ขุนช้างขุนแผน ฉบับนิทานข้างกองฟาง (๓๖)
ท้ารบ
พ่อแม่พี่น้องที่เคารพขอรับ เมื่อคราวที่แล้วกระผมได้เล่าไปถึงตอนที่ ขุนแผนได้พาพลายงามเข้าไปในเมืองเชียงใหม่ แล้วแก้เชลยไทยและล้านช้างออกมาได้จนหมดสิ้น มิหนำซ้ำยังปล้นช้างปล้นม้าของเขามาจนหมดโรงเสียด้วย
คราวนี้พอรุ่งเช้าขึ้น ก็เกิดเรื่องละสิขอรับ เราลองมาดูผลของอิทธิฤทธิ์ ที่พ่อ ขุนแผนของเรากระทำไว้ในคุกของเมืองเชียงใหม่ดูบ้างสิขอรับ
ครั้นรุ่งรางสางแสงพระสุริเยนทร์ เยื้องพระเมรุเลื่อนล่องส่องแสงใส
พวกพนักงานลาวชาวเวียงชัย จะเบิกไขคนโทษไปทำงาน
ถึงประตูจู่เดินมาดุ่มดุ่ม เห็นผู้คุมหัวขาดอยู่กลาดย่าน
ต่างตกใจไปค้นวิ่งลนลาน พบซมซานยังไม่ตายก็หลายคน
เรือนนายตรวจหักแหกของแตกหาย กระจัดกระจายไปทุกเรือนออกเกลื่อนกล่น
เข้าไปในตะรางที่ข้างบน เห็นผู้คนหายไปทั้งไทยลาว
นายร้อยพะทำมะรงลงกลิ้งกลาด บ้างหัวขาดเหลือกตาดูหน้าขาว
โซ่ตรวนหลุดกองทั้งสองราว คาขื่อมือเท้าเกะกะไป
โซ่พันยังลั่นกุญแจติด ตรวนก็ชิดหาเห็นรอยตัดไม่
ขื่อลิ่มก็ยังดีนี่อย่างไร ประหลาดใจโดดตะรางวางวิ่งมา
ฝ่ายอ้ายลาวเฝ้าม้าทั้งผัวเมีย ลุกขึ้นนั่งงัวเงียยังแก้ผ้า
ครั้งสร่างมนตร์เหลียวคว้างเห็นว่างตา หมอนมุ้งกระบุงตะกร้าก็หายไป
เมียแลดูผัวเห็นตัวเปล่า เอ๊ะใครเอาผ้านุ่งไปเสียไหน
ผัวแลดูเมียเสียน้ำใจ ผ้าผ่อนล่อนกระไรไม่ติดกาย
ผัวเมียตีอกตกประหม่า นางเมียไม่มีผ้าคว้าเสื่อหวาย
ผัวขยุ้ม กุมจุ่นอยู่วุ่นวาย ฉวยกระสอบสวมกายคล้ายกางเกง
ทั้งโรงเหนือโรงใต้ไม่มีม้า พวกคนเลี้ยงวิ่งร่ามาเหยงเหยง
อ้ายบางคนแก้ผ้ามาโทงเทง โรงกูเองก็หายตายแล้วเรา
กำลังพวกเลี้ยงม้าจ้าละหวั่น ก็พบกันกับอ้ายพวกนายคุกเข้า
พูดกันฟั่นเฟือนเหมือนกับเมา พออ้ายเฒ่าเลี้ยงช้างวางวิ่งมา
พบกันเข้าทุกคนที่ต้นทาง เล่าคดีถี่ห่างกันพร้อมหน้า
จะพากันเข้าไปในศาลา มาพบหลักอักขราเข้ากลางทาง
ก็รู้ว่าหนังสือฝีมือไทย ตรงเข้าไปถอนชักหลักทองหลาง
อ่านดูรู้แจ้งไม่แคลงคลาง ก็แบกวางเข้ามาศาลาใน ฯ
โอ้โฮ...ทีแรกกระผมคิดว่าจะปล่อยเชลย และปล้นม้าปล้นช้างเฉย ๆ นะขอรับ นี่ปรากฎว่า...ผ้าผ่อนท่อนสไบ หมอนมุ้งยุ้งฉาง...พ่อเก็บเรียบ...
พวกนายคุก นายม้า และนายช้าง ต่างก็หอบขี้โครงแล่นกันไปชิงกันแจ้งความที่ ศาลาลูกขุนใหญ่ กันเป็นการใหญ่ทีเดียว
ครานั้น เพี้ยกวาน ผู้เป็นนายใหญ่อยู่ ณ ศาลาลูกขุนใหญ่นั้นเห็นพวกนั้นผ้าผ่อนหลุดลุ่ยแบกท่อนไม้ทองหลางอันเบ้อเริ่ม วิ่งมาชิงกันฟ้องเป็นการโกลาหลดังนั้นก็ตกใจ ถามไถ่ความกันให้วุ่นวาย พออ่าน สาส์นท้ารบ จากไม้ทองหลางถากได้ความแล้ว ก็แห่กันไปเข้าเฝ้าในทันที
พระเจ้าเชียงใหม่พอได้ฟังความ ก็ร้อนพระทัยเป็นยิ่งนัก แล้วก็โปรดว่าเฮ้ย...อ้ายพวกไทยมันเขียนหนังสือมาว่ากระไร
อิทธิฤทธิ์ ของพ่อขุนแผนเรา ก็เป็นที่ประจักษ์ในท่ามกลางท้องพระโรงชัยเมืองเชียงใหม่ ใน ณ บัดนั้น
ฝ่ายว่าพันจามล่ามพนักงาน คลานมารับจับอ่านหาช้าไม่
ว่าพระจอมนครินทร์ปิ่นกรุงไทย บัญชาใช้ให้ทหารพระกาฬมา
เราฤาชื่อพระยาแผนพิฆาต คุมพวกไพร่อาทมาตสามสิบห้า
กับพลายงามลูกรักอันศักดา ยกมาจะประหารผลาญบุรี
ด้วยลาวชิงสร้อยทองของท่านไว้ แล้วจับไทยจองจำทำป่นปี้
เราเข้ามาแก้ไขไทยเหล่านี้ กับพวกที่ล้านช้างส่งนางไป
ให้พวกเรารอดพ้นทนทุกข์ก่อน จะหลบลี้หนีซ่อนนั้นหาไม่
จะรอเราให้เข้ามาชิงชัย ฤๅจะตามก็ไปที่บึงบัว
ถ้ารักชีวิตคิดถึงซึ่งพวกพ้อง จงทูนนางสร้อยทองไปบนหัว
ส่งให้แล้วคำนับรับว่ากลัว จึงจะปลอดรอดตัวไม่มรณา ฯ
พระเจ้าเชียงใหม่ก็ทรงพระพิโรธเป็นยิ่งนัก ปรึกษาบรรดาข้าราชการแล้วก็เห็นว่า ควรจะส่งม้าเร็วไปสืบข่าวที่ บึงใหญ่ ที่ขุนแผนว่าไว้นั้น หากเป็นจริงดังสาส์นที่นายทัพไทยท้าเอาไว้ คือมีกำลังพลอาทมาตเพียงสามสิบห้าคน กับทั้งเชลยไทยเชลยล้านช้างอีกราวไม่กี่ร้อยคนเท่านั้นจริง จะได้ยกกองทัพใหญ่ไปขยี้ให้แหลกเสียเป็นจุณ
แต่ทั้งนี้แหละทั้งนั้น พระเจ้าเชียงใหม่คงจะทรงพระโทโสเสียจนลืมไปว่า ถ้าเขาไม่ดีจริง เขาคงไม่สามารถที่จะมา ปล้นเงียบกริบ แบบนี้ได้หรอก จนกระทั่งเขาแค่ปล้นคุกไปเฉย ๆ แล้วมารวมพลท้ารบอยู่แบบนี้ คิดดูในมุมกลับอีกทีหนึ่งว่า ถ้าเขาสามารถ ปล้นคุก ได้ถึงขนาดนี้แล้ว การที่จะบุกเข้าไป เอาหัว พระเจ้าเชียงใหม่เอง ก็คงจะไม่ยากเย็นอะไรนัก
พระเจ้าเชียงใหม่ จึงส่ง แมวมอง ที่ชื่อ มุงกะยอง ออกไปสืบข่าวได้ความมาว่า กองทัพไทยยังชุมนุมกันอยู่ที่บึงใหญ่นั้นจริง โดยมีกำลังพลทั้งไทยและชาวล้านช้างราวเจ็ดร้อยคนเศษ
พระเจ้าเชียงใหม่ก็ทรงพระพิโรธหนัก ว่าอ้ายกองทัพแค่หยิบมือแค่นี้ยังมีหน้ามาข่มขู่ แล้วก็จึงมีพระโองการโดยทันใด
ครานั้นพระองค์ได้ทรงฟัง แผดเสียงเปรี้ยงดังสนั่นลั่น
เหม่เหม่อ้ายไทยใจฉกรรจ์ เจ็ดร้อยน้อยหรือนั่นมาขันรบ
ไม่พอครือมือลาวชาวเชียงใหม่ สักอึดใจก็จะมัดดังรัดกบ
เพียงหักไม้คนละกิ่งทิ้งสมทบ ก็จะกลบเสียได้ไม่คณนา
ดำรัสตรัสประภาษอยู่ฉาดฉาน สั่งท้าวกรุงกาฬตรีเพชรกล้า
จงเร่งพหลพลโยธา ไปจับจิกหัวมาให้หนำใจ
อัน เพี้ยปราบเมืองแมน แสนกำกอง ทั้งสองเคยเคี่ยวเข็ญผู้เป็นใหญ่
ยกเป็นปีกซ้ายขวาคลาไคล ให้ กรุงกาฬ นั้นไซร้เป็นแม่ทัพ
แสนตรีเพชรกล้า ขี่ม้าคล่อง เคยทำนองหักโหมเข้าโจมจับ
เป็นแม่ทัพสินธพไปรบรับ ให้พร้อมสรรพพรุ่งนี้สี่โมงปลาย ฯ
จากคุณ :
พจนารถ๓๒๒
- [
7 ก.ย. 48 07:26:03
]