CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ช่วยเชลย (ขุนช้างขุนแผนฉบับนิทานข้างกองฟาง) (๓๔)

    ขุนช้างขุนแผน ฉบับนิทานข้างกองฟาง (๓๕)

    ช่วยเชลย                                                                    

                            พ่อแม่พี่น้องที่เคารพรักครับ ก็เป็นอันว่า ณ บัดนี้ กองทัพกรุงศรีอยุธยานำโดยท่านแม่ทัพขุนแผนก็ได้ยาตราออกจากเมืองพิจิตรแล้วนะขอรับ ในระหว่างทาง ตามธรรมเนียมของวรรณคดีที่กระผมได้เก็บมาเล่าเป็นนิทานนี้ ก็ต้องมีบทชมนกชมไม้กันบ้างแหละขอรับ แต่มาคราวนี้ ท่านกลับยักเยื้องไป ชมบึง ขอรับ

    ก็เห็นจะต้องยกมาให้ฟังกันบ้างแหละขอรับเพราะกระบวนกลอนไพเราะและ งามแปลก ขอรับ            

    กองทัพยกออกนอกพิจิตร  ต้องเลียบชิดบึงบางที่ขวางหน้า
    บางแห่งใหญ่โตมโหฬาร์       เป็นที่ปลาอาศัยทั้งใหญ่น้อย
    ดูจากหลังม้าเห็นคลาคล่ำ   บ้างโดดดำโผล่ผุดแล้วมุดถอย
    ชะโดดุกอ้ายด้องขึ้นล่องลอย ฝูงปลาสร้อยเป็นหมู่ดูคลับคล้าย
    เทโพเทพาทั้งปลาช่อน              เนื้ออ่อนนวลจันทร์พรรณสวาย
    สลิดสลาดปลาตะเพียนเวียนกราย    หลากหลายว่ายแหวกอยู่ในบึง    
    ที่บางแห่งปลาชุมเหล่ากุมภา         ไล่ปลาฟาดหางดังผางผึง
    พอได้ยินเสียงคนข้างบนอึง           ก็จมดึ่งหลีกหลบลงกบดาน

    ยังเหล่าปักษาทิชาชาติ              เกลื่อนกลาดหาปลาเป็นอาหาร
    กระทุงทองล่องลอยนทีธาร        เหนียงยานปากอ้าเอาราน้ำ
    อ้ายงั่วดำด้นลงค้นปลา             ทั้งเหล่านกกระสาก็คลาคล่ำ
    นกยางยืนมองจ้องประจำ  พอพลบค่ำนกแขวกแกรกแกรกร้อง ฯ

                            ก็ผ่านมาตามลำดับ  กระทั่งถึงเมืองพิษณุโลก พิชัย ศรีสัชนาลัย สวรรคโลก แล้วก็แทรกด้วยบทชมธรรมชาติที่งดงามอีก คราวนี้ ชมเขา ขอรับ ซึ่งกระผมคิดว่าเป็นบทชมไพรที่มีสัมผัสแพรวพราวตอนหนึ่งทีเดียวแหละขอรับ

    แลเห็นเขาเงาเงื้อมชะง่อนชะโงก  เป็นกรวยโกรกน้ำสาดกระเซ็นซ่าน    
    โครมครึกกึกก้องท้องพนานต์       พลุ่งพล่านมาแต่ยอดศิขรินทร์
    เป็นชะวากวุ้งเวิ้งตะเพิงพัก          แง่ชะงักเงื้อมชะง่อนล้วนก้อนหิน
    บ้างใสสดหยดย้อยเหมือนพลอยนิล   บ้างเหมือนกลิ่นพู่ร้อยห้อยเรียงราย    

    ตรงตระพักเพิงผาศิลาเผิน           ชะงักเงิ่นเงื้อมงอกชะแง้หงาย
    ที่หุบห้วยเหวหินบิ่นทลาย             เป็นวุ้งโว้งโพรงพรายดูลายพร้อย
    บ้างเป็นยอดกอดก่ายตะเกะตะกะ     ตะขรุตะขระเหี้ยนหักเป็นหินห้อย
    ขยุกขยิกหยดหยอดเป็นยอดย้อย   บ้างแหลมลอยเลื่อมสลับระยับยิบ
    บ้างงอกเง้าเป็นเงี่ยงบ้างเกลี้ยงกลม   บ้างโปปมเป็นปุ่มกะปุบกะปิบ
    บ้างปอดแป้วเป็นพูดูลิบลิบ          โล่งตะลิบแลตลอดยอดศิขรินทร์ ฯ

                            พอได้หยุดพักพลอีก ณ ใกล้เมืองเชียงใหม่  ขุนแผนก็เรียกรองแม่ทัพ คือลูกชาย เข้ามาปรึกษาหารือ

    ครานั้นขุนแผนแสนสงคราม    เรียกลูกชายพลายงามมาปรึกษา
    เราเกือบถึงเชียงใหม่ใกล้พารา    จะด่วนเข้ายุทธนาไม่สู้ดี
    มันจับพระท้ายน้ำจำเอาไว้         เราตรงไปคงหั่นบั่นเกศี
    จะคิดลอบเข้าไปในบุรี              ดูท่วงทีแก้ไขเอาไทยมา
    แล้วจึงเข้าประชิดติดนคร            เราผันผ่อนเช่นนี้จะดีกว่า
    พ่อกับเจ้าเข้าไปแต่สองรา           ไปเที่ยวหาพวกไทยให้พบพาน
    ต้องปลอมตัวเป็นลาวพวกชาวเมือง  เราหาเครื่องแต่งตัวเอาตามบ้าน
    จำจะรีบเข้าไปอย่าได้นาน           หรือเจ้าจะคิดอ่านประการใด ฯ                                    

                            พลายงามก็ตกลงตามนั้น แล้วสองพ่อลูกก็แยกจากกองทัพที่สั่งให้ซุ่มซ่อนตัวอยู่ในป่าออกมาดูลาดเลาตามชายหมู่บ้านป่า

    พลายงามจับดาบขยับยืน           ขุนแผนจับฟ้าฟื้นอันศักดิ์สิทธิ์
    บ่ายหน้ามาสู่บูรพทิศ                ตั้งจิตหมายมาตรพิฆาตลาว
    ขยับยืนภาวนานัยน์ตาหลับ          ตามตำรับบุราณอาจารย์กล่าว
    นิมิตรดูลมกลาออกขวายาว         ก็ยกก้าวตีนขวาแล้วคลาไคล
    พ่อลูกลัดเลาะละเมาะเหมือง       แยกเยื้องเสียหาเข้าหนทางไม่
    พอแลเห็นไร่แตงเข้าแฝงไม้          ริมทางลาวชาวไร่เดินไปมา ฯ

                            พอซุ่มอยู่ได้สักพัก ก็มีลาวชาวไร่พ่อลูกคู่หนึ่งเดินผ่านมา ขุนแผนกับพลายงามก็เลยจัดการ "เก็บ" เสีย แล้วก็ลงร่ายคาถา ปลุกผีทั้งสองพ่อลูกนั้นมาใช้ให้เตรียมการพาเข้าเมือง แล้วขุนแผนกับพลายงามก็จัดแจงตัดผมผีลาว  มาทำช้องมุ่นเกล้า แต่งตัวให้เหมือนชาวพื้นเมือง (เข้าใจหา "แฮร์พีซ" ดีแฮะ) แล้วก็กลับกองทัพ

                         สั่งเดินทัพอีกสองวันสองคืน จนเข้ามาแทบจะประชิดตัวเมืองเชียงใหม่ โดยเหลือระยะทางอีกเพียงครึ่งวันเท่านั้น แล้วขุนแผนก็สั่งให้กองทัพซุ่มดูลาดเลาอยู่ในป่า ส่วนตัวเองกับลูกชายก็เตรียมตัวลักลอบเข้าไปในเมือง

