ความคิดเห็นที่ 2
ปูเตียงเลยไหมครับ เสียงพนักงานประจำตู้นอนถามอย่างนอบน้อม เอาเลยครับ ยายจะได้นอนพักผ่อน ลงไหนครับเนี่ย พิดโลกครับ 3 คน ส่วนผมลงลำปาง พี่อย่าลืมมาปลุกล่ะ ได้ๆ ผมไม่ปล่อยให้เลยหรอก
พนักงานตู้นอนจัดแจงปิดหน้าต่างกระจกดึงขึ้นจนสุด แล้วดึงหน้าต่างบานเกล็ดเหล็กลงมาปิดอีกที อย่างกะตู้รถนอนกันกระสุน ที่ต้องปิดซะทึบขนาดนี้เพราะว่าช่วงนี้อากาศข้างทางหนาวมาก ถ้าไม่ปิดรับรองการรถไฟ จะแถมหวัดให้เป็นของขวัญปีใหม่ หลังจากนั้นก็เริ่มปรับที่นั่งและปูที่นอน ยังไม่ทันจะถึงสถานีสามเสน ตู้ของพวกเราก็ปูที่นอนกันไปเกือบครึ่งตู้ละ พนักงานตู้นอนก็ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างขมีขมัน พร้อมตกปากรับคำที่จะคอยปลุกผู้โดยสาร รวมไปถึงคอยช่วยยกสัมภาระด้วยในกรณีที่เดินทางมาคนเดียวแต่พกสัมภาระเหมือนมากัน 3 คน ส่วนแก็งค์พวกเรานั้นเรื่องสัมภาระสบายๆ ไม่ต้องห่วงดูแลกันเองได้ แต่เรื่องเวลาตื่นนี่สิ ถึงพิดโลก ตีสี่ยี่สิบนาที โอ้ว...จะตื่นทันมั๊ยหว่า ต้องรีบนอนละ เดี๋ยวไม่คุ้มค่าตู้นอน และแล้วก็ปิดม่านปิดมุ้งกันตั้งแต่ก่อนเข้าสถานีบางซื่อ พร้อมกับตั้งมือถือปลุกกันเหนียวไว้ โดยผมกับยายนอนเตียงล่าง ส่วนพี่สาวกับว่าที่พี่เขยนอนเตียงบนคนละฝั่ง จะได้คุยข้ามห้วยกันได้
แต่ก่อนจะล้มตัวนอนก็ทนไม่ได้ ต้องลุกไปเปิดบานเกล็ดขึ้นหน่อย ยอมไม่ได้ที่ไม่เห็นวิวข้างทาง แม้มันจะมืดตึ๊ดตื๋อก็ตามเถอะ อย่างน้อยจะได้รู้ว่าถึงสถานีอะไรแล้ว และก็หลีกกับขบวนอะไรด้วยกลางทาง ส่วนกระจกนั้นผมไม่กล้าจะเปิดหรอก เพราะเชื่อว่าหนาวแน่ๆ คืนนี้ ตอนแรกกะจะนอนเอาหัวไปทางท้ายขบวน จะได้ไม่ต้องดูวิวแบบย้อนหลัง แต่คิดไปคิดมา ไม่ดีกว่า เดี๋ยวมีลมเข้ามาตีหน้าจะเป็นหวัดเปล่าๆ ให้ลมพัดขายังพอหาผ้ามาห่มให้มันอุ่นได้ และก็เป็นอย่างว่า หน้าต่างกระจกที่ว่ายกขึ้นปิดสุดซะดิบดี รถวิ่งไป เขย่าๆ มันก็ค่อยๆ ไหลลงมา นอนไปก็ต้องคอยสะดุ้งตื่นเพราะหนาว และก็มาดันหน้าต่างขึ้นไปใหม่ หลับๆ ตื่นๆ อยู่อย่างเนี้ยะ
01:45
ซักพักรถก็มาหยุดรอหลีกขบวนรถเที่ยวล่องขบวนแรกที่สถานีหนองโพ หยุดเกือบจะสิบนาทีได้ แล้วขบวนเที่ยวล่องที่เรารอหลีกก็วิ่งสวนลงไป น่าจะเป็นไม่รถเร็ว 108 จากเด่นชัย ก็รถด่วน 52 จากเชียงใหม่ นี่แหล่ะ ที่ไม่แน่ใจก็เพราะว่าเราอาจจะวิ่งผ่านขบวน 108 มาแล้วที่สถานีก่อนหน้านี้ก็ได้ แต่ก็นะ ได้แต่เดาไป ไม่มีประกาศเดินรถอยู่ในมือ แต่ถึงมีก็ไม่รู้อยู่ดีเพราะรถมันเสียเวลา ตำแหน่งสถานีที่หลีกรถเที่ยวล่องมันก็เลื่อนๆ กันออกไป อ้อเสริมอีกนิดนึงว่า หมายเลขขบวนรถของการรถไฟจะเป็นเลขคี่สำหรับขบวนที่ออกจากหัวลำโพง ส่วนขากลับของขบวนนั้นๆ ก็จะเป็นเลขขบวนเดิมแต่บวกไปอีก 1 เพราะฉะนั้นเมื่อเจ้า 51 ขบวนนี้ไปถึงเชียงใหม่แล้ว ตอนขากลับมันก็จะกลายร่างเป็นด่วน 52 นั่นเอง
