CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    =~=~=~= งานศพครั้งแรกในเยอรมนี =~=~=~=

    flower งานศพครั้งแรกของฉันในเยอรมนี flower


    เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (๒๙ สิงหาคม ๒๕๔๘) ฉันกำลังนั่งกิน
    ข้าวเช้าอยู่ ตอนแปดโมงกว่า ๆ แม่บ้านชาวโปแลนด์วิ่งขึ้นมา
    บอกฉันว่า คุณยายเจ้าของบ้านชาวเยอรมันที่ฉันขอเช่าอาศัย
    อยู่ด้วยเสียแล้วเมื่อตอนตีสี่ ตอนนั้นฉันใจหายแว้บเลย ทั้ง ๆ
    ที่ก็ทำใจไว้แล้วเพราะคุณยายโคม่าเมื่อตอนต้นเดือนกรกฎาคม
    ที่ผ่านมาหลังจากที่ฉันกลับมาจากเมืองไทย และได้เข้าไปอยู่
    โรงพยาบาลเกือบอาทิตย์


    หลังจากคุณยายออกจากโรงพยาบาล ส่วนมากก็จะนอนอยู่บนเตียงตลอด
    รอวันลาโลก ซึ่งฉันก็ลุ้นในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ว่า ขอให้คุณยาย
    ลุกขึ้นมาเดินชมสวน ตอนเช้า ๆ บ้างเหมือนอย่างที่ฉันเคยเห็นตอน
    เดือนเมษายนตอนที่ฉันมาขอเช่าบ้านหลังนี้แรก ๆ ซึ่งเป็นช่วงก่อน
    ที่ฉันจะกลับไปเยี่ยมบ้านที่เมืองไทย


    บ้านคุณยายมีสามชั้น ฉันอยู่ชั้นสามเป็นห้องใต้หลังคา ถึงแม้
    จะไม่มีครัว แต่ฉันก็มีหม้อหุงข้าวพอจะทำอะไรก๊อกแก๊กไม่ให้
    อดตายไปได้ และราคาค่าเช่าก็แสนจะถูก ถ้าเทียบราคาค่าห้องพัก
    ในเมืองที่ฉันอยู่ ซึ่งจัดว่าค่อนข้างแพง


    บ้านหลังนี้คุณยายอยู่กับคุณตาสองคน คุณยายอายุประมาณย่าง ๘๗ ปี
    ส่วนคุณตาอายุ ๙๐ ปี คุณตานั้นขาไม่ค่อยดี รู้สึกว่าใส่ขาเทียม
    ตั้งแต่ไปออกสงคราม แต่สุขภาพคุณตายังดีมาก เดินขึ้นลงบันได
    ไม่มีปัญหา


    ห้องนอนของคุณตากับคุณยายอยู่ชั้นสองของบ้าน แต่อยู่กันคนละห้อง
    ชั้นล่างเป็นห้องรับแขก ห้องกินข้าว และห้องครัวซึ่งฉันก็ไม่เคย
    เข้าไปยุ่งวุ่นวายอะไร อยู่แต่ห้องของฉันบนชั้นสามของตัวบ้าน
    เสียมากกว่า


    หลังจากที่คุณยายเสียตอนเช้า ศพคุณยายยังเอาไว้ที่บ้านอยู่
    ไม่ได้เอาไปโรงพยาบาลก่อนที่จะไปวัดเหมือนอย่างบ้านเรา
    ที่นี่เขามีบริษัทมารับศพไปจัดการ ตั้งแต่ฉีดฟอร์มาลีน นำใส่โลง
    และเอาไปไว้ที่สุสานเตรียมฝัง


    นอกจากจะฝังศพในสุสานแล้ว ปัจจุบันนี้ยังมีการเผาศพด้วย
    เนื่องจากพื้นที่ในสุสานเริ่มไม่เพียงพอ และค่าเช่าค่าดูแล
    สุสานก็ไม่ใช่ว่าราคาถูกเสียเมื่อไหร่


    แต่การเผาทางคริสตศาสนานั้น เพื่อนคริสต์ฉันที่เมืองไทยบอกว่า
    ต้องปรึกษาพระสังฆราชประจำท้องถิ่นในเขตปริมณฑลก่อน เพื่อให้ญาติ
    ผู้วายชนม์แน่ใจว่า มิได้สูญเสียความเชื่อเรื่องการตายแล้วเกิดใหม่


    วันนี้วันศุกร์ตอนบ่าย ๆ ฉันก็เลยไปร่วมพิธีฝังศพคุณยายกับเขาด้วย
    ฉันไม่ได้แต่งตัวอะไรดีนัก แค่เสื้อยืดสีดำ กางเกงแบบทหารสีดำ
    รองเท้าผ้าใบสีขาว ส่วนดอกกุหลาบสีแดงฉันไปเอาจากที่งาน


    ที่จริงฉันก็เตรียมเสื้อสูทไปด้วย ซึ่งเสื้อสูทที่ฉันมีก็มีแต่
    สีน้ำเงินเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้ใช้อยู่ดี เพราะอากาศร้อนมาก ๆ
    ตั้ง ๒๗-๓๐ องศาเซลเซียส ความจริงฉันมีชุดกระโปรงติดกันสีดำ
    กับเขาอยู่เหมือนกัน เนื่องจากเป็นชุดสำหรับหน้าหนาวจะมีซับในหนา
    หลายชั้น และมันก็ยังไม่ได้เอาออกมาจากกระเป๋าเดินทาง ซึ่งอยู่
    ช่องเก็บของข้างห้องฉัน มันจึงอยู่ในกระเป๋าเดินทางต่อไป (อิ อิ)


    พิธีที่ห้องโถงข้างสุสาน (มันไม่เชิงเป็นโบสถ์ เป็นศาลาก่อนฝัง
    เสียมากกว่า) เริ่มบ่ายโมงสิบห้า แต่ฉันมัวแต่หาสุสานไม่เจอ
    เสียเวลาเดินหาตั้งนาน ฉันก็เลยไปสาย ไปถึงเขาเข้าไปในห้องโถง
    กันหมดแล้ว ฉันก็เลยนั่งทำสมาธิข้างนอก ฟังบาทหลวงเทศน์ และนักร้อง
    ในโบสถ์ร้องเพลงประกอบสองสามเพลง เสร็จพิธีแล้วก็ยืนขึ้นพร้อมกัน
    เมื่อมีคนเริ่มเข็นโลงศพออกมาจากห้องโถงจะไปยังสุสานที่จะฝัง


    คนเข็นโลงศพเดินนำ ตามมาด้วยบาทหลวง คุณตา ลูกชายคุณยายทั้งสาม
    สะใภ้ และหลาน ๆ เหลน ๆ ญาติพี่น้อง ฉันก็เลยเดินตามปิดท้าย
    ไปยังสุสานที่เขาเตรียมขุดไว้เพื่อฝัง


    หลุมที่เขาขุดไว้ค่อนข้างลึกมาก พอไปถึงที่ฝัง บาทหลวงก็รอ
    ให้มาพร้อมกัน แล้วก็สวดอีกรอบนึง เสร็จแล้วก็ให้พวกเรา
    สวดตามทำนองขอให้คุณยายไปสงบไปพบพระเจ้า อะไรทำนองนี้
    (ฉันเดาเอา) เมื่อเสร็จแล้วก็ปล่อยโลงลงหลุม


    ทุกคนเริ่มไล่จากคุณตา ลูก ๆ หลาน ๆ เหลน ๆ ญาติพี่น้อง
    เพื่อนฝูงไปตามลำดับ จะเอาดินโปรยลงไปบนโลงในหลุม ตามด้วย
    ดอกไม้โยนตามลงไป


