรอัสในตอนนี้กำลังดำดิ่งลงในความมืด เขา...ใกล้จะถึงเวลาที่จะต้องไป ตรงตามคำทำนายว่าเป๊ะ! ซึ่งเฟรอัสจะต้องตายเพราะมิสเทรสเหลนของตัวเอง ด้วยเหตุผลนี้เขาถึงเข้าใจดีและยอมรับมัน
ข้าทำได้ แต่ท่านพ่อจะต้องไม่ตาย เคอิลสั่นศีรษะตัวเองไปมา มือไม้ที่พยุงร่างบิดาสั่นระริกด้วยความกลัว กลัวว่าร่างนี้จะต้องตายไป ...ส่วนเนบลีที่นั่งอยู่ข้างๆเคอิล ก็มองเฟรอัสด้วยความรู้สึกเช่นเดียวกับเคอิล ไม่อยากให้เฟรอัสหรือเพื่อนสนิทของเขา จะต้องมาตายด่วนจากไปทั้งๆที่เขากับเฟรอัสยังไม่ได้ประลองฝีมือกันให้รู้แพ้รู้ชนะ
เนบลี ....ข้าขอโทษที่ไม่ได้อยู่แข่งกับเจ้า
ไม่ได้! เจ้าต้องอยู่เฟรอัส ข้าไม่ยอมให้คนอย่างเจ้าตาย!
เฟรอัสฉีกยิ้มด้วยความยากเย็น ดวงตาทั้งสองข้างของเขาในตอนนี้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น ถึงเวลาซะทีที่เขาจะต้องไป เคอิล...เนบลี ฝะ...ฝาก...มิสเทรส....ด้วย....
คำพูดสุดท้ายสิ้นสุดลง มือใหญ่กร้านที่จับกับมือของเคอิลก็ค่อยร่วงหล่นลงอย่างช้าๆ และแล้วบุคคลที่ยิ่งใหญ่ก็จากทั้งสองคนไปโดยไม่ได้กล่าวอะไรนอกเหนือจากนั้นอีกเลย
จบ บทที่ 10 สิ่งที่ต้องเผชิญหน้า
จากคุณ :
St.Valkyrie moon
- [
2 ก.ย. 48 19:03:07
]