ครั้งหนึ่งผมเดินตามหลังฝรั่งแก่ ผมไม่ได้สนใจอะไรเขานัก ผมกับเพื่อนเดินคุยกันไปเรื่อยเปื่อย พลันก็ได้ยินเสียงร้องเอะอะระคนตกใจดังมาจากข้างหน้า เมื่อเหลียวไปมองยังที่มาต้นเสียง ภาพที่ได้เห็นคือฝรั่งคนนั้นล้มลงไปนั่งกองอยู่บนถนน สักพักแล้วเขาก็ลุกขึ้นยืนสบถอย่างอารมณ์เสีย ผมเดาเอาเองว่าแกคงหัวเสียที่ได้ยินเสียงหัวเราะจากผู้คนที่เห็นเหตุการณ์
- เป็นผมก็คงหงุดหงิดเหมือนกัน.
หลังจากฝรั่งคนนั้นคล้อยหลังไปแล้ว ผมจึงสังเกตจุดหกล้ม พบว่ามันเป็นพื้นต่างระดับระหว่างฟุตปาธและถนนซอย เขาคงไม่ได้สังเกตและประมาทกับฟุตปาธของเมืองไทย (ที่ขึ้นชื่อว่าอันตรายที่สุด) ผลคือเขาหน้าคะมำอย่างที่หลายคนได้เห็นและขบขันโดยไม่มีใครสักคนคิดที่จะเข้ามาสอบถามอาการรวมถึงการให้ความช่วยเหลือ โชคดีที่ว่าเขานั้นไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆทางร่างกาย ส่วนทางด้านจิตใจนั้นผมไม่รู้ แต่พอมองออกได้รางๆว่ามันคงได้รับอาการบาดเจ็บ และเป็นการยากที่จะรักษาให้ลืมเลือน
- เขาคงจำฝังใจ.
....................
วันหนึ่งขณะที่ผมกำลังเดินลงไปยังโป๊ะเรือโดยสารข้ามฝาก ระดับน้ำเจ้าพระยาในเช้าวันนั้นลดลงต่ำมากจนทำให้ทางเดินขึ้น-ลงลาดชันมากกว่าทุกวัน หญิงสาววัยทำงานคนหนึ่งซึ่งอยู่ทางด้านหน้าห่างจากผมไปสามช่วงคนเกิดลื่นล้มตัวไถลลงไปตามทางเนื่องด้วยพื้นทางเดินเปียกฝนที่ตกปรอยๆมาตั้งแต่เช้ามืด คนที่เดินตามหลังต่างเบี่ยงตัวอ้อมเธอไป ส่วนคนข้างเธอหันกลับมามอง บางคนตกใจ บางคนหันไปแอบยิ้มกับเพื่อน และบางคนไม่ได้สนใจอะไรเลยกลับก้าวขาลงเรือที่ยังเข้าจอดเทียบท่าไม่สนิทดีนัก ในช่วงเวลานั้นไม่มีใครสักคนคิดที่จะเข้ามาช่วยพยุงตัวเธอขึ้น และในขณะเดียวกันที่ผมรี่เข้าไปเพื่อจะช่วยเหลือเธอแต่แล้วผมกลับลื่นล้มลงไปอีกคน ท่ามกลางเสียงฮือฮาของผู้คนดังขึ้นอีกหนึ่งคำรบ..ผมไม่เป็นอะไรมากรีบลุกขึ้นแล้วช่วยพยุงหญิงสาวให้ลุกขึ้น และช่วยเธอเก็บข้าวของ
- ผมจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้อย่างยากที่จะลืมเลือน.
....................
(และ) อีกครั้งหนึ่ง ขณะที่ยืนรอรถโดยสารประจำทาง หญิงสาวนักศึกษาซึ่งกำลังก้าวขาขึ้นรถฯเกิดพลาดพลั้งทำรองเท้าหลุดตกลงมา เธอเกิดอาการพะว้าพะวงว่าจะลงหรือจะปล่อยเลยตามเลยเนื่องจากรถฯนั้นกำลังจะเคลื่อนตัวออก อีกทั้งยังถูกคนที่ขึ้นตามหลังเบียดแซงขึ้นไปอย่างหน้าตาเฉย
ผมซึ่งยืนเห็นเหตุการณ์อยู่ตรงหน้ารีบก้าวเท้าออกไปก้มตัวลงหยิบรองเท้าส่งให้เธอ เธอกล่าวขอบคุณ ผมเห็นสีหน้าของเธอว่ามันบ่งบอกมากกว่าคำว่า 'ขอบคุณ' หลังจากนั้นรถจึงเคลื่อนตัวออกจากป้ายไป ผมหันตัวเดินกลับเข้าป้ายเพื่อรอรถสายประจำของตัวเองพร้อมกับเห็นเด็กสาวกลุ่มหนึ่งยืนมองมาที่ผม บ้างยิ้ม บ้างหัวเราะคิกคัก ผมไม่รู้หรอกว่าพวกเธอหัวเราะผมหรือนักศึกษาสาวผู้นั้นกันแน่ ถ้าใช่ผม-ผมไม่ใส่ใจ แต่ถ้าเป็นเธอคนนั้นมันก็น่าคิดว่า 'มันน่าขบขัน' กันนักเชียวหรือ
-0-
หากเหตุการณ์เหล่านี้กลับกลายเป็นเหตุการณ์ที่กับเกิดขึ้นกับตัวพวกเขาเหล่านั้นเองบ้างแล้ว ผมสงสัยอยู่ว่า ระหว่างการลุกขึ้นเงยหน้าแล้วแผดเสียงหัวเราะเยาะตนเอง กับ ก้มหน้างุดๆรีบจากไปเสียจากที่ตรงนั้นโดยพลัน..พวกเขาจะเลือกทำสิ่งไหน
- จะมีสักกี่คนกันเชียวที่จะแผดเสียงหัวเราะกับการพลาดพลั้งของตนเอง.
- จะมีสักกี่คนกันเชียวที่รีบลุกขึ้นเดินจากไปอย่างรวดเร็ว.
- จะมีสักกี่คนที่ลุกขึ้นแผดเสียงหัวเราะแล้วเดินหนีจากไปเหมือนคนเสียสติ..สมน้ำหน้าขบขันตัวเองพร้อมกับอับอายผู้คนตรงหน้า.
หรือเขาจะจำกัดอารมณ์อันน่าอภิรมย์นี้ไว้ให้เฉพาะเพียงแต่ผู้อื่นเท่านั้น สำหรับตนเองแล้ว 'อย่าเชียว' อย่าได้หัวเราะฉันเป็นอันขาด..มันน่าขันกันนักหรือไง
ใช่--มันไม่ใช่เรื่องน่าขันและน่าสนุกนัก เพียงเพราะนั่นเป็นตัวคุณเองที่ตกเป็นผู้ถูกกระทำ
แต่คุณยังอยากหัวเราะความผิดพลาด-พลั้งพลาดของผู้อื่น?!
ขบขันและสนุกกับความทุกข์ของผู้อื่นให้สาแก่ใจจนตายกันไปสักข้าง @
ด้วยมิตรภาพ
4 กันยายน 2548
จากคุณ :
อานันท์-โจนาธาน
- [
5 ก.ย. 48 21:10:48
]