ความพ่ายแพ้เมื่อครั้งวันวานย้อนกลับมาอีกครั้ง ประหนึ่งควันแห่งความหม่นเศร้าที่เคยพ่ายแพ้ เสียหน้า ยังคุกรุ่นบ่มเพาะความเจ็บปวดอยู่ภายใน เมื่อมีจังหวะโอกาสอันเหมาะสมมันจึงแตกปะทุขึ้นมาอีก ท่ามกลางความอโหสิ การให้อภัย การไหว้พระสวดมนต์เพื่อแผ่ส่วนบุญให้กับเด็กขี้ยาคนหนึ่งของสามเณร ที่เคยสร้างความเจ็บปวดจากการประลองหมัดในครั้งนั้น ไม่อาจทำให้มันกลับเนื้อกลับตัวกลับใจให้ลายเป็นคนดีได้ เหมือนสร้างปมรอยด่างแค้นเพิ่มมากขึ้น
หลังเลิกเรียน สามเณรโตรีบกลับกุฏิโดยทันที ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจจะอ่านหนังสือ หลังสอบปลายภาคปีนี้เสร็จ อีกปีเดียวก็จะจบมัธยมปีที่หกแล้ว นั่นหมายถึงความเพียรพยายามได้ผ่านไปอีกขั้นหนึ่ง เมื่อมีการศึกษาถึงระดับนี้ การจะตัดสินใจอยู่ในร่มผ้ากาสาวพัตรต่อไป หรือจะสึกหาลาเพศไปช่วยพ่อแม่ทำนาทำไร่ก็อุ่นใจ ที่มีความรู้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวหน้าที่การงาน
สามเณรนั่งอ่านหนังสืออยู่ในกุฏิ อากาศภายนอกชื้นฉ่ำไปด้วยละอองฝนที่เพิ่งโปรยปรายลงมา หลังฝนหยุดไปหยดน้ำที่ไหลเรี่ยอยู่ตามใบไม้ก็ร่วงเผาะแปะตามแรงลมโหมเป็นขณะ หมาที่เห่าหอนก็กลับมาสร้างชีวิตหมาๆ ให้ครึกครื้นเหมือนคืนก่อนๆ จนชินชาต่อจังหวะเสียงหอนรับกันเป็นทอดๆ ไปเสียแล้ว
ห้าทุ่มสิบห้านาที ขณะที่หนังสือหน้าสุดท้ายของบทที่สิบสองกำลังจะจบลง สามเณรคิดอยู่ในใจว่าจะสรุปจากที่อ่านมาทั้งหมดของบทนี้ให้เหลือสักหนึ่งหน้ากระดาษ เพื่อว่าจะได้เก็บไว้ทบทวนอีกครั้งเมื่อวันสอบมาถึง ขณะนั้นได้ยินเสียงแกรกๆ อยู่ใต้กุฏิ แต่ก็ไม่อาจสะกิดความกลัวใดๆ ได้ นึกแต่เพียงว่าหมามันคงคาบกะลามะพร้าวหรือไม่ก็เอาลำตัวขี้เรื้อนไปถูไถกับเสากุฏิเพื่อระบายคันให้ทุเลาลง ทันใดนั้นเด็กขี้ยาก็ผลักบานมุ้งลวดจากหน้าต่างเข้าไปยืนจังก้าอยู่ภายใน ภายในดวงตาแดงก่ำเพราะฤทธิ์เหล้า มันยกมีดปลายแหลมขาววับขึ้นง้างคา พูดหนักแน่น ข้าฯ จะมาเอาคืน ความแค้นของข้าฯ มันฝังลึก การล้างแค้นไม่มีวันสาย
สามเณรพยายามตั้งสติให้มั่นคง ยืนขึ้นด้วยทีท่าระมัดระวังตัว หากมันจ้วงมีดลงเข้ามา อย่างน้อยการต่อสู้ก็คงเกิดขึ้น สามเณรยอมรักษาตัวเองตามสัญชาติญาณของความเป็นคน จะมิอาจยอมนอนลงอย่างดุษณีเพื่อให้มันจ้วงแทงดับไฟแค้นหรือดับกรรมที่เคยก่อไว้ให้หมดสิ้นกันในชาตินี้ เมื่อสามเณรยืนขึ้นความรู้สึกที่เคยเสียเปรียบกลับหมดไป ถึงมันจะถือมีดอยู่ในมือก็ตาม แต่ทั้งความล่ำบึกบึนหรือหน่วยก้านแข็งแรงกำยำทุกอย่างดูเหมือนจะแพ้ขาด คนขี้เหล้าเมายาหนึ่งวันดีสี่โทรม วัตถุอาวุธเท่านั้นที่จะแพ้มันได้ แต่ความรอบคอบ การมีสติ และปัญญา คืออาวุธที่ยิ่งใหญ่กว่าอาวุธใดๆ ทั้งสิ้นแล้ว
ขี้เมาเดินรี่เข้าใส่ หมายจะกดมีดลงใส่ให้มิดด้ามฝังแค้นลงบนส่วนใดส่วนหนึ่งของเรือนร่างอันกำยำ
ด้วยความจงใจ สามเณรถอยกรูให้หลังไปชนข้างฝา เมื่อแผ่นหลังไปชนกับปลั๊กไฟเข้า ทุกอย่างก็อยู่ในความมืด ชั่ววินาทีนั้นสามเณรนั่งยองๆ ลง และใช้เท้าข้างขวาที่ถนัดและแข็งแกร่งกวาดรวบขาขี้ยาให้ล้มตึงลง สามเณรไม่คิดจะซ้ำเติมให้มันถึงตาย กลับโหนตัวกระโดดลงจากกุฏิของตน ปล่อยให้ขี้ยานอนเสียท่าอยู่ในความมืด
เช้าวันรุ่งขึ้น ตำรวจเดินตรวจรอบๆ กุฏิ เดินขึ้นลงกุฏิของสามเณรแล้วๆ เล่าๆ การทำแผนประกอบการแจ้งความของสามเณรสร้างความวุ่นวายให้หมู่เพื่อนๆ และพระในวัดไม่ใช่น้อย ขณะที่สามเณรเดินไปมาเพื่อบอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เสียงเจ้าอาวาสพร่ำบ่นว่า เสียหายกันคราวนี้ ชื่อเสียงเสียหายก็เพราะเรื่องเช่นนี้ ชาวบ้านเขาก็คงไม่เข้าวัด ไม่ทำบุญกันคราวนี้
ถ้าไม่ไปแจ้งความไว้ก่อน เกิดมันมาอีก คราวหน้ามันคงต้องเอาปืนมายิง สามเณรนั่งครุ่นคิด
ถ้าเป็นเช่นเจ้าอาวาสว่า เป็นความผิดที่ต้องทำให้ชื่อเสียงของวัดเสียหายทั้งเรื่องในอดีต วันที่ส่งขี้ยาลงไปกองอยู่กับพื้น และเรื่องที่มันพยายามจะมาจ้วงแทงหมายจะเอาชีวิต และต่อไปมันอาจเอาปืนมายิง ถ้ามีการตายเกิดขึ้น วัดก็คงตกอยู่ในวิสัยแห่งโลกวัชชะ ซึ่งจะเป็นที่ติเตียนของชาวบ้านต่อไป
สิกขัง ปัจจักขามิ คิหิติ มัง ธาเรถะ หลวงตากล่าวนำ ให้สามเณรค่อยๆ กล่าวตาม
ขอท่านทั้งหลาย จงจำกระผมไว้ว่า เป็นคฤหัสถ์ ณ บัดนี้ สามเณรว่าตามอย่างช้าๆ
เป็นการลาสิกขาเสียกลางคัน ความฝัน ความหวัง ทั้งเจ้าของแห่งชีวิตเองก็ไม่อาจห้ามความเสียใจได้ แม้แต่ผู้ให้กำเนิดก็ไม่อาจทราบล่วงหน้า บัดนี้เขาทราบแต่เพียงว่าชีวิตคือการเดินทาง.
จากคุณ :
แรงแค้น
- [
8 ก.ย. 48 16:42:17
A:202.90.116.45 X: TicketID:086836
]