    สั่งเสร็จขุนแผนกับลูกชาย            ต่างคนแต่งกายงามระหง
    โพกประเจียดเคยประจญรณรงค์     สอดสวมเสื้อลงเป็นองค์พระ
    แล้วนุ่งผ้าลาวเหมือนชาวไร่          เอาช้องใส่สีชมพูโพกศีรษะ
    ผูกพันกระสันเครื่องเรืองเดชะ        เข็มขัดปะขมองพรายคาดกายพลัน
    ขุนแผนจับดาบกรายสะพายย่าม    เจ้าพลายงามแบกทวนดูแข็งขัน    
    ดูดั่งสองสิงหราชฉกาจฉกรรจ์        เยื้องกรายผายผันเข้ากรุงไกร ฯ    

                          แล้วสองพ่อลูก ก็ออกตระเวนถามพวกชาวบ้านในเมืองว่า  ได้ข่าวว่าเจ้านายเราท่านจับพวกไทยไว้ได้มากมายเราไม่เคยเห็น สิอยากจะเข้าไปเบิ่งจักน้อย พวกลาวชาวบ้านก็ชี้ทางให้ว่า เขาขังตัวนายไว้ในตะรางข้างโรงม้า ส่วนตอนกลางวันแบบนี้เขาคุมพวกไพร่ไปเกี่ยวหญ้าที่ท้องนา กว่าจะกลับมาก็ร่วมเย็น

                            ขุนแผนกับพลายงามพอทราบดังนั้น ก็รีบไปตามทางที่พวกชาวบ้านบอก ก็พบพวกเชลยไทยและล้านช้างกำลังเกี่ยวหญ้าอยู่ พอปลอดตาจากคนคุมก็รีบเข้าไปแสดงตัว พวกเชลยไทยก็ดีใจเป็นหนักหนาเข้ามากอดขาบรรยายความทุกข์ยากที่ตกเป็นเชลยให้ขุนแผนฟัง ขุนแผนก็เลยนัดแนะกับ ตาหลอ และ ตารัก ทหารไทยว่าคืนนี้เวลาประมาณห้าทุ่ม จะบุกเข้าคุกไปช่วยเหลือ พวกเชลยทั้งนั้นก็ยินดีมาก

    พอห้าทุ่มคืนนั้น ขุนแผนและพลายงามก็ลอบเข้ามาในคุก

    ลมจันทกาลาคล่องทางซ้าย         ก็ก้าวกรายซ้ายก่อนจรถนน
    แล้วร่ายเวทจังงังกำบังตน           เดินรีบร้นถึงตะรางสว่างไฟ  
    ขุนแผนอ่านอาคมสะดมคน            ทั้งตะรางครางกรนไม่ทนได้
    กระซิบสั่งโหงพรายทั้งหลายไป        สะกดอ้ายนายคุกเสียทุกคน

    แล้วแก้มนตร์พวกไทยที่ในคุก          ราวกับปลุกตื่นเตือนกันเกลื่อนกล่น
    สะเดาะประตูเปิดกว้างทั้งล่างบน     ทั้งสองคนเข้าไปมิได้ช้า
    ขุนแผนเสกข้าวสารหว่านซัดซ้ำ        เครื่องจำหลุดกายทั้งซ้ายขวา
    ร่วงกราวเท้ามือทั้งขื่อคา            ต่างทะลึ่งลุกถลาทั้งลาวไทย ฯ    

    ลาวที่ว่านี้คือลาวเชลยล้านช้างนะขอรับ

    จากนั้นเชลยทั้งหลายก็  "ชำระบัญชี" แค้นใครแค้นมันเป็นการส่วนตัว ฉวยดาบเข้าฆ่าฟันผู้คุมชาวเชียงใหม่ทั้งหลายจนตายกันเกลื่อนคุก

    แล้วตาหลอก็บอกขุนแผนว่า ถ้าพวกเราหนีกันไปอย่างนี้คงจะไม่สะดวก ขอให้คุณพ่อไปปล้นโรงม้ากันเถิด อยู่ใกล้ ๆ คุกนี้เอง ขุนแผนก็เห็นชอบด้วย