และทันทีที่ขบวนรถเที่ยวล่องเคลื่อนผ่านประแจตัวสุดท้าย ขบวนเราไม่รอช้าเปิดหวูดพร้อมขยับตัวออกช้าๆ อย่างนิ่มนวล มุ่งหน้าสู่สถานีต่อไป ซึ่งนับจากนี้ไปจะเป็นจุดเริ่มต้นของการหลีกกับรถเที่ยวล่องอีกหลายขบวนซึ่งจ่อคิวกันมาติดๆ ตั้งแต่ขบวน 14, 2, 10 และก็ 110 ซึ่งทั้งหมดวิ่งลงมาจากเชียงใหม่ จะไปหยุดหลีกขบวนสุดท้ายก็นู่นเลย แถวๆ พิษณุโลก-พิชัย รวมระยะทางช่วงวิกฤตนี้ก็ราวๆ 200 กม. นี่ถ้าช่วงทางตรงนี้เป็นทางคู่ล่ะก็ ขบวนรถคงทำเวลาและถึงปลายทางได้เร็วขึ้นกว่านี้อีกเยอะเลย
02:20
รถห้อมาเต็มแรงม้า ตามกำลังที่ไอ้ต้อมจะพึงลากได้ โดยหยุดจอดที่สถานีนครสวรรค์ ช้าไปจากกำหนดเวลาราวๆ ครึ่งชั่วโมง ที่นี่มีรถเที่ยวล่องอีกขบวนนึงรอหลีกอยู่แล้ว เพราะได้ยินเสียงจากเครื่องยนต์ที่ดังอยู่อีกฟากหนึ่งของตู้ จังหวะนี้ยังไม่บ้าพอข้ามห้วยไปชะโงกดูว่าขบวนไรหว่า ก็เดาๆ ไปว่าคงเป็นขบวน 14 ด่วนพิเศษไฮโซผู้น้องของขบวน 2 จากเชียงใหม่ ล่ะน่า และถ้าจะให้เดาต่อจากเสียง วันนี้ขบวน 14 ก็ไม่น้อยหน้าได้ไอ้ต้อมลากด้วยเช่นกัน เป็นบุญไอ้ต้อมมัน แต่เป็นกรรมของ 14 รถด่วนพิเศษที่ควรจะได้รถจักรใหม่ๆ อย่าง GE หรือ Hitachi ที่เป็นรถจักรรุ่นใหม่ล่าสุดมาทำขบวนแทน แต่ที่ว่ารถจักรใหม่ๆ เนี่ยก็อายุอานามปาเข้าไปเป็นสิบปีแล้วล่ะ
02:40
ขบวนรถเริ่มชะลอและวิ่งเข้าทางหลีกที่สถานีทับกฤช เขตจังหวัดนครสวรรค์ คราวนี้เดาได้ว่าคงจะหลีกกับขบวน 2 แน่ๆ เพราะเวลาของสองพี่น้อง ขบวน 2 กับ 14 ช่วงนี้จะบี้กันมาติดๆ ขบวนของเราจอดรอหลีกประมาณ 5 นาที ขบวน 2 ก็วิ่งฉิวสวนไปอย่างรวดเร็ว นับจากนี้ก็เหลืออีกแค่สองขบวนเท่านั้นคือขบวน 10 รถด่วนพิเศษดีเซลรางจากเชียงใหม่ ที่วิ่งโดยไม่ต้องพึ่งหัวรถจักรและวิ่งได้เร็วจี๊ดกว่า กับขบวนรถเร็ว 110 ที่ไม่เราก็เขาต้องรอหลีก แล้วแต่ว่าใครจะเข้าใช้ทางแต่ละตอนได้ก่อนกัน สาธุขอให้ผ่านฉลุยไม่ต้องจอดด้วยเถอะ แค่นี้ก็ late มานักแล้ว
04:00
ตื่นมาอีกทีเพราะมือถือปลุกซะดังลั่นต้องรีบปิด ก่อนจะโดนรุมสกรัมจากผู้โดยสารคนอื่นๆ และนับตั้งแต่หลีกกับขบวน 2 แล้ว ก็นอนไม่รู้สาเลย ไม่รู้ว่าจอดหลีกใครอีก สงสัยว่าเราจะโชคดีผ่านตลอด โฮะๆ แม้แต่ด่วนพิเศษดีเซลรางยังต้องหลีกทางให้ด่วนเต่าขบวนนี้ จากนั้นต้องนั่งถ่างตาจ้องวิวข้างทางว่าถึงไหนแล้ว เพื่อจะได้เตรียมตัวและปลุกคนอื่นๆ จะได้ไม่พลาดเลยสถานีพิษณุโลก ซึ่งตามกำหนดน่าจะถึงภายใน อีก 20 นาที
จ้อง...จ้อง...จ้อง ตึกๆ...
เสียงขบวนรถวิ่งผ่านประแจด้านใต้ละ เอ้าเริ่มตั้งใจมองหน่อย กำลังจะผ่านหน้าสถานีแล้ว
แว้บ...แว้บ... ตึกๆ...
เสียงขบวนรถวิ่งผ่านประแจด้านเหนือไปละ เห็นลางๆ ว่าเป็นสถานีห้วยเกตุ แต่เอ ห้วยเกตุกับพิดโลกมันอีกไกลมั๊ยเนี่ย
ด้วยความที่มึนขี้ตา ประกอบกับไม่เคยท่องว่าสถานีไหนอยู่ตรงไหน ถึงไหนก่อนหลัง เลยไม่รู้ว่าอีกไกลไหมกว่าจะถึง ธรรมดาจะจำแค่สถานีสำคัญๆ ที่คุ้นเคย ว่าอยู่ หลัก กม. ที่เท่าไร ก็จำได้อยู่หรอกนะว่าพิดโลกอยู่ที่ กม.389 แต่มืดอย่างนี้จะให้สังเกตจาก เสาโทรเลขที่มีเลขกิโลบอกอยู่ข้างเสา ว่าผ่านกิโลที่เท่าไรแล้ว ก็เป็นไปไม่ได้อีก เลยเอาวะฝากพนักงานตู้นอนให้ปลุกแล้วนิ ถ้ามันใกล้จริงเขาคงปลุกแล้วล่ะ นอนต่อดีกว่าอย่าคิดมาก ว่าแล้วก็หลับตางีบซักหน่อย หลับได้ไม่ทันไรรถก็หยุด ก็สะดุ้งตาลีตาเหลือก นึกว่าถึงแล้ว วิ่งออกไปดูที่ประตูตู้ว่าถึงไหน โธ่ถัง เพิ่งจะสถานีพิจิตรเอง เวรกรรม ถึงช้ากว่ากำหนด 30 นาทีอีกต่างหาก งั้นก็บวกเวลาพิดโลกไปเลย 30 นาที ก็คงจะถึงประมาณ 04:45 นะแหล่ะ ไอ้เราก็นึกว่าจะทำเวลาให้ late น้อยลง ที่ไหนได้กลับบานปลายเป็น 30 นาทีซะแล้วตอนนี้
พิษณุโลกเตรียมตัวได้แล้วครับ เสียงพนักงานเปิดม่านเข้ามาปลุก อ่า...ครับๆ ว่าแต่...อีกนานมั๊ยกว่าจะถึง ประมาณ 5 นาทีแหล่ะครับ เพิ่งผ่านสถานีบึงพระเมื่อกี้นี้เอง เอ้าเหรอ.... ยาย..พี่หวาน....ตื่นเร็ว จะถึงแล้วววววว
ทุกคนต่างลุกขึ้นเตรียมตัวหิ้วสัมภาระ ส่วนผมก็ช่วยคุณยายหิ้วข้าวของที่ไม่หนักแต่เยอะ เพราะมีกระเป๋าหลายใบซะ ในถุงมีกระเป๋า ในกระเป๋ามีถุงใหญ่ ในถุงใหญ่มีถุงเล็กอะไรทำนองเนี้ย กลัวอยู่เหมือนกันว่าจะลืมอะไรทิ้งไว้ แต่ก็ไม่เป็นไรถ้าลืมเดี๋ยวผมก็เก็บไว้ให้อยู่ดี เพราะกว่าผมจะลงก็ลำปางโน่น
กริ๊งๆๆ....
หิวไหมเนี่ย จะได้ซื้ออะไรให้กิน คุณแม่ส่งเสียงมาตามสาย หิวเหมือนกันแม่ ซื้อมาก็ดีจ้า อยู่ตู้ที่ 5 นับจากท้ายนะแม่ เออ..หอบของมาเยอะไหม ก็ไม่เท่าไร...แล้วใครมารับมั่งนิ ก็แม่กับน้า และก็คนขับรถ แค่นี้ก่อนนะแม่มันจะจอดละ ขอหิ้วกระเป๋าก่อน เจอกันข้างล่างคร้าบ
กรึก...
ที่นี่ ที่นี่สถานีพิษณุโลก ท่านผู้โดยสารที่มีความประสงค์จะลงที่สถานีพิษณุโลก โปรดตรวจดูสิ่งของสัมภาระของท่าน ก่อนนำลงจากขบวนรถให้เรียบร้อย ขบวนรถที่จอดเทียบในชานชาลาที่ 2 ในขณะนี้ เป็นขบวนรถด่วนเที่ยวขึ้นขบวนที่ 51 รับส่งผู้โดยสารจากสถานีกรุงเทพ ปลายทางสถานีเชียงใหม่ ขบวนรถเมื่อออกจากสถานีพิษณุโลกแล้วจะหยุดรับส่งผู้โดยสารที่สถานีพิชัย อุตรดิตถ์ ศิลาอาสน์ เป็นสถานีต่อไป ขอบคุณครับ
เสียงประกาศของสถานีที่มีเอกลักษณ์สถานีใครสถานีมัน ไดอะล๊อคนี้ฟังมาตั้งแต่อายุ 6 ขวบ นี่เวลาผ่านไปเกือบยี่สิบปี ยังคงความเป็นเอกลักษณ์อยู่อย่างดีเยี่ยม
แก๊ง..แก๊งๆ
ผมวิ่งตาลีตาเหลือก มือซ้ายถือแก้วพลาสติกใส่กาแฟครึ่งถ้วย มือขวาถือถุงปาท่องโก๋ห้าบาท ปุเลงๆ รีบขึ้นก่อนที่รถจะเคลื่อนตัว แหม้..นี่ถ้าช้ากว่านี้ได้นอนอาบกาแฟบนชานชาลาแน่ๆ หะหะ
ปู้น...
ห้าทุ่มมารับด้วยนะแม่ เดี๋ยวนั่งรถด่วนกลับมา ผมตะโกนสู้เสียงหวูดของไอ้ต้อม เออ ใกล้ๆ แล้วโทรมาละกัน บ้านอยู่แค่นี้
รถเคลื่อนออกไปอย่างรีบร้อนเพื่อทำเวลา เพราะถ้าไม่ทำภายใน 100 กิโลนี้ ก็ไม่มีโอกาสแล้วล่ะ เพราะตอนขึ้นเขาทำเวลาชดเชยยากมาก หรือเรียกว่าไม่มีโอกาสเลยก็ว่าได้ เพราะมี Speed limit ตลอดทาง ส่วนผมก็กลับมานั่งบนที่นอนซดกาแฟอุ่นๆ กับปาท่องโก๋ร้อนๆ โต้ลมหนาวยามเช้าของวันที่ 11 ธันวาคม กินไปก็นึกถึงบรรยากาศเก่าๆ ที่นั่งขบวนนี้ตอนเด็กๆ นี่นานแล้วสินะที่ผมไม่ได้นั่งขบวนนี้ขึ้นเหนือโดยเฉพาะเหนือกว่าเด่นชัยเนี่ย ไม่เคยเลยซักครั้งเดียว นี่ถ้านับครั้งสุดท้ายที่ขึ้นขบวนนี้ก็ตั้งแต่ตอนที่มันยังเป็นรถเร็วอยู่เลย รู้สึกมีความสุขปนความตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก
อ้าว เวร! ปาท่องโก๋หมดแระ กำลังเพลินๆ นอนดีกั่ว ฮ้าววว ผมบิดขี้เกียจเตรียมวางแก้วล้มตัวลงนอน
กริ๊ง...กริ๊ง
ใครเนี่ยโทรมากวนแต่เช้ามืด คนจะนอนวุ้ย
จากคุณ :
DKO
- [
5 ก.ย. 48 18:10:02
]
|
|
|