CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    Zenit พลังถล่มปฐพี..........ตอนที่ 11

    ตอนที่ 1 การต่อสู้ , ตอนที่ 2 นักล่าปีศาจ , ตอนที่ 3 หมู่บ้านกลอเรีย
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W3709324/W3709324.html
    ตอนที่ 4 คืนเดือนมืด , ตอนที่ 5 ปราบปีศาจ
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W3712051/W3712051.html
    ตอนที่ 6 บุรุษแปลกหน้ากับหมา(ป่า)หนึ่งตัว , ตอนที่ 7 การเดินทางในป่า (1)
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W3716330/W3716330.html
    ตอนที่ 8 การเดินทางในป่า (2)
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W3717765/W3717765.html
    ตอนที่ 9 เข้าเมือง
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W3722471/W3722471.html
    ตอนที่ 10 ความวุ่นวายในโรงแรม
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W3724878/W3724878.html

    ตอนที่ 11 แขกกิตติมศักดิ์

             รถม้าคันหนึ่งซึ่งดูแล้วควรจะเป็นรถของเศรษฐีมีเงิน  เพราะดูจากขนาดที่ดูใหญ่โอ่อ่า อีกทั้งยังถูกออกแบบมาอย่างสวยงามไม่เหมือนกับรถม้าธรรมดาทั่วไป   กำลังวิ่งไปบนถนนใหญ่ที่สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าและผู้คนมากมายกำลังเดินจับจ่ายซื้อของกันขวักไขว่ในวันที่อากาศดี ท้องฟ้าสดใสในยามสายๆ แสงอาทิตย์ยังไม่แรงมากนัก

             คณะเดินทางของเรย์นัลด์ได้นั่งอยู่บนรถม้าคันงามนี้เพื่อไปพักกับชายสูงวัยผู้มีท่าทางภูมิฐานคนนั้น  และได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับความสามารถของแรนดอร์ฟให้ฟัง  เพราะแรนดอร์ฟจะเป็นเด็กหนุ่มตลอดไม่ได้  ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือกที่ต้องบอกความจริงไป  ซึ่งตอนนี้แรนดอร์ฟก็กลับเป็นหมาป่าสีเงินเรียบร้อยแล้ว

             “คุยกันตั้งนานยังไม่รู้ชื่อท่านลุงเลย”  เรย์นัลด์เอ่ยถาม

             “เรียกข้าว่า แซม ก็แล้วกัน”  เขายิ้มด้วยแววตาอ่อนโยนเป็นมิตร

             “ในเมื่อลุงมีบ้านแล้วจะมาพักโรงแรมทำไมละ”  เลวิซถามบ้าง

             “ข้ามาทำธุระนิดหน่อย จึงจำเป็นต้องพักโรงแรม” แซมกล่าว “แล้วพวกท่านมาเที่ยวเมืองนี้เหรอ”

             “ก็ประมาณนั้นละ  อันที่จริงฉันอยากมาดูยอดฝีมือที่อยู่ในเมืองนี้ต่างหาก” เลวิซตอบ “เพราะข้าอยากมีฝีมือเก่งๆ บ้างจะได้แข็งแกร่งขึ้น”

             แซมมองเด็กหนุ่มที่มีผ้าคาดหน้าผากไว้อย่างพิจารณาก่อนมองผ่านไปยังเรย์นัลด์ที่นั่งถัดมาและมาหยุดสายตาที่พาทริเซียที่นั่งอยู่ริมสุด ซึ่งกำลังมองทิวทัศน์ภายนอกอย่างไม่ใส่ใจบทสนทนาภายในรถม้า

             ‘บางทีพวกเขาอาจช่วยได้’  แซมนึกรวมไปถึงเซนกับแรนดอร์ฟที่นั่งข้างๆ เขาด้วย  

             เมื่อรถม้าหยุดจอดนิ่ง  พวกเขาจึงทยอยกันลงมา  ภาพเบื้องหน้าของผู้มาเยือนนั้นคือปราสาทใหญ่สวยงาม  วิจิตรไปด้วยอัญมณีหลากชนิดที่นำมาประดับประดาอย่างลงตัวและไม่ดูเยอะจนรกเกินไป  โดยเฉพาะบริเวณยอดปราสาทที่ระยิบระยับยามต้องแสงอาทิตย์
    ผู้มาเยือนทั้งห้ากำลังยืนตะลึงอ้าปากค้างกับความโอ่อ่าของปราสาท  ที่ไม่นึกว่าที่พักใหม่ของตัวเองจะอลังการขนาดนี้  เพราะนึกว่าเป็นบ้านธรรมดาเสียอีก

             “ง่า. . . จะให้พักที่นี่เหรอฮะ”  เรย์นัลด์ชี้ไปยังตัวปราสาท

             “ที่นี่แหละท่าน”  แซมตอบยิ้มๆ

             บ้านเศรษฐีมันใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย  แล้วไอ้เพรชเม็ดเท่าไข่ไดโนเสาร์บนยอดปราสาทนั่นอีก  แม่เจ้าโว้ย! อะไรมันจะรวยขนาดนั้น เรย์นัลดืคิดแล้วกลืนน้ำลายลงคอเอื้อกใหญ่

             “พวกท่านเชิญตามข้ามาทางนี้”  แซมกล่าวเชิญชวนแล้วเดินนำเข้าไปในตัวปราสาท

             “นี่ๆ  ตาลุงนี่รวยไม่ใช่เล่นเลยนะ  บ้านใหญ่ขนาดนี้”  เรย์นัลด์พยายามพูดเบาๆ ให้ได้ยินแค่กลุ่มพวกเขาเท่านั้น

             “นี่ไม่ใช่บ้าน  แต่เป็นปราสาทราชวังต่างหาก”  เลวิซกล่าวแก้

             “ราชวัง”  พาทริเซียทวนเบาๆ อย่างแปลกใจ

             “ใช่  ใครที่ไหนก็รู้ทั้งนั้นว่าที่นี่เป็นราชวัง”  แรนดอร์ฟมองไปทางเรย์นัลด์ด้วยหางตา “ยกเว้นพวกงี่เง่าเท่านั้นละที่ไม่รู้”

             “แก!. . .” ถ้าไม่มีพาทริเซียกับเลวิซช้วยฉุดรั้งไว้อาจเกิดการวิวาทอีกครั้ง

             “นายก็รู้ด้วยเหรอเลวิซ”  พาทริเซียถามขึ้น

             “อืม  ก็เห็นจนชิน” เลวิซตอบอย่างไม่ใส่ใจ

             “เห็นจนชิน?” เรย์นัลด์ทำหน้าครุ่นคิด

             “หมายถึงถ้าเห็นปราสาทก็เดาได้ว่าเป็นราชวังไง”  เลวิซตอบปัดๆ

             “เงียบ ๆ กันไม่ได้หรือไง  เดี๋ยวเขาก็หาว่าเป็นพวกบ้านนอกเข้าวังหรอก” เซนเอ่ยขึ้นในที่สุด  น้ำเสียงยังเต็มไปด้วยความเย็นชาแกมรำคาญด้วย

             ก็ไม่แปลกที่จะเห็นว่าทั้งเซนและแรนดอร์ฟไม่ตื่นเต้นเท่าไรเมื่อรู้ว่าจะได้พักในปราสาท  เพราะถ้าพวกเขาเป็นองครักษ์ตามหาเจ้าหญิงจริง  พวกเขาก็ต้องเคยอยู่ในราชวังรับใช้กษัตริย์เมืองใดเมืองหนึ่งเป็นแน่

             แซมได้พาเหล่าอาคันตุกะเดินผ่านระเบียงทางเดินที่มองออกไปจะเป็นสวนหย่อมที่ถูกตกแต่งได้ร่มรื่น  ดูแล้วผ่อนคลายสบายตา ทั้งน้ำพุที่ตั้งอยู่กลางสวน  แปลงดอกไม้นานาพรรณที่ถูกจัดตกแต่งเหมือนสวนดอกไม้บนสวรรค์ก็ไม่ปาน และยังมีเสียงนกร้องขับขานกันอยู่ตลอดเหมือนมาคอยต้อนรับแขกผู้มาเยือนทั้งหลาย

             เมื่อเข้าไปสู้โถงทางเดินในตัวปราสาท ก็เห็นพรมสีแดงปูลาดยาวออกไป  สองข้างทางจะมีกระถางต้นไม้วางห่างกันพอประมาณ  โคมไฟถูกจุดไว้ตรงฝาผนังเป็นระยะๆ เพื่อให้ความสว่างไสว  บนเพดานจะตกแต่งด้วยลวดลายต่างๆ สวยงามบ่งบอกถึงศิลปวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์  ทั้งยังประดับอัญมณีไว้อย่างลงตัว สมกับเป็นปราสาทของเมืองแห่งอัญมณี

             เดินผ่านประตูแล้วประตูเล่าจนมาหยุดตรงหน้าบานประตูหนึ่ง  แซมก็เปิดเข้าไปข้างใน พบว่าห้องนี้เป็นห้องรับแขกที่โอ่โถงมาก  ดูจากโซฟาที่บุด้วยผ้าชั้นดีลายเนื้อผ้าก็เข้ากับสีของผ้าม่าน และโทนสีของผนังห้อง  เก้าอี้รับแขกที่มีมากพอจะนั่งได้เป็นหลายสิบคน ทำให้ไม่ต้องห่วงว่าที่นั่งจะไม่พอ  และห้องนี้ก็ยังกว้างพอจะวิ่งไล่จับกันเลยทีเดียว

             “พวกท่านนั่งพักกันที่นี่ก่อน  ข้าขอตัวไปทำธุระสักครู่”  ว่าแล้วแซมก็เดินออกจากห้องไป ทิ้งให้พวกเขาพักผ่อนกันตามอัธยาศัย

             ห้องทั้งห้องจึงตกอยู่ในความเงียบ  เมื่อคนพูดมากที่สุดมัวแต่เดินดูนั่นแตะนี่ไปทั่ว ส่วนเลวิซที่นั่งเอนหลัง ตาก็เริ่มจะปิดสนิทอยู่แล้ว  และคนไม่ค่อยพูดก็ยังคงเงียบต่อไป มีเพียงแต่แรนดอร์ฟที่ยังชวนพาทริเซียคุยอยู่สองคนเบาๆ

             “นี่ไง  ดาบนภาจันทร์ นายจะอยากดูไปทำไม”  เมื่อเรียกดาบออกมาแล้วก็ยื่นให้เจ้าหมาป่าสีเงินดูตามคำเรียกร้อง

             “ก็เห็นว่ามันสวยดี” แรนดอร์ฟจ้องดาบอย่างพิจารณา “แล้วใครให้มาเหรอ”

             “ท่านพ่อของฉันเป็นคนตีดาบให้เองกับมือ  ดาบเล่มนี้จึงเป็นสมบัติล้ำค่าของฉัน” ดวงตาสีทองมองดาบด้วยความอาวรณ์ถึงผู้ที่จากไป  นัยน์ตาเริ่มอ่อนแสงลง

              ผาง!

              เสียงประตูเปิดทำให้สายตาทุกคู่หันไปมอง รวมทั้งคนที่กำลังจะหลับด้วย  พบว่านอกจากแซมแล้วยังมีชายที่วัยคงจะไล่เลี่ยกับเขายืนอยู่ด้วย  ชายผู้นั้นดูจากการแต่งตัวแล้วคงจะเป็นผู้มีตำแหน่งในราชวังแห่งนี้เป็นแน่

              “เรียนทุกท่าน นี่คือกษัตริย์ อิริค อิมมานูเอล แห่งจูเวลนคร”  แซมกล่าวแนะนำอย่างนอบน้อม  “องค์กษัตริย์ พวกเขาคือคนที่ช่วยกระหม่อม
    ไว้พระเจ้าค่ะ”

              กษัตริย์!?

              ชายผู้นี้คือกษัตริย์แห่งนครจูเวล!

              ความแปลกประหลาดใจ  ตกใจ  ประหม่าเริ่มปรากฏบนใบหน้าของอาคันตุกะทั้งหลาย  มือไม้เริ่มเกะกะไม่รู้ว่าจะเอาไปไว้ตรงไหนดี

              เมื่อเห็นแขกผู้มาเยือนลุกยืนทำความเคารพด้วยท่าทางเก้ๆกังๆ  กษัตริย์อิริคจึงบอกให้ทำตัวตามสบาย  ไม่ต้องสนใจพิธีรีตรองอะไรมาก

              “อ้อ  ข้อขอแนะนำตัวเองอีกครั้ง  ข้าคือ  เซอร์  แซมมวล  สกอต  เป็นองคมนตรีแห่งองค์กษัตริย์อิริค และเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์”

             “ข้าแค่อยากจะมาขอบคุณพวกท่านที่ได้ช่วยเหลือ เซอร์ แซมมวลไว้  และยินดีที่จะให้พวกท่านพักอยู่ที่นี่นานแค่ไหนก็ได้”  กษัตริย์อิริคเอ่ย

             โอ้โห  อะไรจะสำคัญขนากนี้  คนหนึ่งเป็นกษัตริย์  อีกคนเป็นที่ปรึกษาของกษัตริย์  ต่างพากันมาต้อนรับขับสู้ให้ที่พักอย่างดี  กะอีแค่ช่วยนิดหน่อยเนี่ยนะ  เรย์นัลด์คิด

             “จะดีหรือกระหม่อม  พวกเราแค่ช่วยเท่าที่จะช่วยได้เท่านั้นนะ”  เลวิซเป็นคนพูดแทนเพื่อน ๆ

             “นี่ก็ถือว่าเป็นการต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองเช่นกัน”  คิงอิริคกล่าวสวน

             “งั้นเพื่อเป็นการให้เกียรติองค์กษัตริย์  พวกเราก็ไม่ปฏิเสธคำชวนละนะ”  เรย์นัลด์สรุปเองในที่สุด

             คนอื่น ๆ ได้แต่มองหน้าเรย์นัลด์ด้วยสายตาที่แปลได้ว่า ใครใช้ให้นายตอบตกลงแทนพวกฉัน  แต่เรย์นัลด์ก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้กับสายตาวาว ๆ ของเพื่อน ๆ

              “งั้นพวกท่านเชิญไปพักผ่อนเถอะ  เดี๋ยวข้าจะให้คนนำทางไปยังที่พักให้”  กษัตริย์อิริคกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เป็นกันเอง

             จากนั้นเซอร์ แซมมวล จึงสั่งให้เด็กรับใช้ในวังจัดที่พักให้แขกทั้งห้าและให้พวกเขาได้พักผ่อนกันตามอัธยาศัย

    แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 48 22:08:34

    จากคุณ : kinder - [ 9 ก.ย. 48 22:06:46 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป