ขุนช้างขุนแผน ฉบับนิทานข้างกองฟาง (๓๕)
ช่วยเชลย
พ่อแม่พี่น้องที่เคารพรักครับ ก็เป็นอันว่า ณ บัดนี้ กองทัพกรุงศรีอยุธยานำโดยท่านแม่ทัพขุนแผนก็ได้ยาตราออกจากเมืองพิจิตรแล้วนะขอรับ ในระหว่างทาง ตามธรรมเนียมของวรรณคดีที่กระผมได้เก็บมาเล่าเป็นนิทานนี้ ก็ต้องมีบทชมนกชมไม้กันบ้างแหละขอรับ แต่มาคราวนี้ ท่านกลับยักเยื้องไป ชมบึง ขอรับ
ก็เห็นจะต้องยกมาให้ฟังกันบ้างแหละขอรับเพราะกระบวนกลอนไพเราะและ งามแปลก ขอรับ
กองทัพยกออกนอกพิจิตร ต้องเลียบชิดบึงบางที่ขวางหน้า
บางแห่งใหญ่โตมโหฬาร์ เป็นที่ปลาอาศัยทั้งใหญ่น้อย
ดูจากหลังม้าเห็นคลาคล่ำ บ้างโดดดำโผล่ผุดแล้วมุดถอย
ชะโดดุกอ้ายด้องขึ้นล่องลอย ฝูงปลาสร้อยเป็นหมู่ดูคลับคล้าย
เทโพเทพาทั้งปลาช่อน เนื้ออ่อนนวลจันทร์พรรณสวาย
สลิดสลาดปลาตะเพียนเวียนกราย หลากหลายว่ายแหวกอยู่ในบึง
ที่บางแห่งปลาชุมเหล่ากุมภา ไล่ปลาฟาดหางดังผางผึง
พอได้ยินเสียงคนข้างบนอึง ก็จมดึ่งหลีกหลบลงกบดาน
ยังเหล่าปักษาทิชาชาติ เกลื่อนกลาดหาปลาเป็นอาหาร
กระทุงทองล่องลอยนทีธาร เหนียงยานปากอ้าเอาราน้ำ
อ้ายงั่วดำด้นลงค้นปลา ทั้งเหล่านกกระสาก็คลาคล่ำ
นกยางยืนมองจ้องประจำ พอพลบค่ำนกแขวกแกรกแกรกร้อง ฯ
ก็ผ่านมาตามลำดับ กระทั่งถึงเมืองพิษณุโลก พิชัย ศรีสัชนาลัย สวรรคโลก แล้วก็แทรกด้วยบทชมธรรมชาติที่งดงามอีก คราวนี้ ชมเขา ขอรับ ซึ่งกระผมคิดว่าเป็นบทชมไพรที่มีสัมผัสแพรวพราวตอนหนึ่งทีเดียวแหละขอรับ
แลเห็นเขาเงาเงื้อมชะง่อนชะโงก เป็นกรวยโกรกน้ำสาดกระเซ็นซ่าน
โครมครึกกึกก้องท้องพนานต์ พลุ่งพล่านมาแต่ยอดศิขรินทร์
เป็นชะวากวุ้งเวิ้งตะเพิงพัก แง่ชะงักเงื้อมชะง่อนล้วนก้อนหิน
บ้างใสสดหยดย้อยเหมือนพลอยนิล บ้างเหมือนกลิ่นพู่ร้อยห้อยเรียงราย
ตรงตระพักเพิงผาศิลาเผิน ชะงักเงิ่นเงื้อมงอกชะแง้หงาย
ที่หุบห้วยเหวหินบิ่นทลาย เป็นวุ้งโว้งโพรงพรายดูลายพร้อย
บ้างเป็นยอดกอดก่ายตะเกะตะกะ ตะขรุตะขระเหี้ยนหักเป็นหินห้อย
ขยุกขยิกหยดหยอดเป็นยอดย้อย บ้างแหลมลอยเลื่อมสลับระยับยิบ
บ้างงอกเง้าเป็นเงี่ยงบ้างเกลี้ยงกลม บ้างโปปมเป็นปุ่มกะปุบกะปิบ
บ้างปอดแป้วเป็นพูดูลิบลิบ โล่งตะลิบแลตลอดยอดศิขรินทร์ ฯ
พอได้หยุดพักพลอีก ณ ใกล้เมืองเชียงใหม่ ขุนแผนก็เรียกรองแม่ทัพ คือลูกชาย เข้ามาปรึกษาหารือ
ครานั้นขุนแผนแสนสงคราม เรียกลูกชายพลายงามมาปรึกษา
เราเกือบถึงเชียงใหม่ใกล้พารา จะด่วนเข้ายุทธนาไม่สู้ดี
มันจับพระท้ายน้ำจำเอาไว้ เราตรงไปคงหั่นบั่นเกศี
จะคิดลอบเข้าไปในบุรี ดูท่วงทีแก้ไขเอาไทยมา
แล้วจึงเข้าประชิดติดนคร เราผันผ่อนเช่นนี้จะดีกว่า
พ่อกับเจ้าเข้าไปแต่สองรา ไปเที่ยวหาพวกไทยให้พบพาน
ต้องปลอมตัวเป็นลาวพวกชาวเมือง เราหาเครื่องแต่งตัวเอาตามบ้าน
จำจะรีบเข้าไปอย่าได้นาน หรือเจ้าจะคิดอ่านประการใด ฯ
พลายงามก็ตกลงตามนั้น แล้วสองพ่อลูกก็แยกจากกองทัพที่สั่งให้ซุ่มซ่อนตัวอยู่ในป่าออกมาดูลาดเลาตามชายหมู่บ้านป่า
พลายงามจับดาบขยับยืน ขุนแผนจับฟ้าฟื้นอันศักดิ์สิทธิ์
บ่ายหน้ามาสู่บูรพทิศ ตั้งจิตหมายมาตรพิฆาตลาว
ขยับยืนภาวนานัยน์ตาหลับ ตามตำรับบุราณอาจารย์กล่าว
นิมิตรดูลมกลาออกขวายาว ก็ยกก้าวตีนขวาแล้วคลาไคล
พ่อลูกลัดเลาะละเมาะเหมือง แยกเยื้องเสียหาเข้าหนทางไม่
พอแลเห็นไร่แตงเข้าแฝงไม้ ริมทางลาวชาวไร่เดินไปมา ฯ
พอซุ่มอยู่ได้สักพัก ก็มีลาวชาวไร่พ่อลูกคู่หนึ่งเดินผ่านมา ขุนแผนกับพลายงามก็เลยจัดการ "เก็บ" เสีย แล้วก็ลงร่ายคาถา ปลุกผีทั้งสองพ่อลูกนั้นมาใช้ให้เตรียมการพาเข้าเมือง แล้วขุนแผนกับพลายงามก็จัดแจงตัดผมผีลาว มาทำช้องมุ่นเกล้า แต่งตัวให้เหมือนชาวพื้นเมือง (เข้าใจหา "แฮร์พีซ" ดีแฮะ) แล้วก็กลับกองทัพ
สั่งเดินทัพอีกสองวันสองคืน จนเข้ามาแทบจะประชิดตัวเมืองเชียงใหม่ โดยเหลือระยะทางอีกเพียงครึ่งวันเท่านั้น แล้วขุนแผนก็สั่งให้กองทัพซุ่มดูลาดเลาอยู่ในป่า ส่วนตัวเองกับลูกชายก็เตรียมตัวลักลอบเข้าไปในเมือง
สั่งเสร็จขุนแผนกับลูกชาย ต่างคนแต่งกายงามระหง
โพกประเจียดเคยประจญรณรงค์ สอดสวมเสื้อลงเป็นองค์พระ
แล้วนุ่งผ้าลาวเหมือนชาวไร่ เอาช้องใส่สีชมพูโพกศีรษะ
ผูกพันกระสันเครื่องเรืองเดชะ เข็มขัดปะขมองพรายคาดกายพลัน
ขุนแผนจับดาบกรายสะพายย่าม เจ้าพลายงามแบกทวนดูแข็งขัน
ดูดั่งสองสิงหราชฉกาจฉกรรจ์ เยื้องกรายผายผันเข้ากรุงไกร ฯ
แล้วสองพ่อลูก ก็ออกตระเวนถามพวกชาวบ้านในเมืองว่า ได้ข่าวว่าเจ้านายเราท่านจับพวกไทยไว้ได้มากมายเราไม่เคยเห็น สิอยากจะเข้าไปเบิ่งจักน้อย พวกลาวชาวบ้านก็ชี้ทางให้ว่า เขาขังตัวนายไว้ในตะรางข้างโรงม้า ส่วนตอนกลางวันแบบนี้เขาคุมพวกไพร่ไปเกี่ยวหญ้าที่ท้องนา กว่าจะกลับมาก็ร่วมเย็น
ขุนแผนกับพลายงามพอทราบดังนั้น ก็รีบไปตามทางที่พวกชาวบ้านบอก ก็พบพวกเชลยไทยและล้านช้างกำลังเกี่ยวหญ้าอยู่ พอปลอดตาจากคนคุมก็รีบเข้าไปแสดงตัว พวกเชลยไทยก็ดีใจเป็นหนักหนาเข้ามากอดขาบรรยายความทุกข์ยากที่ตกเป็นเชลยให้ขุนแผนฟัง ขุนแผนก็เลยนัดแนะกับ ตาหลอ และ ตารัก ทหารไทยว่าคืนนี้เวลาประมาณห้าทุ่ม จะบุกเข้าคุกไปช่วยเหลือ พวกเชลยทั้งนั้นก็ยินดีมาก
พอห้าทุ่มคืนนั้น ขุนแผนและพลายงามก็ลอบเข้ามาในคุก
ลมจันทกาลาคล่องทางซ้าย ก็ก้าวกรายซ้ายก่อนจรถนน
แล้วร่ายเวทจังงังกำบังตน เดินรีบร้นถึงตะรางสว่างไฟ
ขุนแผนอ่านอาคมสะดมคน ทั้งตะรางครางกรนไม่ทนได้
กระซิบสั่งโหงพรายทั้งหลายไป สะกดอ้ายนายคุกเสียทุกคน
แล้วแก้มนตร์พวกไทยที่ในคุก ราวกับปลุกตื่นเตือนกันเกลื่อนกล่น
สะเดาะประตูเปิดกว้างทั้งล่างบน ทั้งสองคนเข้าไปมิได้ช้า
ขุนแผนเสกข้าวสารหว่านซัดซ้ำ เครื่องจำหลุดกายทั้งซ้ายขวา
ร่วงกราวเท้ามือทั้งขื่อคา ต่างทะลึ่งลุกถลาทั้งลาวไทย ฯ
ลาวที่ว่านี้คือลาวเชลยล้านช้างนะขอรับ
จากนั้นเชลยทั้งหลายก็ "ชำระบัญชี" แค้นใครแค้นมันเป็นการส่วนตัว ฉวยดาบเข้าฆ่าฟันผู้คุมชาวเชียงใหม่ทั้งหลายจนตายกันเกลื่อนคุก
แล้วตาหลอก็บอกขุนแผนว่า ถ้าพวกเราหนีกันไปอย่างนี้คงจะไม่สะดวก ขอให้คุณพ่อไปปล้นโรงม้ากันเถิด อยู่ใกล้ ๆ คุกนี้เอง ขุนแผนก็เห็นชอบด้วย
จึงสั่งตาหลอให้นำหน้า แล้วต่างคนตามมาสิ้นทั้งหลาย
ถึงโรงม้าซัดปาข้าวสารปราย แล้วสั่งพรายให้กำบังระวังตัว
อ้ายพวกลาวเฝ้าม้าพากันหลับ กอดประกับกรนดังทั้งเมียผัว