    ฉันเห็นคุณตาตาแดง ๆ จะร้องไห้ หลาน ๆ เหลน ๆ หลายคนก็ร้องไห้
    ฉันซึ่งปกติใคร ๆ จะดูว่าเหมือนคนที่ใจแข็งเย็นชา ก็เลย
    พลอยเศร้าไปด้วย

    cry

    หลังจากฉันโปรยดินลงไปในหลุม และตามด้วยดอกกุหลาบแดง
    หนึ่งดอกแล้ว ก็เดินมาจับมือแสดงความเสียใจกับญาติ ๆ
    คุณยาย ไล่ไปจากคุณตา ลูกชายทั้งสามและลูกสะใภ้
    ก็เป็นอันว่าเสร็จพิธี


    ต่อจากนั้นก็ปล่อยให้เป็นงานของเจ้าหน้าที่ พวกเราก็เดิน
    ออกจากสุสานไป เจ้าหน้าที่ก็จะเอาดินมากลบและจัดการเอาหิน
    ที่สลักชื่อ วันเกิดและวันตายมาประดับ พร้อมทั้งจัดการ
    ตกแต่งหลุมฝังศพด้วยหญ้าและดอกไม้ที่สวยงาม


    พวกญาติ ๆ หลังจากส่งแขกบางส่วนกลับไปแล้วก็เดินรวมกัน
    ไปยังร้านกาแฟ เพื่อไปทานเค้กและชากาแฟกัน


    ฉันเอ่ยลากับคุณตาเพื่อจะกลับมาทำงานต่อ แต่คุณตาก็ชวน
    ให้ไปทานกาแฟด้วยกัน ฉันก็เลยรอดตายไปได้อีกมื้อ เพราะฉัน
    รีบมางานศพจนไม่ได้กินข้าวกลางวัน (อิ อิ)


    งานศพครั้งแรกของฉันในเยอรมันก็ไม่มีอะไรมาก แต่ฉันประทับใจ
    กับงานศพครั้งแรกนี้มาก อาจจะเป็นเพราะว่าตอนที่ได้เจอคุณยาย
    ครั้งแรก คุณยายเป็นคนใจดีมาก ๆ และปกติคนเยอรมันจะไม่ค่อย
    ให้คนต่างชาติมาขอเช่าบ้านอยู่ด้วย แต่คุณยายพอเห็นฉัน
    ก็ตอบรับทันที เราอาจจะเคยเป็นยายหลานกันมาแต่ชาติปางก่อน
    ก็เป็นได้


    ความใจดีของคุณยายยังเผื่อแผ่ไปถึงญาติฉันที่เมืองไทยด้วย
    เพราะตอนก่อนที่กลับเมืองไทย ฉันมาลาคุณยาย คุณยายยังฝาก
    ความคิดถึงไปถึงพ่อแม่ญาติ ๆ ของฉันที่เมืองไทยเลย พอฉันกลับ
    มาจากเมืองไทย ฉันมาเจอคุณยายป่วย ฉันยังตกใจอยู่เลย ไม่อยาก
    จะบอกว่า ตอนนั้นมันเหมือนมีลางสังหรณ์แต่ฉันก็พยายาม
    จะไม่คิดอะไรมาก


    ตอนนี้น่าสงสารคุณตามากกว่า เพราะต่อไปจะต้องอยู่คนเดียว
    เดี๋ยวลูก ๆ หลาน ๆ เขาก็กลับบ้านของเขากันแล้ว ส่วนฉัน
    ก็ไม่คิดว่าจะอยู่ที่นี่อีกนานนักหรอก


    คุณตากับคุณยายนับว่า เป็นเนื้อคู่ เป็นคู่ชีวิตกันจริง ๆ
    สมแล้วที่เป็นกิ่งทองใบหยก แต่อย่างไรก็ตาม มันทำให้ฉัน
    หวนคิดว่า ชีวิตคู่ คนเราไม่จากเป็นก็จากตาย

    ชีวิตคนเรามีเพียงเท่านี้จริง ๆ

    love

    ปล. ขอให้ดวงวิญญาณของคุณยายจงไปสู่สุขคติในสัมปรายภพค่ะ

    flower

    แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 48 03:42:09

    แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 48 03:34:02

     
     

    จากคุณ : รสา รสา - [ 3 ก.ย. 48 03:26:18 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป