มีหลายคนบอกว่า การที่คนสองคนมาพบกันนั้น มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอก มันเป็นการยากมากเลยที่ต่างคนต่างครอบครัวจะมาเจอกันได้ หากแต่ว่าเพราะอาจมีปฏิสัมพันธ์บางอย่างที่ดึงดูดเขาและเธอได้มาพบกันจากชาติที่แล้วหรือว่าหลายชาติที่แล้วก็เป็นได้ อย่างที่หลายๆคนบอกไว้ว่ามันเป็น “พรหมลิขิต” จะมีบ้างไหมหนอที่เราจะสามารถรู้ได้ว่า เขาหรือเธอที่เกิดเพื่อมาคู่กับเราหรือว่าเกิดมาเพื่อคนอื่น ก็อีกนั่นล่ะก็จะมีคำพูดที่ว่า “ความลับสวรรค์มิอาจหยั่งรู้ได้” หากแต่ถ้าคุณสามารถรู้ความลับสวรรค์เพียงระยะเวลา เพียง 3 เดือนแบบผมล่ะ ความสามารถอันไม่สมประกอบอันนี้ล่ะ สร้างปัญหามาให้ผมหรือว่าอันนี้ก็เป็นพรหมลิขิตอีกก็ไม่รู้ ตามผมมาสิผมจะเล่าให้ฟัง
ผมเป็นวิศวกรคอมพิวเตอร์ เมื่อปีที่แล้วผมมีโอกาสได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของอินเตอร์เนตความเร็วสูง ซึ่งเป็นโครงการสำหรับอนาคต โครงข่ายเป็นระบบมัลติซุปเปอร์ไฟเบอร์ออฟติก ซึ่งสามารถทะลุอัตราความเร็วของการส่งข้อมูลในปัจจุบันที่ จำกัดอยู่ที่ความเร็วแสงตามไฟเบอร์ออฟติก ส่งผลให้เราสามารถติดต่อระหว่างคอมพิวเตอร์ได้อย่างรวดเร็วมหาศาล ทะลุขีดจำกัดของคำว่ากิ๊กกะบิตไปเรียบร้อยแล้ว นับแต่นี้อินเตอร์เนตจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์ไปสู่หน้าใหม่อีกครั้งหนึ่ง แต่อย่างว่า ผมเป็นเพียงลูกทีมเพียงหนึ่งในร้อยที่แสนจะมีส่วนร่วมน้อยมาก ดีก็แต่ได้มีโอกาสทดลองใช้อินเตอร์เนตความเร็วสูงกับเขานี่ล่ะ ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจแก่ผมมาก ลองหลับตานึกดูสิวันหนึ่งเราสามารถโทรศัพท์เห็นทั้งภาพได้ยินทั้งเสียงพร้อมๆกันได้เป็นร้อยคน หรืออย่างที่เราเห็นในภาพยนต์ที่เห็นเป็นสามมิติยืนคุยกับเราก็เป็นเรื่องเล็กมาก แต่ก็นั่นล่ะ เทคโนโลยีมันเป็นสิ่งฉาบฉวย สร้างความตื่นตาตื่นใจได้แค่ชั่วครั้งชั่วคราว สักพักมันก็เริ่มหมดความตื่นเต้นสำหรับผม กลายเป็นต้องหากิจกรรมอื่นทำแก้เซ็ง ก็คือกลับไปสู่จุดเริ่มต้นใช้ ICQ คุยเล่นไปวันๆ แต่เจ้าสิ่งนี้ล่ะ ที่สร้างความประหลาดใจในพลังของอินเตอร์เนตความเร็วสูงต่อมา

“สวัสดีครับ” ผมทักทายเพื่อใหม่ที่นามว่า me too