ตอบกระทู้ก่อน o^^o
- สายลมโชยเอื่อย ขอบคุณมากจ้าสำหรับลูกยุ และช่วยมาเป็นหน้าม้าเปิดกระทู้ให้ อิอิ
- เนตรนภัส แหะๆ จะตีหัวคนเขียนมั้ย ถ้าตอบว่ายังเขียนไม่จบค่ะ ที่นำมาลงเพราะโดนลูกยุมาด้วยความหวังว่าจะช่วยลดความเฉื่อยอ่ะ แฮ่ ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ
- โตขึ้นจะกลายเป็นยุง ขอบคุณมากที่เข้ามาอ่านค่า o^^o
- เด็กทะเล ขอบคุณค้าบคนสวย สำหรับกำลังใจและลูกยุ ฮา
- nongwin ฮา บทนี้มีคนอื่นน่าสงสารกว่าหนูเอ๋ยแล้วค่ะ
- Wild monkey พี่ย่องเอามาลงแถวนี้เผื่อช่วยกระตุ้นความขยันจ้า ฮา
- ต่าย ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ ว่าแต่บอร์ดเลิฟนี่หมายถึงเว็บนี้รึเปล่าเอ่ย http://www.love-stories.net/
- มินต์เองแหละ ฮา ขอบใจที่ตามมามุงให้น้า ว่าแต่อย่าเอะอะไปสิ ฮา
- หมาแกะ ก๊ากกกกก เห็นด้วยค่ะ ส่วนคุณพระเอกจะดีรึเปล่านั้นต้องให้คนอ่านช่วยตัดสินน้า อิอิ
- scottie ซ้าธุ ฮา ช่วยลุ้นคุณนางเอกด้วยค่า
- Bangkokian ขอบคุณมากค่ะ เอาตอนต่อไปมาให้แล้วน้า
- น้องกันต์ ขอบคุณที่เข้ามาทักทายจ้า เดี๋ยวจะมีคนอื่นมาให้สงสารแทนหนูเอ๋ยอีกมากมายค่ะ ฮา
- :::อาราเร่::: อูย คำถามโดนใจ ฮา ^^" อีกพักใหญ่ๆ แต่ไม่นานเกินรอค่ะ (มั้ง) แหะๆ
ขอบคุณมากๆ สำหรับทุกความคิดเห็นและกำลังใจนะคะ น้อมรับทุกคำติชมเช่นเคยค่ะ o^^o
=================================
ความรักของนางมารร้าย (2)
"ตื่นได้แล้วไอ้เอ๋ย ตื่นสิวะ ตื่นนนน"
มือที่เขย่าร่างคุดคู้ใต้ผ้าห่มค่อยๆ เพิ่มกำลังให้แรงขึ้นตามเสียงเรียกเมื่อคนที่นอนอยู่ไม่แสดงปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ ราวกับว่ามือและเสียงที่ประสานพลังกันอยู่นั้นไม่ต่างอะไรกับเพลงขับกล่อมให้นิทรารมณ์ของเจ้าหล่อนเป็นสุขยิ่งขึ้น
น้ำทิพย์ถอนใจเฮือกใหญ่ด้วยความเหนื่อย (จากการออกแรง) และหน่าย (จากผลตอบรับที่ไม่บรรลุวัตถุประสงค์) ก่อนตัดสินใจดึงผ้าห่มที่ห่อตัวเพื่อนเสียกลมมิดเหมือนปอเปี๊ยะทอดออก แล้วใช้มือทั้งสองข้างรวบแขนคนขี้เซาให้ลุกขึ้นมาอยู่ในท่านั่ง พร้อมกับสวมวิญญาณสาวบาร์เทนดี้เขย่าร่างนั้นเต็มแรงจนหัวสั่นหัวคลอน
"โอ๊ยๆๆๆ เจ็บโว้ย"
เสียงโวยจาก 'เชคเกอร์' ที่กว่าจะรู้สึกตัวก็ทำเอาเพื่อนเสียพลังงานไปหลายแคลอรี่
"แกจะบ้าเหรอเน็ก นี่คอฉันเคล็ดไปหมดแล้ว"
"ก็แกไม่ยอมตื่นนี่หว่า"
หญิงสาวตอบพร้อมมองคนตรงหน้าที่นวดคลึงคอตัวเองด้วยความขัดยอก
"ปลุกให้มันสมเป็นมนุษยชาติหน่อยได้มั้ยเล่า เขย่าทียังกะโดนจับนั่งเก้าอี้ไฟฟ้า"
ว่าแล้วก็ทำท่าจะล้มตัวลงนอนต่อ หากโดนอีกฝ่ายกระตุกแขนไว้โดยเร็ว
"ไม่ต้องทำเนียนเลยยัยเอ๋ย ไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้ เสียเวลาปลุกแกเกือบสิบนาทีแล้ว เดี๋ยวก็สายจนได้"
อัยยาหันมามองเพื่อนด้วยนัยน์ตาหรี่ปรือแค่ครึ่ง
"สายอะไร นี่วันเสาร์ไม่ใช่เหรอ"
"เออ วันเสาร์ แต่ฉันจะออกไปข้างนอก และแกก็ต้องไปกับฉัน เพราะงั้นลุกเดี๋ยวนี้"
"ม่ายอาว ไม่ไป ฉันจะนอน ฉันมันคนอกหักนะเฟ้ย กฎข้อแรกของคนอกหักคือนอนให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะได้ไม่ฟุ้งซ่านนนน"
คนเพิ่งตื่นสะบัดศีรษะดุ๊กดิ๊ก เสียงยานคางแต่มุ่งมั่นบอกความตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ยอมขยับลุกจากเตียงอันแสนสบายไปไหนทั้งนั้น
"ไม่ต้องเลย ขืนปล่อยแกนอนต่อ เดี๋ยวก็ตื่นขึ้นมาก็นั่งบ้าอยู่คนเดียวอีก ลุกๆ"
น้ำทิพย์ฉุดกระชากลากกระตุกเพื่อนให้พ้นจากเตียง แล้วดุนหลังให้เข้าห้องน้ำไป โดยไม่ลืมขู่สำทับ
"ห้ามไปแอบหลับในนั้นนะ ไม่งั้นฉันจะพังประตูเข้าไปถ่ายรูปเปลือยแกไปแปะประจานที่เคาน์เตอร์เซเว่นหน้าปากซอย"
สิบห้านาทีผ่านไป อัยยาก็สะโหลสะเหลออกมาจากห้องน้ำ และได้ยินเสียงเพื่อนตะโกนขึ้นมาจากข้างล่าง
"รีบแต่งตัวด้วย อย่ามัวแต่โอ้เอ้ ฉันให้เวลาแกห้านาที ไม่ลงมาอดกินปาท่องโก๋ป้าเพ็ญ"
หญิงสาวอ้าปากเหมือนอยากจะกรีดร้องด้วยความขัดใจ
...ยัยเน็กต้าร์นี่สมเป็นเพื่อนเวรเพื่อนกรรมหล่อนจริงๆ รู้ทันไปหมดขนาดนี้ ใครส่งมาเกิดวะ!
แต่ก็นั่นล่ะนะ ถ้าไม่ได้น้ำทิพย์เป็นคนคอยปลอบโยนและฉุดรั้งเธอจากความเศร้า ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องใช้เวลานานเพียงใดที่จะฟื้นตัวและตื่นจากความผิดหวังในแต่ละครั้งได้
ไหนจะบ้านหลังนี้ของอีกฝ่ายซึ่งเป็นที่ซุกศีรษะนอนของเธอบ่อยครั้ง จนแทบจะโอนย้ายสำมะโนครัวมาประจำอยู่ที่นี่แทนบ้านของพ่อแม่ตัวเอง
ด้วยเหตุที่งานการอันไม่เป็นเวล่ำเวลาของเธอทำให้การกลับบ้านซึ่งห่างไกลจากออฟฟิศแบบคนละฟากฝั่งของกรุงเทพกลายเป็นความทรมานในทุกเช้าค่ำ และอีกหลายๆ ครั้งกับงานนอกสถานที่ซึ่งทำเอาไม่ได้เข้าบ้านสามวันเต็ม (แต่พอเข้าได้ก็กลับไม่ได้นอน เพราะโดนตั้งกัณฑ์เทศน์ไปอีกครึ่งวัน)
บ้านใจกลางกรุงของน้ำทิพย์ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากออฟฟิศเธอมากนักจึงกลายเป็นการแก้ปัญหาที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบิดามารดาของเจ้าของบ้านเบื่อชีวิตท่ามกลางรถและควันพิษจึงย้ายไปอยู่บ้านแถบชานเมืองซึ่งนอกจากจะไกลความวุ่นวายแล้ว ยังจะใกล้เพื่อนร่วมก๊วนมากขึ้นด้วย ปล่อยให้ลูกสาวคนเดียวครอบครองบ้านโดยฝากฝังป้าเพ็ญซึ่งเป็นแม่บ้านคนสนิทให้คอยดูแลเพราะกลัวลูกจะอดตาย รวมถึงจ้างเด็กส้มให้คอยช่วยดูแลบ้านที่เกรงว่าจะกลายเป็นแหล่งซ่องสุมของแมลงและสัตว์อันไม่พึงประสงค์ถ้าปล่อยลูกสาวไว้ลำพัง
"ถ้าแกกินปาท่องโก๋ของฉันหมด จะแช่งให้แกบวมน้ำมันเป็นปาท่องโก๋ยักษ์"
คนบนห้องตะโกนโต้ลงไป พลางเปิดตู้คว้าเสื้อผ้าที่ใกล้มือที่สุดออกมาสวม ปิดท้ายด้วยการฉวยกระเป๋าสะพายใบโตแล้ววิ่งออกจากห้องด้วยอัตราความเร็วที่เทียบกันแล้วคงไวน้อยกว่าเสียงเพียงแค่สามก้าวเศษๆ
ลงมาถึงข้างล่างก็พบว่าเพื่อนหล่อนนำหน้าไปอีกหลายก้าวด้วยการสตาร์ทรถรออยู่หน้าบ้านแล้ว ทำให้ไม่มีเวลาละเลียดปาท่องโก๋โฮมเมดสุดอร่อยอย่างใจคิด ดีที่คุณป้าแม่บ้านมองการณ์ไกลเล็งเห็นความวุ่นวายอันน่าจะเกิดได้ล่วงหน้า จึงเทปาท่องโก๋ใส่ถุงเตรียมไว้ให้อย่างเรียบร้อย
"ขอบคุณค่ะป้าเพ็ญ"
อัยยากล่าวด้วยรอยยิ้ม แล้วกระโจนออกนอกบ้านตามเพื่อนไป
เมื่อขึ้นรถ คาดเข็มขัด ปรับเบาะ และเปิดเพลงคลอเบาๆ เป็นอันเรียบร้อย หญิงสาวก็หยิบอาหารเช้าในถุงใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย
"เออ ดูๆ ไปแกก็ไม่เห็นจะอกหักอะไรเท่าไหร่นะรอบนี้"
น้ำทิพย์พูดทั้งที่สายตายังจับจ้องไปที่ท้องถนนเบื้องหน้า แต่ยังสามารถรับรู้ได้ว่าเพื่อนกินก็ได้(มากเป็นปกติ) นอนก็หลับ(อุตุไม่เปลี่ยน) ขัดกับพฤติกรรมคนอกหักโดยสิ้นเชิง
"ชิน"
คนอกหักตอบสั้นๆ ก่อนส่งปาท่องโก๋คำสุดท้ายเข้าปาก เช็ดมือให้สะอาดกับกระดาษทิชชู่ แล้วซบศีรษะลงกับเบาะ
"ถึงแล้วปลุกละกัน"
...นั่นไงว่ายังไม่ทันขาดคำ มันก็สาธิตความ 'ชิน' ให้ดูซะแล้ว
(มีต่อค่ะ)
จากคุณ :
nyx
- [
9 ก.ย. 48 09:33:52
]