CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    มีเพียงเรา ..ตอนที่ 1 วันของเรา

    บทนำ : วันของเรา

    จะบินไปด้วยกัน .. แม้หนทางยาวไกล
    จะมีกันและกัน .. แม้จะนานเพียงใด
    มี มีเพียงสองเรา ท่ามกลางแสงของดวงดาว
    สายลมเหน็บหนาว ขอบฟ้ายังดูห่างไกล
    มี มีเพียงสองเรา และแสงดาวที่คอยนำทาง
    แม้ดาวหมดฟ้า ยังมีรักของเรานำทาง

    เพราะว่าฉันและเธอต่างก็มองไปยังที่เดียว
    คือขอบฟ้า ที่สดใส
    แม้จะแสนลำบาก อาจจะนานแสนนาน
    กว่าจะถึงซึ่งขอบฟ้า ..

    เสียงเพลงนี้ดังก้องไปทั่วพื้นที่ห้องจัดเลี้ยง .. ซึ่งภาพตรงหน้าคือ คู่บ่าวสาวกำลังจูงมือกันเดินไปตามพรมสีแดง ระหว่างทางมีกลีบกุหลาบโปรยปรายรอการก้าวเดินผ่านของทั้งคู่  

    ปราชญ์ .. ชายหนุ่มร่างสูงในชุดของเจ้าบ่าว เดินอมยิ้มพร้อมจูงมือเจ้าสาวของเขาไว้แน่น ด้วยความรู้สึกอิ่มเอมที่ได้มีวันนี้เสียที หลังจากที่ผ่านพ้นเรื่องราวมากมายกับผู้หญิงที่เขาได้เดินจูงมือเดินท่ามกลางพรมแดงคนนี้มานานถึง 8 ปี และอีกความรู้สึกหนึ่งคือ ตื่นเต้น และแอบลุ้นอยู่ว่าเจ้าสาวของเขาจะเดินสะดุดชายกระโปรง ล้มหัวทิ่มก่อนถึงเวทีหรือไม่

    ปานแก้วตา .. เจ้าสาวตัวเล็กฉบับกะทัดรัด ตากลมโต ผมยาวถึงกลางหลัง หญิงสาวที่กำลังก้าวฉับ ๆ อยู่ข้าง ๆ ชายหนุ่มที่สง่ารูปงาม เธอได้แต่ยิ้มและประหม่ากับการกำลังจะขึ้นเวทีเป็นครั้งแรกในชีวิต .. เธอเตรียมลำดับคำพูดที่เธอได้เตรียมท่องมาไว้ในใจซ้ำไปซ้ำมา ไม่ได้สนใจกับสองข้างทางที่เธอกำลังเหยียบย่างบนพรมแดงสักเท่าไรนัก   และดูเหมือนว่าเธอจะลืมสนใจชายกระโปรงชุดวิวาห์ขอเธอไปชั่วขณะ เพราะเธอมั่นใจว่า ปราชญ์คงจะจับเธอไว้แน่นพออย่างที่เธอกำชับเขาไปหลายต่อหลายครั้งก่อนวันงาน

    เมื่อทั้งคู่เดินถึงเวที ก็หันหน้ามองลงไปข้างล่าง .. ผู้คนมากมายมาร่วมงานฉลองมงคลสมรสของเธอและเขาอย่างหนาตา ประมาณด้วยสายตาแล้วคงจะสัก ห้าร้อยคนเห็นจะได้   หลายคนนั่งมองภาพของคู่บ่าวสาวอย่างไม่ละสายตาด้วยความรู้สึกเต็มตื่นที่ได้เห็นคนทั้งคู่ได้ลงที่กำลังจะเริ่มต้นชีวิตคู่ร่วมกัน รวมทั้งกลุ่มเพื่อนของทั้งสองที่โบกไม้โบกมือให้ทั้งคู่จากมุมสุดของห้องจัดเลี้ยง  

    เพลงค่อย ๆ เงียบลง พร้อมทั้งรอยยิ้มของคู่บ่าวสาว และความชื่นใจของทุคนที่มาร่วมงานนี้ ภาพนี้คงจะถูกเก็บไว้ในความทรงจำของคนมากมายที่คอยลุ้นให้ทั้งคู่ได้มีวันนี้ ..


    ปานแก้วตา & ปราชญ์
    23 มกราคม 2548


    พิธีกรชาย .. ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของทางเจ้าสาวเริ่มกล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติตาม Script ที่เจ้าสาวจัดเตรียมไว้ให้ก่อนงานอย่างแม่นยำ ส่วนพิธีกรหญิง ซึ่งก็เป็นเพื่อนร่วมคณะของทั้งคู่เหมือนกัน   ก็ได้เริ่มทำการแนะนำทั้งคู่ ซึ่งก็ตรงไปตาม Script เช่นเดียวกัน เพราะงานนี้เจ้าสาวย้ำหนักย้ำหนาว่า   เล่นตามบทนะเพื่อน   เพราะถ้าพิธีกรทั้งสองออกนอกบท ทั้งคู่คงตอบอะไรไม่ได้เรื่องแน่นอน  
    หลังจากพิธีการตามลำดับขั้นตอนจบลง ก็คงถึงส่วนที่น่าสนุกสำหรับพิธีกร และน่าตื่นเต้นสำหรับคู่บ่าวสาว นั่นคือการสัมภาษณ์คู่บ่าวสาวนั่นเอง  ซึ่งเจ้าสาว หรือ ยัยปานได้เตี้ยมเพื่อนพิธีกรทั้งคู่ไว้เรียบร้อย โดยการเขียนบทให้เพื่อนถาม และเขียนบทให้ เจ้าบ่าว ก็นายปราชญ์ตอบ พร้อมทั้งซ้อมบทปราชญ์มาเป็นอย่างดี  ที่ปานต้องซักซ้อมมากขนาดนี้เพราะปราชญ์เป็นมนุษย์ที่ไม่ค่อยพูด และถ้าพูดที ก็มีอันถึงกะวงแตกก็มี  ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ปานกลัวที่สุดว่า เจ้าบ่าวคืนนี้จะทำวงแตก
    ปานวางแผนไว้ก่อนแต่งงานอย่างรัดกุม ถึงขนาดให้เพื่อนคนที่ทำ Presentation สำหรับฉายในงาน เพิ่มวีดีโอสัมภาษณ์คู่บ่าวสาวไว้แล้ว เพื่อวันจริงจะได้ไม่ต้องถามไถ่อะไรกันมาก สมกับเป็น ปานจอมวางแผนจริง ๆ แต่ปานคงลืมนึกไปว่า เพื่อนสนิทของเธอ ก็คุณพิธีกรชายตัวแสบ จะยอมปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผนของจอมบงการอย่างเธอนั้น คงจะดูผิดวิสัยของ ต้น เพื่อนรักอย่างแน่นอน  แล้วนายต้นก็เริ่มสร้างบรรยากาศครื้นเครงให้กับงานแต่งงานของเพื่อนรัก
    พิธีกรชาย เริ่มยิงคำถาม  “ไม่ทราบว่าคุณปราชญ์ ชอบคุณปานเจ้าสาวของคุณที่ตรงไหนครับ” งานนี้เจ้าสาวถึงกะส่งสายตาอำมหิตผ่านหน้าเจ้าบ่าวยิงตรงไปยังพิธีกรชายทันที  พร้อมกับบ่นในใจว่า  “จะถามทำไมเนี้ย หาเรื่องให้กันแท้ ๆ เลยนะไอ้ต้น เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวขอให้ได้ลงไปจากเวทีก่อนเหอะ”

    เจ้าบ่าวของเราก็ตอบไปว่า “ผมชอบปานที่ปานเป็นผู้หญิงมีเขี้ยวครับ สมัยเรียนมหาวิทยาลัยปานมีเขี้ยว แต่พอปีสุดท้าย ปานก็ไปจัดฟัน เขี้ยวก็เลยหายไปพร้อมกับเหล็กจัดฟัน ตอนนี้ก็เลยเหลือแต่เคี้ยวลากดินครับ”

    แล้วเสียงหัวเราะเกรี้ยวกราวก็ดังขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มของเจ้าสาวที่มีหนี้รอชำระหลังจากลงเวทีทั้งกับเจ้าเพื่อนพิธีกรตัวแสบ และว่าที่สามี จะสร้างภาพให้ดูสวยงาม ไฮโซ กันไม่เลยจริ๊ง จริง เดี๋ยวก่อน ขอให้ได้ลงไปก่อนเหอะ
    พิธีกรชายก็เริ่มยิงคำถามต่อ “แล้วคุณปานหละครับ ชอบคุณปราชญ์ตรงไหน” เจ้าสาวเงียบไปสักพัก และเอ่ยปากตอบขึ้นมาว่า “ชอบที่ลักยิ้มค่ะ ปราชญ์เป็นคนยิ้มแล้วมีลักยิ้ม ดูน่ารักดี”   ก่อนปานจะตอบ ก็คิดอยู่ว่าจะตอบยังงัยหละทีนี้ จะตอบว่าปราชญ์รักเด็ก เสียสละ รักชาติ ก็ใช่ที่ เวทีงานแต่งงานนะ ไม่ใช่เวทีประกวดนางงาม  เป็นงัยเป็นกัน ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วนี่ จึงคิดว่าคำตอบที่มาจากความจริงใจ และมีความเป็นตัวเธอก็คงจะดีที่สุด  

    พิธีกรชายตบท้ายได้น่ารักมาก .. “ผมเพิ่งรู้นะว่าคู่นี้ รักกันที่หน้าตา แหมหน้าตาดีกันทั้งคู่เสียด้วยซิ คือนิสัยใจคออะไรเนี้ย ไม่ได้ดูกันเลยเหรอครับ หลุมรักกันที่เขี้ยวกับลักยิ้ม   ซึ้งมากครับแขกผู้มีเกียรติ”

    พิธีกรหญิงเห็นว่าท่าจะขำกันพอแล้ว เลยช่วยสรุปโดยกล่าวให้คู่บ่าวสาว กล่าวขอบคุณแขกผู้มีเกียรติ เริ่มจากเจ้าสาวของคำคืนนี้

    ปานค่อยรู้สึกอุ่นใจเพราะเธอได้ท่องคำขอบคุณนี้มาอย่างขึ้นใจ เลยกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงเบาใจว่า “ขอบขอบคุณครอบครัวของเราทั้งสองคนที่ให้โอกาส เฝ้าดูความรัก และสนับสนุนเราทั้งสองอย่างดี พร้อมทั้งให้คำแนะนำและชี้แนะเรา จนทำให้เรามีวันนี้  ขอบคุณเพื่อนรักทุกคนที่วิ่งวุ่นช่วยงานของเรามาตั้งแต่เช้า และสุดท้ายขอขอบคุณปราชญ์ ที่รักปานมากมายขนาดนี้ค่ะ ขอบคุณค่ะ”  คำขอบคุณที่เตรียมมาช่างดูน่าซาบซึ้งเสียจริง ๆ ซึ่งปานเองก็เตรียมคำพูดเหล่านี้ไว้ก่อนวันงานแล้ว ซึ่งเธอเองก็รู้สึกขอบคุณอย่างจริงใจ เพียงแต่เธอเป็นพวกใช้คำพูดปัจจุบันทันด่วนไม่ค่อยดีเท่านั้นเอง

    พิธีกรชายเอามือโอบบ่าเจ้าบ่าวแล้วบอกว่า “ปกติผมรู้ว่าคุณน่ะไม่ค่อยพูด แต่คราวนี้คุณต้องพูดแล้วหละ”  
    ปราชญ์ เจ้าบ่าวผู้ซึ่งไม่ยอมเตรียมคำพูดอะไรทั้งสิ้น เพราะให้เหตุผลว่า ต้องสด ๆ ถึงจะจริงใจ แล้วคำพูดสด ๆ ของเจ้าบ่าวก็ดังขึ้น “ทีนี้ผมจะพูดอะไรดีหละ ก็ปานเล่นพูดไปหมดแล้ว เอาเป็นว่าผมขอบคุณทุกคนที่ไม่ได้มาร่วมงานนี้แล้วกันครับ” ทุกคนถึงกับงงไปกับคำขอบคุณของเจ้าบ่าว ซึ่งเจ้าตัวก็คงรู้สึกได้เหมือนกัน จึงพูดต่ออีกว่า “ขอบคุณที่ไม่ได้มา แต่ใส่ซองแล้วฝากมางัยครับ”  พอสิ้นเสียงของปราชญ์ เสียงหัวเราะและเสียงตลบมือก็ดังขึ้นก้องห้องจัดเลี้ยงเลยทีเดียว

    เมื่อเสร็จสิ้นการสัมภาษณ์บนเวที ปานถึงกับโล่งอก ขั้นตอนน่าตื่นเต้นอีกอย่างของเธอคือการตัดเค้ก เธอหวั่นใจมาตลอดหลายวันว่าเธอจะทำเค้กแต่งงานของตัวเองล้มลงตรงหน้าเป็นที่สุด เธอเลยจัดแจงบอกทางทีมงาน Organizer ว่าเธอขอเค้กแต่งงานแบบชั้นเดียวแต่ใช้แบบเล่นระดับแทน เพราะเค้ก 9 ชั้นแบบที่คู่อื่น ๆ เค้าใช้กัน คงมีหวังได้ล้มลงมานอนกองเป็นก้อนเดียวเป็นแน่  แต่สิ่งที่เธอกังวลก็ผ่านไปด้วยดี

    ภาพของงานในค่ำคืนนี้จะกลายเป็นความทรงจำที่น่าจดจำของทั้งคู่ เพราะกว่าที่ทั้งคู่จะมีวันนี้ได้ ใช้เวลาเดินทางร่วมกันมานานเหลือเกิน ผ่านเรื่องราวทั้งร้ายและดีมากมายเสียจน เกือบจะไม่มีวันนี้เลยด้วยซ้ำ ซึ่งคืนนี้หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการ และผู้ใหญ่มาทำพิธีปูที่นอนและส่งตัวให้กับทั้งคู่แล้ว ทั้งสองก็ได้มีโอกาสเปิดใจคุยกันถึงความรู้สึกในค่ำคืนนี้

    ปาน  :  “ปราชญ์ รู้สึกยังงัยบ้าง พรุ่งนี้เราจะเปลี่ยนสถานะอีกแล้วนะ พรุ่งนี้ฉันจะเปลี่ยนจากแฟนเป็น ภรรยาแล้วนะ”

    ปราชญ์:  “ก็ไม่รู้สึกยังงัยนะ แค่กำลังคิดว่า  มีอะไรในตู้เย็นให้ฉันกินบ้างไหมอ่ะ ฉันหิว”

    ปาน : “ทั้งปี !!  พอจะคุยอะไรที่มันรู้สึกชุ่มฉ่ำหัวใจ ก็มีอันต้องพังเพราะเธอทุกทีเลยนะ”

    ปราชญ์ : “ก็หิวนิ ชุดเธอรัดพุงจนกระเพราะลีบหละซิ เลยไม่หิว หรือว่ากลัวล้มหัวทิ่มจนลืมหิว”

    ปาน :    “ถ้าพูดมากเดี๋ยวจะไม่หาอะไรให้กินเลยนิ ดีนะที่บอกให้แม่เอาข้าวมาให้ ลุกมากินเลยมา”

    ทั้งคู่ไม่ได้ทานอะไรเลยนอกจากขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะวันนี้ยุ่งทั้งวันตั้งแต่ตีสาม ปานเองก็เพิ่งรู้สึกว่าเธอหิวเหมือนกัน ทั้งคู่เลยนั่งทานข้าวด้วยกัน ดีที่แม่ของเธอหิ้วอาหารจากที่สั่งให้ทางจัดเลี้ยงทำไว้เผื่อมาให้ตอนส่งตัวนั่นเอง ทั้งสองคนเลยนั่งทานอาหารเหมือนที่แขกทานกันในห้องนอน พอปราชญ์อิ่ม จึงเอ่ยปากบอกภรรยาของเขาว่า

    ปราชญ์ : “ถ้าไม่มีปานผมก็คงไม่รู้ว่าชีวิตตัวเองจะเป็นอย่างไรนะ  หาข้าวให้ผมกินแบบนี้ไปจนแก่นะปานนะ”

    นาน ๆ พูดที แต่พูดออกมาเล่นเอาปานอมยิ้ม ม้วนไปสองตลบเลยทีเดียว แล้วทั้งคู่ก็เริ่มคุยกันไปถึงเรื่องเก่า ๆ สมัยที่ทั้งสองเริ่มรู้จัก ซึ่งก็เมื่อ 8 ปีที่แล้วโน้น ..

    แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 48 21:27:42

    จากคุณ : เจ้ากระดานน้อย - [ 4 ก.ย. 48 19:14:11 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป