CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    มวยวัด

    ประมาณ สามทุ่มห้าสิบเก้านาที เสียงตีระฆังระรัว ดังสนั่นวัด หมาฝูงใหญ่เห่าหอนขึ้นมาพร้อมๆ กันอย่างกับเห็นฝูงเปรตนับล้านตัว ไม่ทันที่เสียงระฆังจะหยุดลง พระและสามเณรต่างพากันวิ่งบ้างเดินบ้างไปยังหอระฆัง ปกติเวลานี้เป็นเวลาจำวัดหลับนอน หรือไม่ก็ปฏิบัติกิจส่วนตัวของเหล่าสาวกแห่งพุทธองค์กันแล้ว ไฉนเลยมาตีระฆังระรัวขึ้นเวลานี้ ถ้าไม่มีเรื่องอาพาธคอขาดบาดตายของเจ้าอาวาส หรือเรื่องอื่นใดที่ยากจะแก้ไข ก็คงไม่มีพระสงฆ์องค์เณรไหนตีระฆังขึ้นเช่นนี้

    หน้าศาลา ติดกับหอระฆังที่เกิดเหตุ หมู่วัยรุ่นขี้ยา 10 คน ยืนถือไม้หน้าสามเรียงรายกันเป็นแถว ไม้หน้าสามที่พวกมันใช้ตีระฆังให้ดังขึ้นนั่นเอง
    “หน้าไหนที่ว่าแน่ ออกมาเถอะ ข้าฯจะฟาดให้จีวรกระจุยเชียว” ขี้ยาว่า พลางชี้ไม้ชี้มือมาทางเหล่าสามเณรที่กำลังทยอยกันมาไม่ขาดสาย เวลานี้รวมกันไม่น้อยกว่า 50 รูปเข้าไปแล้ว และกำลังทยอยเดินกันมาอีกมากมาย
    วัดนี้เป็นสำนักเรียนของพุทธศาสนา จึงไม่น่าแปลกใจที่มีสามเณรมากมายขนาดนี้ สามเณรแต่ละรูปต่างก็ยืนดูท่าทีของขี้ยาอยู่ห่างๆ

    เป็นเหตุการณ์มารผจญ กับภิกษุสามเณรที่กำลังทำความดี ช่วงเวลาที่มีคุณค่าสำหรับการทำจิตให้สงบ เพียรสวดมนต์อ่านตำรา แห่งห้วงเวลานี้เมื่อมีมารมาขัดขวางให้ไม่อาจสร้างคุณค่าแห่งจิตได้ ใครก็ไม่อาจตำหนิติเตียนความเป็นมาแห่งอดีตของจิตได้ สามเณรแต่ละคนมาจากเด็กเก่งหัวใจแกร่งผู้ยากไร้ ด้วยความใฝ่ดีก็ได้มาอาศัยศาสนาเล่าเรียนวิชาหาความรู้ก่อนจะสึกหาลาสมณะกันออกไป เมื่อถูกชี้หน้าด่าถึงตระกูลพ่อตระกูลแม่ และไม้หน้าสามแกว่งไปมาอยู่ตรงหน้า การเดินหนีก็ไม่อาจหยุดความสงบลงเสียได้ในเวลานั้น

    บรรดาสามเณรตัวเล็กๆ ก็มีสามเณรตัวใหญ่ซ่อนกล้ามกำยำอยู่ภายใต้ร่มจีวร เดินจิตมั่นแน่วไปเผชิญหน้ากับขี้ยา
    “โยมจะเอาอะไร” สามเณรว่า “มีอะไรบอกมา”
    “มีสิว่ะ มีหน้ามาถามได้ ถ้าไม่มี ข้าฯก็คงไม่มา” ขี้ยาถุยน้ำลายรดพื้น
    สามเณรถอยฉากออกมาอีกนิด เมื่อเห็นมันกำลังแกว่งไม้ เหล่าสามเณรตัวเล็กตัวน้อย ตัวขนาดกลางและใหญ่ก็ตีวงล้อมเข้าไปรอบๆ อยู่ห่างๆ หากทันทีที่เกิดอะไรขึ้น และก็คงเกิดอะไรขึ้นตามมาด้วย

    “แกแน่ใช่มั้ย” ขี้ยาตัวเดิมชี้มาที่สามเณร ผู้เป็นทูตแห่งการเจรจานัยว่าจะไกล่เกลี่ยข้อขัดแย้งด้วยสันติวิธี เพื่อให้หยุดเหตุการณ์ที่กำลังจะบานปลาย แต่ทุกอย่างก็ไม่ดีขึ้น มันยังคงพูดจาหยาบช้าไม่หยุดหย่อน “แน่จริงก็เข้ามาสิว่ะ”

    “โยมวางไม้ลงก่อน คุยกันดีๆ” สามเณรตัวใหญ่อีกรูปช่วยเจรจา “ถ้าคุยกันดีๆ ไม่ได้ ก็กลับไป”
    “ไม่กลับ ข้าฯอยากชกหน้าสามเณรสักคน” ขี้ยาว่า
    “ถ้าอยากชกหน้ากันล่ะก้อ วางไม้ลงเสีย แล้วฉันจะชกด้วย” สามเณรตัวใหญ่รับคำ

    ทันทีที่สามเณรพูดจบ ขี้ยาสองคนวางไม้ลงกับพื้น และที่เหลือยังคงยืนถือไม้อยู่ในมือ แต่ทุกคนอยู่ภายในวงล้อมของสามเณรหมดแล้ว ขี้ยาคนเดิม ยกหมัดวางกาดมวยขึ้นเสมอหน้า ลีลาชั้นเชิงเหมือนนักมวยอาชีพไม่มีผิด ทำปากซู่ซู่ กวักมือให้สามเณรผู้รับคำท้าเดินเข้าไป

    เกิดอะไรขึ้น เมื่อสามเณรยอมสละชีวิตเพื่อรักษาพระธรรมวินัย ถอดจีวรออกจากกายอย่างช้าๆ จับปลายสบงรวบเข้าง่ามก้นโจงกระเบนอย่างระมัดระวัง กล้ามกำยำของลูกชาวนาฉายแววเด่นอยู่ตรงหน้า ไม่ผลีผลามเดินไปข้างหน้า แต่สุขุมลุ่มลึกอย่างมีสติเข้าไป

    ขี้ยาสวนหมัดเข้าใส่อย่างทันทีทันใด แต่พลาดเป้าเพราะสามเณรถอยฉากออกมาและยกหมัดขึ้น ย่างสามขุมเข้าไปอย่างรอบคอบ แต่ไม่ทันได้ชก ขี้ยาสวนหมัดเข้าใส่อีก สามเณรหลบฉากและหันหลังศอกกลับเข้าให้ทันที ศอกอันแหลมคมถูกปลายคางขี้ยาลงไปนอนสงบอยู่กับพื้น นับเป็นการรักษาแรงกายอย่างมีสติและชาญฉลาดยิ่งนัก ไม่มีแม้เหงื่อสักหยดก็ส่งขี้ยาลงไปกองอยู่กับพื้น เมื่อเพื่อนๆ ขี้ยาเห็นเพื่อนด้วยลงไปกองอยู่กับพื้นก็เข้าไปประคอง รวบแขนหิ้วปีกคนละข้างเดินกลับบ้าน

    “ฝากไว้ก่อนเถอะ พวกโล้นซ่าส์” ขี้ยาว่า

    จากคุณ : เสี้ยวศรี ธุลีสงฆ์ - [ 7 ก.ย. 48 17:48:33 A:202.90.116.45 X: TicketID:086836 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป