ความคิดเห็นที่ 1
ฟรีคกับนิกหันมามองหน้ากันราวกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดที่สุดในโลก เครื่องหมายคำถามปรากฏให้เห็นอยู่ทั่วไปบนใบหน้าของแต่ละคน นี่ถ้าพวกเขาไม่ได้ยินจากปากนายจ้างสาวด้วยตัวเองละก็ ต่อให้เอาของที่มีค่าที่สุดในโลกมายืนยัน พวกเขาก็จะไม่มีทางเชื่ออย่างเด็ดขาด แต่นี่อะไร นอกจากเธอจะบอกต่อหน้าพวกเขาแล้ว เธอยังยืนอยู่ข้างๆหนึ่งใน กุญแจ สำคัญที่นำไปสู่เรื่องนี้อีกต่างหาก นี่ไม่ใช่แค่ปัญหาธรรมดาเพราะเรื่องราวเหล่านี้มันเริ่มถักทอให้ซับซ้อนเข้าไปทุกที เชือกเส้นยาวที่แต่เดิมเคยมีปมผูกแน่นอยู่แล้ว บัดนี้กลับมีน้ำหนักของปริศนาขนาดใหญ่มากดทับไว้อีก อะไรคือความหมายของคำว่า หุ่นยนต์ แล้วทำไมโทมัส วิทส์เลอร์จึงมาอยู่ที่นี่ไม่ต่างจากคนปกติธรรมดาทั่วไป ทั้งๆที่เพื่อนอีกสามคนของประธานาธิบดีจอร์จ เจ ฟินน์ราวกับเป็นใบ้ แม้แต่อัจฉริยะอย่างนิกยังบอกได้คำเดียวเลยว่า 'ยาก' ยากเกินหยั่งรู้จริงๆ
ไม่ต้องหันมามองผมอย่างนั้นหรอกครับ ริโก้พูดขึ้นเมื่อเห็นสายตาที่ชำเลืองมาจากสองเด็กหนุ่ม ผมก็รู้พอๆกับที่คุณรู้นั่นแหละ
ฟรีคถอนหายใจ นิกขยี้ตาหลังกรอบแว่นหนาเตอะ นี่สรุปว่าพวกเขาหมดทางรู้เรื่องราวต่างๆแล้วสินะ บรู๊ซ โจอี้ และแจ๊สสิก้าพร้อมใจกันยักไหล่ราวกับว่านั่นคือคำตอบ
ควันซิการ์ของริโก้ราวกับเป็นสิ่งนำทางให้สองหนุ่มมุ่งหน้าเข้าสู่ประตูทางเข้าเรือเหาะ ซึ่งต่อกับพื้นเหล็กบางที่ยื่นเข้ามาจนชิดติดประตูทางเข้า โดยมีบรู๊ซ โจอี้ และแจ๊สสิก้าเดินตามติดมาเบื้องหลัง เมื่อสาวผมบลอนด์เข้ามาภายในเป็นคนสุดท้าย ประตูไม้ก็เลื่อนปิดลงดังตึง!โดยอัตโนมัติ ประหนึ่งมันจะรู้ว่าบัดนี้มีผู้โดยสารครบแล้ว ระยะแรกที่เดินเข้ามาฟรีครู้สึกได้ถึงความใหม่ของเรือเหาะลำนี้ เพราะนอกจากกลิ่นของไม้สักที่ค่อนข้างหอมราวกับเพิ่งออกจากโรงงาน ความสวยสดงดงามไร้เงาฝุ่นนั่นก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้เขาคิดเช่นนั้น - แสงจากภายนอกสามารถส่องลอดเข้ามาได้ทางกระจกใสและรูระบายอากาศซึ่งติดและเจาะเป็นระยะตามข้างลำเรือ สิ่งนี้ช่วยให้ความสว่างแก่ภายในได้เป็นอย่างดี รูปภาพศิลปะข้างฝาผนังจึงปรากฏให้ทุกคนได้เห็นตลอดการเดินในบริเวณนี้
หลังจากเลี้ยวตรงโค้งที่หัวเรือ สองหนุ่มก็เห็นบันไดทอดตัวลงสู่ชั้นล่าง และอีกหนึ่งก็คือบันไดขึ้นสู่ชั้นบน ระหว่างที่ฟรีคและนิกกำลังงุนงงกับเส้นทางแยกนี้เอง ผู้ร่วมคณะสามคนอันได้แก่ ริโก้ บรู๊ซ และโจอี้ ก็แยกย้ายกันไปคนละทาง โดยสองช่างเครื่องเดินลงไปตามบันไดด้านล่าง แล้วก็ลับตาไปเมื่อทั้งคู่ลงต่อไปอีกชั้นหนึ่ง ส่วนริโก้นั้นเดินขึ้นบันไดไปด้านบน โดยมีควันซิการ์ลอยอ้อยอิ่งตามหลังไปอยู่ไม่ห่าง
แล้วทีนี้ เราจะไปทางไหนละเนี่ย นิกปรารภขึ้นอย่างอับจนหนทาง
ไม่ต้องห่วงค่ะ แจ๊สสิก้าเดินเบียดแทรกระหว่างสองหนุ่มขึ้นมาเบื้องหน้า โดยเธอยืนอยู่หน้าทางขึ้น-ลงบันได จากจุดนี้ ดิฉันแจ๊สสิก้า วาชอฟสกี้จะขอเป็นผู้นำทางต่อเองค่ะ ว่าแล้วเธอก็เดินลงบันไดไปตามทางที่บรู๊ซและโจอี้เพิ่งผ่านไปหยกๆ ท่ามกลางความคิดของนิกที่ว่า ยายนี่พูดยังกะนางเอกท่องบทละครแน่ะ
หล่อนเดินนำพวกเขาลงบันไดไปเพียงชั้นเดียว ไม่ได้ตามบรู๊ซกับโจอี้ลงไปอีกชั้นอย่างที่สองหนุ่มคิดในตอนแรก - ไม่ช้าฟรีคกับนิกก็เดินตามลงมา และพื้นที่ในบริเวณนี้ก็ปรากฏชัดแก่สายตาชายทั้งคู่
ทางเดินส่วนใหญ่ในชั้นนี้เหมือนกับชั้นบนที่เพิ่งผ่านมา จะต่างกันก็ตรงพื้นทางเดินแห่งนี้ที่ปูลาดด้วยพรมลวดลายต่างๆ นอกนั้นแล้วก็เหมือนกันแทบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหลอดไฟบนเพดานหรือรูปภาพศิลปะที่ถูกจัดตกแต่งอยู่ตามฝาผนัง โดยรูปภาพเหล่านี้ถูกแยกให้ห่างกันโดยประตูนับสิบและทางแยกต่างๆ โดยประกอบด้วยทางแยกด้านซ้ายซึ่งมีอยู่สามทางด้วยกัน และอยู่ค่อนข้างห่างกันพอสมควร ส่วนแยกด้านขวานั้นมีอยู่ทางเดียว แจ๊สสิก้าแนะนำขึ้นเรียบๆว่า
ทางด้านซ้ายเป็นห้องครัว ห้องซักรีด และห้องเก็บสัมภาระนะคะ เธออธิบายตามลำดับพร้อมมือขวาที่ชี้ตามไปด้วย ส่วนแยกด้านขวานั้นคือห้องน้ำ แต่ในห้องนอนของทุกคนก็มีห้องน้ำเช่นกันค่ะ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องปริมาณการใช้ห้องน้ำที่จะไม่พอเพียง
อืมมมม หรูแฮะ ฟรีคว่า
ส่วนถัดจากแยกทางขวามือไป... แจ๊สสิก้าเดินนำพวกเขาไปอีกครั้ง ก็จะเป็นห้องนอนของแต่ละคน มีอยู่สามสิบห้องด้วยกัน คุณสองคนเลือกเอาตามใจชอบได้เลยนะคะ จะเว้นก็แต่ห้องหนึ่ง,สาม,สี่,สิบห้า,สิบหกและยี่สิบ เพราะเป็นห้องของดิฉัน บรู๊ซ โจอี้ คุณริโก้ ยายเอเวอลีน แล้วก็ท่านรัฐมนตรีโทมัส ตามลำดับ สรรพนามต่างๆถูกเปลี่ยนไปตามความต้องการของเธอ
นิกมองไปยังประตูห้องนอนที่เรียงรายกันอยู่เบื้องหน้า ดูเหมือนเขากำลังตัดสินใจ
งั้นนนน...ฉันเอาห้องที่สิบแปดแล้วกัน กลางๆดี นายล่ะ?
สิบเจ็ด ฟรีคตอบห้วนๆ
โอเค มีอะไรจะแนะนำอีกมั้ยครับคุณจะ..จะ...แจ๊สซี่ นิกพยายามพูดชื่อเธอให้ไม่กระแดะปากอย่างเอาเป็นเอาตาย
มีสิคะ หล่อนพูดเชิดๆ ชั้นล่างเป็นห้องเครื่อง กรุณาอย่าเข้าไปยุ่งถ้าไม่จำเป็น ส่วนชั้นบนสุดเป็นห้องบังคับการบินกับดาดฟ้าเรือ
แล้วใครเป็นคนบังคับล่ะ ฟรีคถาม
เรือเหาะลำนี้มีระบบการบินสองรูปแบบค่ะ" แจ๊สสิก้าพูด "ปัจจุบันเราใช้แบบอัตโนมัติอยู่ แต่ก็สามารถปรับเปลี่ยนให้บังคับมือก็ได้นะคะ ว่าแต่ใครจะบังคับล่ะ คุณฟรีคนี่ก็ ถามแปลกๆอีกแล้ว ตลกจัง ฮิฮิ นิกสงสัยว่าการถามเรื่องใครเป็นผู้บังคับเรือเหาะนั้นมันตลกตรงไหน และเมื่อเขาทราบเส้นทางในเรือเหาะคร่าวๆจากปากเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาก็รีบปลีกตัวเดินจากไปทันทีโดยไม่สนใจสถานการณ์ย่ำแย่ของเพื่อนสนิท แม้ฟรีคจะพยายามกระซิบกระซาบห้ามปรามเขาไว้แล้วก็ตาม มาบัดนี้แจ๊สสิก้าเริ่มเล่นหูเล่นตากับเขาเป็นการใหญ่แล้ว เสียงหัวเราะท้ายประโยคของหล่อนเมื่อครู่ยังคั่งค้างในหูของเขาอยู่เลย
สาวผมบลอนด์พยายามยื่นหน้าเข้ามาใกล้เขาโดยใช้ข้ออ้างว่ามีอะไรติดปากเขาอยู่ มือราวปลาหมึกของเธอก็เริ่มเข้ามาพัวพันเขาแล้วด้วย คำเชื้อเชิญสู่ประตูห้องที่หนึ่งนั้นพรั่งพรูออกจากปากเธอราวสายน้ำที่ไหลลงจากก็อกโดยไม่มีใครสนใจปิด ใบหน้าเด็กหนุ่มแดงซ่าน แต่ไม่ใช่เป็นเพราะเขินอาย แต่เขากำลังหน้าแดงเพราะอึดอัดต่างหาก ซึ่งนั่นถึงกับทำให้เขาต้องเบือนหน้าหนีหลบสายตายั่วยวนรัญจวนใจของเธอ พร้อมฉากตัวออกห่างอย่างรวดเร็ว แล้วรีบก้าวฉับๆตามนิกไปทันที
เมื่อห่างจากหล่อนไปพอสมควรแล้ว เด็กหนุ่มจึงถอนหายใจอีกเป็นคำรบสอง ก่อนจะเปรยขึ้นเบาๆว่า
เกือบซวยไปแล้วมั้ยล่ะ
ส่วนแจ๊สสิก้ากลับยิ่งชอบใจอาการเดินหนี(อย่างเร็ว)ของฟรีคเป็นการใหญ่ เพราะคิดว่าเขามีนิสัยขี้อาย
ฟรีคเปิดประตูเข้ามาภายในห้องหมายเลขสิบเจ็ด ภายในมีเตียงขนาดพอเหมาะหนึ่งเตียงโดยมีผ้าปูที่นอนสีขาวสะอาดปูทับอยู่ด้านบน โดยมีตู้เสื้อผ้าแกะสลักสวยหรูตั้งอยู่ตรงปลายเตียง ตรงหน้าเยื้องไปทางขวาเป็นโต๊ะไม้โอ๊คที่ว่างเปล่า ซึ่งอยู่ติดกับหน้าต่างกลมบานเล็ก ขวามือใกล้ๆกับจุดที่เขายืนอยู่เป็นห้องน้ำขนาดเล็กมีประตูเลื่อนสีขุ่นกั้นระหว่างภายในกับภายนอก นับว่าเป็นห้องที่ใช้ได้ในระดับหนึ่ง แม้ว่าจะไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างโทรทัศน์อยู่ด้วยก็ตาม
และทันทีที่ก้าวแรกของฟรีคได้ย่างเข้ามาในห้องนี้ ไฟสีแดงเหนือศีรษะก็เริ่มกระพริบพร้อมกับเสียงสัญญาณเตือนให้อยู่กับที่ก็ดังขึ้นเป็นจังหวะ นั่นหมายถึงเรือเหาะลำนี้กำลังจะออกเดินทางแล้ว!!!
ริโก้ตัดเชือก เสียงสั่งการดังมาจากหญิงสาว เนื่องจากเอเวอลีนอยู่ในห้องบังคับการบิน เธอจึงต้องตะโกนฝ่าม่านกระจกใสให้ริโก้ได้ยินด้วย - เอเวอลีนกดปุ่มเดินเครื่องอัตโนมัติ และทันทีที่นิ้วของเธอสัมผัสกับมัน รอยกรีดใต้ท้องเรือก็ค่อยๆแยกออกจากจุดศูนย์กลาง และเริ่มส่งเสียงครางหึ่งๆตามเวลาที่ผ่านไป ซึ่งนั่นแสดงถึงความพร้อมที่จะออกเดินทางของฟอลคอน เอนเตอร์ไพรซ์แล้ว
นาวิกโยธินหนุ่มได้ยินดังนั้นจึงจัดแจงใช้มีดพับสวิสอาร์มี่ที่ติดอยู่กับตัวไล่ตัดเชือกที่ยึดกราบเรือตามจุดต่างๆไปทีละเส้นในทันที
ไม่นานนักเชือกเส้นสุดท้ายก็ถูกมีดสวิสอาร์มี่เฉือนขาดหล่นลงไปตามแรงดึงดูดของโลก แต่ฟอลคอน เอนเตอร์ไพรซ์กลับลอยอยู่กลางเวหาราวกับไร้ซึ่งแรงดึงดูด โดยปราศจากการยึดเหนี่ยวจากสิ่งใดๆทั้งสิ้น
รอยกรีดรูปวงกลมใต้ท้องเรือถูกเปิดออกจนเป็นรูกว้าง พร้อมไอสีฟ้าบางๆที่เริ่มหลั่งไหลออกมาจากรูเหล่านั้น ยิ่งเวลาผ่านไปก็ดูเหมือนไอเหล่านั้นจะเริ่มแรงขึ้นเป็นลำดับ ก๊าซฮีเลียมเริ่มทำงานตามคุณสมบัติทันที มันพัดให้เครื่องมือบนพื้นต่างๆปลิวว่อน และส่งเสียงก็องแก็งเมื่อกระทบเข้ากันเอง จนกระทั่งไอเป็นจุดๆในตอนแรกกลับรวมเป็นหนึ่งเดียวแล้วในขณะนี้
หลังคาโกดังโค้งมนถูกเปิดออกช้าๆพร้อมๆกับเหยี่ยวหนุ่มที่ลอยเหนือพื้นดินเบื้องล่างขึ้นไปเรื่อยๆ จากสิบเมตร บัดนี้เป็นสิบสองเมตร...สิบห้าเมตร และในที่สุดเสากระโดงเรือตรงกลางซึ่งเป็นเสาหลักก็โผล่พ้นหลังคาโกดังขึ้นมาก่อนเป็นอันดับแรก ตามด้วยเสากระโดงเรืออีกสองเสาซึ่งตามมาติดๆ แสงสีแดงดุจโกเมนยามอาทิตย์อัสดงส่องกระทบใบพัด ดูราวกับแสงสีรุ้งส่องประกายอยู่ตามใบพัดแก้วเหล่านั้นก็ไม่ปาน
ไม่ถึงสิบนาทีเรือเหาะฟอลคอน เอนเตอร์ไพรซ์ก็ลอยอยู่บนฟ้าท่ามกลางความสูงจากระดับน้ำทะเลกว่าหนึ่งหมื่นสองพันฟุต ปีกและหางเสือที่เคยพับติดแนบลำเรือถูกกางออกช้าๆท่ามกลางการเฝ้ามองและการรอคอยของหมู่เมฆโดยรอบ แผงโซลาร์เซลล์สีฟ้าน้ำทะเลถูกยกขึ้นทำมุมสี่สิบห้าองศากับปีกสีน้ำตาลไหม้ของเรือเหาะ ถุงทรายนับสิบทั้งสองฝั่งกราบเรือต้องลมจนสั่นกระตุกทั่วไปหมด
ใบพัดเริ่มหมุนช้าๆเมื่อการรวมแสงอาทิตย์เกิดขึ้นที่แผงโซลาร์เซลล์ บัดนี้แสงสีเขียวกำลังกระจายเป็นจุดๆอยู่ตามโซลาร์เซลล์สีฟ้าน้ำทะเลทั้งสองฝั่ง ดูราวกับเป็นจุดที่เกิดจากการแต่งแต้มเติมสีสันจากปลายพู่กันของศิลปินชั้นนำของโลก - ไอพ่นสีฟ้าจากช่องทั้งสองซึ่งขนาบหางเสือ ถูกปล่อยออกกลายเป็นลำแสงสวยงามตระการตา พัดพาสายลมและหมู่เมฆสีแดงอ่อนให้พลิ้วปลิวห่างออกจากเรือเหาะ - - และแล้ว...
ในที่สุดใบพัดทั้งสามก็หมุนด้วยความเร็วเต็มอัตรา เหยี่ยวหนุ่มเริ่มเคลื่อนที่ไปข้างหน้าจากช้าๆจนเร็วขึ้นเต็มประสิทธิภาพของมัน พร้อมกับเสียงพูดดังไม่เกินกระซิบเบื้องล่างกับโทรศัพท์ว่า "พวกมันออกเดินทางแล้วครับนายท่าน" ในขณะที่เหล่าคณะเดินทางผู้โชคร้ายไม่มีทางรู้เลยว่า มัจจุราชจะคร่าปีกสีน้ำตาลไหม้ทั้งสองลงเมื่อใด
จากคุณ :
Freek10
- [
10 ก.ย. 48 00:34:14
]
|
|
|