เปิดประตูกรูเข้าไปไม่คิดกลัว เที่ยวค้นของมองทั่วทุกสิ่งไป
บ้างฉวยคว้าผ้าแพรแก้ผ้านุ่ง รูดเอาถุงเมียหมดปลดเอาไถ้
ทั้งเงินทองของดีที่พอใจ พบที่ไหนฉวยคว้าไม่ปรานี
ขุนแผนร้องเหวยเฮ้ยอย่าช้า ต่างก็มาแก้ม้าขมันขมี
เครื่องใครใส่มันเข้าทันที แล้วขึ้นขี่พร้อมหน้าถ้วนขากันฯ
จากนั้นขุนแผนก็เอาไม้ทองหลางมาถากแล้วเอาถ่านไฟมาเขียนข้อความเยาะเย้ยท้าทายไว้เสียด้วย
แล้วพวกทหารไทยอดีตเชลยก็ยังแนะนำขุนแผนอีกว่าอย่าเพิ่งรีบไป ที่กลางดอนที่พวกกระผมรู้จักยังมีช้างอีกประมาณสามสิบเชือก พวกเราน่าจะไปปล้นเอามาไว้ใช้เป็นกำลัง ขุนแผนก็เห็นด้วย
ตาหลอรับนับคนได้ร้อยเศษ สังเกตที่ได้ชัดเดินลัดป่า
ถึงก็ยั้งตั้งโห่ขึ้นสามลา ตรงเข้าคว้าจับเอาอ้ายชาวช้าง
ทำแต่ให้ตกใจไม่ฆ่าฟัน มัดศอกติดกันทั้งสองข้าง
เข้าควักล้วงช่วงชิงวิ่งโกรงกราง เครื่องเคราขนพลางไม่รั้งรอ
ประโคนพานหน้าหลังหนังชะนัก อานจำหลังทั้งแหย่งกระแชงขอ
บรรดาของต้องการกว้านจนพอ แล้วขึ้นคอไล่วิ่งลูกดิ่งตี
ช้างถูกลูกดิ่งวิ่งชิงคลอง บ้างก็ร้องแหกป่ามาอึงมี่
พวกไทยลาวตัวลือฝีมือดี ทั้งหมอควาญขับขี่ไม่มีช้า
ครู่หนึ่งถึงที่ขุนแผนคอย ตาหลอตามรอยเข้าไปหา
บอกว่าลูกไปได้ช้างมา ล้วนว่องไวใหญ่กล้างาลากดิน
ขุนแผนฟังตาหลอหัวร่อร่า สั่งให้เดินช้างม้ามาทั้งสิ้น
กำลังดึกดาวกระจ่างน้ำค้างริน ก็เข้าถิ่นจะถึงที่บางบอน ฯ
ก็เป็นอันว่าตอนนี้ สองพ่อลูกแม่ทัพ ก็ได้ลักลอบเข้าเมืองเชียงใหม่ไปช่วยเหล่าเชลยทั้งไทยและล้านช้างได้จนหมดสิ้น แถมยังปล้นช้างม้าได้มาเป็นกำลังของกองทัพไทยอีกมากมาย เป็นอันว่าหมดห่วงเรื่องตัวประกันไปเสียที ตานี้ก็คงจะได้ถึงคิวบู๊กันเสียทีแหละขอรับ...
พบกันคราวหน้าขอรับ.
###########
แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 48 12:59:01
แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 48 09:25:19
แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 48 09:22:16
จากคุณ :
พจนารถ๓๒๒
- [
3 ก.ย. 48 09:10:24
]