    จึงสั่งตาหลอให้นำหน้า              แล้วต่างคนตามมาสิ้นทั้งหลาย
    ถึงโรงม้าซัดปาข้าวสารปราย      แล้วสั่งพรายให้กำบังระวังตัว
    อ้ายพวกลาวเฝ้าม้าพากันหลับ   กอดประกับกรนดังทั้งเมียผัว
    เปิดประตูกรูเข้าไปไม่คิดกลัว     เที่ยวค้นของมองทั่วทุกสิ่งไป
    บ้างฉวยคว้าผ้าแพรแก้ผ้านุ่ง     รูดเอาถุงเมียหมดปลดเอาไถ้
    ทั้งเงินทองของดีที่พอใจ            พบที่ไหนฉวยคว้าไม่ปรานี
    ขุนแผนร้องเหวยเฮ้ยอย่าช้า       ต่างก็มาแก้ม้าขมันขมี
    เครื่องใครใส่มันเข้าทันที        แล้วขึ้นขี่พร้อมหน้าถ้วนขากันฯ

                            จากนั้นขุนแผนก็เอาไม้ทองหลางมาถากแล้วเอาถ่านไฟมาเขียนข้อความเยาะเย้ยท้าทายไว้เสียด้วย

                            แล้วพวกทหารไทยอดีตเชลยก็ยังแนะนำขุนแผนอีกว่าอย่าเพิ่งรีบไป ที่กลางดอนที่พวกกระผมรู้จักยังมีช้างอีกประมาณสามสิบเชือก พวกเราน่าจะไปปล้นเอามาไว้ใช้เป็นกำลัง ขุนแผนก็เห็นด้วย

    ตาหลอรับนับคนได้ร้อยเศษ  สังเกตที่ได้ชัดเดินลัดป่า
    ถึงก็ยั้งตั้งโห่ขึ้นสามลา              ตรงเข้าคว้าจับเอาอ้ายชาวช้าง
    ทำแต่ให้ตกใจไม่ฆ่าฟัน              มัดศอกติดกันทั้งสองข้าง
    เข้าควักล้วงช่วงชิงวิ่งโกรงกราง      เครื่องเคราขนพลางไม่รั้งรอ
    ประโคนพานหน้าหลังหนังชะนัก        อานจำหลังทั้งแหย่งกระแชงขอ              
    บรรดาของต้องการกว้านจนพอ        แล้วขึ้นคอไล่วิ่งลูกดิ่งตี
    ช้างถูกลูกดิ่งวิ่งชิงคลอง             บ้างก็ร้องแหกป่ามาอึงมี่
    พวกไทยลาวตัวลือฝีมือดี           ทั้งหมอควาญขับขี่ไม่มีช้า

    ครู่หนึ่งถึงที่ขุนแผนคอย             ตาหลอตามรอยเข้าไปหา
    บอกว่าลูกไปได้ช้างมา              ล้วนว่องไวใหญ่กล้างาลากดิน
    ขุนแผนฟังตาหลอหัวร่อร่า            สั่งให้เดินช้างม้ามาทั้งสิ้น
    กำลังดึกดาวกระจ่างน้ำค้างริน        ก็เข้าถิ่นจะถึงที่บางบอน ฯ

                          ก็เป็นอันว่าตอนนี้ สองพ่อลูกแม่ทัพ  ก็ได้ลักลอบเข้าเมืองเชียงใหม่ไปช่วยเหล่าเชลยทั้งไทยและล้านช้างได้จนหมดสิ้น แถมยังปล้นช้างม้าได้มาเป็นกำลังของกองทัพไทยอีกมากมาย เป็นอันว่าหมดห่วงเรื่องตัวประกันไปเสียที  ตานี้ก็คงจะได้ถึงคิวบู๊กันเสียทีแหละขอรับ...

                     พบกันคราวหน้าขอรับ.                                                                                                                                            

    ###########

    แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 48 12:59:01

    แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 48 09:25:19

    แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 48 09:22:16

    จากคุณ : พจนารถ๓๒๒ - [ 3 ก.ย. 48 09:10:24 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป