...insulin และglucagon ถูกควบคุมโดยระดับน้ำตาลในเลือด กล่าวคือ หากมีระดับน้ำตาลในเลือดมาก ตับก็จะหลั่ง insulin ออกมาเปลี่ยนกลูโคสเป็นไกลโคเจน สะสมในตับและกล้ามเนื้อ ในทางกลับกันหากปริมาณน้ำตาลในเลือดน้อย glucagon ก็จะเปลี่ยน ไกลโคเจน เป็นกลูโคส ทำให้เลือดมีระดับน้ำตาลสูงขึ้น ซึ่งความสัมพันธ์นี้ ดูได้จากชาร์ตนี้ค่ะ... ทอสิตารายงานหน้าห้องด้วยท่าทางคล่องแคล่ว มีสุถิกา ถือชาร์ตประกอบการรายงาน ทั้ง 2 อธิบายอีก 2 -3นาที กริ่งหมดเวลาเรียนก็ดังขึ้น
..โดยสรุปนะคะ insulin ใช้รักษาโรคเบาหวาน แต่เราควรป้องกันดีกว่าแก้ไข ดังนั้นควรรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของน้ำตาลและแป้งอย่างพอเหมาะ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพียงเท่านี้ คุณก็ห่างไกลจากโรคเบาหวานค่ะ...กลุ่มดิฉันขอจบการรายงานไว้เพียงเท่านี้...
สุถิกากล่าวปิดการรายงานได้อย่างสวยงาม เสียงปรบมือดังขึ้นตามมารยาท นักเรียนทุกคนกุลิกุจอ เก็บสัมภาระ ไปเรียนคาบต่อไป อย่างวุ่นวาย 2 สาวเพื่อนซี้ เดินเคียงกันออกมาจากห้องเรียน สุถิกา หอบชาร์ตและกระเป๋าหนังสือพะรุงพะรัง ทอสิตาก็ไม่แพ้กัน ถือ หนังสือ รายงาน อย่างหนา 2-3 เล่ม เดินตัวเอียง อย่าน่าขบขัน
มา...ให้เราช่วยดีกว่าสุ ลดา เพื่อนร่วมห้องแสนใจดีคนหนึ่งเสนอน้ำใจขึ้น
ขอบใจนะ ดา อ้าว...คุณทอ เว่อไปแล้ว มาๆ เราถือให้เอง หนังสือเล่มนั้นน่ะ สุถิกาตอบรับ ลดา แล้วหันไปมอง ทอสิตา ที่ทำท่าตัวเอียง เกินจริง ขอความเห็นใจ
พวกเธอรายงานดีนะ แต่ไม่เห็นอาจารย์จะชม ลดาเอ่ยขึ้น
โถ จะเอาอะไรกับคุณผ่องศรี เคยชมใครที่ไหน แต่เขา ให้คะแนนยุติธรรมนะ นี่แหละที่ยังพอรับไหว ทอสิตา ตอบ
นั่นสิว่าแต่ วันนี้พวกเธอว่างไหม ไปกินไอศกรีมตอนเลิกเรียนกันเถอะ ลดาชวน
ทอสิตาตั้งท่าจะปฏิเสธ แต่ก็ถูก สุถิกาแย่งตอบไปก่อน โทษที วันนี้เรามีนัดทานข้าวกับคุณแม่แล้วก็เพื่อนคุณแม่ แต่ทอคงไปได้มั้ง
ไม่ได้หรอก เราต้องรีบกลับไปทำอะไรหลายๆอย่าง นี่ก็ใกล้สอบแล้ว เวลาทุกนาที มีค่านะ ดา เอาไว้วันหลังแล้วกันนะจ๊ะ ขอบใจมากที่ชวน แล้วทั้ง 3 ก็เดินเข้าห้องเรียนวิชาต่อไป
วันนั้น ทอสิตาต้องเรียนชีวะ ภาษไทย ในตอนเช้า ส่วนตอนบ่าย มีเรียน ฟิสิกส์ แนะแนวและ เลข ซึ่งเยอะเอาการ เพราะเมื่อหมดเวลาเรียนวิชาสุดท้าย เธอถึงกับถอนหานใจยาวโล่งอก ทอสิตาล่ำลา เพื่อนทั้ง 2 แล้ว ขึ้นรถเมล์ กลับบ้าน เธอนอนเอกเขนก ทานขนมและอ่านหนังสือพิมพ์ แล้วเตรียมตัวจะไปทำการบ้าน ที่คั่งค้าง หลายอย่าง แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น คุณแม่เป็นคนรับ แล้วหันมาเรียกเธอให้ไปพูดสาย ด้วยสายตาส่อแววสงสัยบางอย่าง
สวัสดีค่ะ... ทอสิตารับแล้วเงียบไปอึดใจ นพเหรอ เธอพูดต่อด้วยเสียงเย็นชา มีคุณแม่ยืนจ้องเขม็งด้านหลัง มีธุระอะไร เราไม่ว่างคุยด้วยหรอก.....ทำไม เธอก็รู้นี่ว่าเราจะตอบว่าอะไร...ไม่! พูดเสร็จก็กระแทกหูโทรศัพท์ดังโครม ทอสิตาเกิดอาการโกรธเดือดดาลผิดปกติ จนคุณแม่ไม่สบายใจ
ทอมีอะไรเหรอลูก เล่าให้แม่ฟังซิ
โถ่คุณแม่...คนบ้าอะไรไม่รู้ ไม่เคยรู้จักกันสักที แค่ยัยสุ แนะนำให้รู้จักกันครั้งเดียวเท่านั้น เขาก็ไปเอาเบอร์ทอจากไหนไม่รู้ แล้วนี่โทรมาชวนไปกินข้าว...คราวที่แล้วก็ยังงี้ ปฏิเสธแล้วก็ยัง.....ทุเรศที่สุด ทอสิตาสบถ จนคุณแม่ตกใจ แต่ก็แอบภูมิใจในตัวลูกสาวคนนี้
คราวหน้าแม่จะรับเอง แล้วถ้าเจอพ่อคนนี้ แม่จะสั่งสอนให้ หนู เลิกโกรธ แล้วจะไปทำอะไรก็ไปทำเถอะลูก หล่อนลูบศีรษะ ลูกสาวอย่างรักใคร่ เดี๋ยวอาหารเย็นก็ใกล้เสร็จแล้ว ไปอาบน้ำก่อนเถอะจ้ะ....อ้าวนั่น คุณพ่อกลับมาแล้ว เสียงรถที่คุ้นหู แล่นเข้ามาในบ้าน ทอสิตา ยิ้มรับ คำมารดา แล้วขึ้นชั้นบนไปอาบน้ำแต่งตัว
นพพบกับทอสิตาครั้งเดียว ที่งานวันเกิดของสุถิกา นั่นก็เพราะ คุณแม่ของเขาทำการค้า และเป็นเพื่อนกันมานาน กับครอบครัวสุถิกา เขาอยู่ โรงเรียนชายล้วนมาตลอด และไม่เคยเห็นใครที่สะดุดตา เท่าผู้หญิงคนนี้เลย แค่วันแรกที่เขาเข้าไปพูดคุยก็รู้เลยว่าเธอเป็นพวกชอบอยู่กับตำรา และเล่นตัวชะมัดยาด แต่สำหรับเขาแล้ว การพยายามจีบทอสิตา เป็นสิ่งที่น่าท้าทายที่สุด แต่หลังจากวันนี้ที่เขาโทรมาชวนเธอออกไปเที่ยวอีกครั้ง ก็ถูกปฏิเสธอย่างไม่ใยดีเช่นเคย ทำให้เขาหมดกำลังใจไปเป็นกอง พยายามหาหนทางและคำพูด หว่านล้อมเธออีกครั้งแต่ก็คิดไม่ออก และแล้ว หน้าสุถิกา ก็ผุดขึ้น ใช่แล้ว โทรไปขอร้องให้หล่อนช่วยก็น่าจะได้นี่นา เป็นเพื่อนสนิทกันจะตาย...แต่เอ ...เอาไงดี สุถิกาก็เกลียดขี้หน้าเขาพอตัว เพราะเขาชอบล้อว่าเธอ หน้าตาเหมือน น้าด๊อง ในรายการเจ้าขุนทองบ่อยๆ โทรไปขอโทษแล้วอ้อนนิดหน่อยแล้วกัน คิดได้ดังนั้น นพ ก็หมุนโทรศัพท์ต่อสายทันที
ที่บ้านทอสิตา ถึงเวลาทานข้าวเย็น มีคุณพ่อนั่งหัวโต๊ะ เช่นเคย คุณแม่นั่งข้างๆ ส่วนทอสิตากำลังตักข้าวใส่จานให้ทุกคน มีเจ้าถุงทอง คอยชะเง้อดมกลิ่นหอมหวนของกับข้าว ลูกให้อาหารนกแก้วรึยัง คุณพ่อถามขึ้น
ให้แล้วค่ะ ว่าแต่ เมื่อกี้คุณพ่อบอกมีอะไรจะเล่าไม่ใช่เหรอ
อ้อใช่ วันนี้พ่อไปทำงานที่กระทรวง แล้วอยู่ดีดี ท่านรัฐมนตรีก็เดินมาหา บอกว่า ลูกชายพึ่งกลับมาจากอังกฤษ จะเข้ามาทำงานที่นี่ อยากให้พ่อ ช่วยแนะนำ ดูแลอะไรให้สักเล็กน้อย เพราะพ่อ ก็อยู่มานาน คงฝึกลูกชายเขาให้เก่งงานได้ พูดเสร็จก็ตัก กุ้งผัดพริกไทยดำ ใส่ปาก
โห อะไรกัน จบมาจากอังกฤษแล้วยังต้องขอให้ใครแนะนำอีกเหรอคะ ทอสิตาถามงงๆ
จบสูง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทำงานดีนี่ ก็ดีแล้วที่ท่านเขาให้ลูกชายมาฝึกงานก่อน ไม่ข้ามหัว ข้าราชการอาวุโสคนอื่นดี อีกอย่าง...แสดงว่าเขาไว้ใจคุณมากนะคะ ไม่น่าเล่าวันงานเลี้ยงวันนั้น ถึงได้คุยกันนานแสนนนาน คุณแม่พูดต่อ
ก็ผมทำงานหนักแล้วก็ไม่เคยโกงสักแดงเดียว ท่านก็ด้วย เป็นรัฐมนตรีที่ไม่มีปัญหาเรื่องคอรัปชันเลย อาทิตย์หน้าล่ะมั้ง ลูกชายเขาถึงมาทำงาน แล้วการสนทนาบนโต๊ะอาหารก็ดำเนินต่อไป เกี่ยวกับรัฐมนตรีคนนี้ ทอสิตาฟังแบบไม่ใส่ใจนัก แต่แล้วก็หยุดทานข้าว ประหลาดใจกับสิ่งที่ได้ยิน
ลูกชายท่านนี่ ชื่ออะไรนะคะคุณ คุณแม่ถาม
เอชื่ออะไรน้า......อ้อ ภาคย์ ท่านว่า มาจาก ภารดี ชื่อภรรยาของท่าน คุณหญิงภารดีน่ะ ภ สัมเภา เหมือนกัน
อะไรนะคะคุณพ่อ! ทอสิตาโพล่งขึ้น
อะไรล่ะ คุณพ่อถามงงๆ
ลูกท่านอะไรนั่นน่ะ ชื่ออะไรนะคะ
ภาคย์...ทำไมเหรอลูก
หวังว่าคงไม่ใช่......โอย อะไรเนี่ย ภรรยารัฐมนตรีนี่หน้าตาเป็นยังไงเหรอคะ เคยลงหนังสือพิมพ์บ้างรึเปล่า
อะไรลูก อยู่ดีดีมาถาม คุณหญิง เขาไม่ชอบออกงาน เลยไม่ค่อยลงหนังสือพิมพ์เท่าไร หนูมีอะไรรึเปล่า
ทอสิตา ทำหน้าผิดหวัง เพราะถ้าหากเห็นหน้าคุณหญิงก็อาจจะรู้ได้ว่าเป็นแม่คุณภาคย์รึเปล่า เธอรีบวางช้อนส้อม และผละออกไปจากโต๊ะอาหาร หนูอิ่มแล้วค่ะ เธอวิ่งขึ้นชั้นบนเข้าห้องนอนไป ปล่อยให้สองสามีภรรยามองตากันงงๆ
ทอสิตารีบต่อสายโทรหาสุถิกาเพื่อนรัก สุ...นี่เราเอง ทอนะ เออนี่....อะไร? ขอเราพูดก่อนสิ สุ คุณภาคย์นี่เป็นลูกรัฐมนตรี ประจำกระทรวงคุณพ่อเรารึเปล่า
ใช่...อะไรกัน พึ่งรู้เรอะ เขารู้กันเป็นชาติแล้ว แล้วทำไมอยู่ดีดีมาถามล่ะเนี่ย สุถิกาบ่นมาตามสาย
ทอสิตานิ่งอึ้ง...อะไรกันชีวิต ทำไมมันเกี่ยวโยงกันนัก ทั้งในรูปภาพ กับคุณพ่อ แล้วยัยสุอีก แต่ก็รีบตั้งสติ พูดตอบกลับไปไม่ให้เพื่อนสงสัย เพราะเธอรู้ว่าสุถิกาชอบเขามาก หากมีอะไรเล็กน้อยเกี่ยวกับพี่ภาคย์คนนี้ สุถิกามักจะ ออกอาการหึงหวงเล็กน้อย แค่วันนั้น เธอไปเต้นรำกับเขา สุถิกา ก็ซักแทบแย่
อ้อไม่มีอะไร แค่พึ่งรู้ อย่าคิดมาก แล้วเธอมีอะไรจะบอกเราไม่ใช่เหรอ เมื่อกี้น่ะ
ใช่สิ นพโทรมาหาฉันบอกว่าเขาชวนเธอไปเที่ยวกับเขาหลายครั้งแล้ว เธอไม่ตอบรับสักที ...ทอนพมันชอบเธอมากนะ เพราะไม่งั้นมัน ไม่ยอมขอโทษที่ว่าฉันหน้าเหมือน น้าด๊องหรอก โกรธกันมานมนาน ว่าไงล่ะ เปิดโอกาสให้อีตานี่หน่อยเ หอะ จริงๆก็ไม่ได้เสียหายอะไรนะ หน้าตาก็ดีใช้ได้ แต่พี่ภาคย์หล่อกว่า อ้อ นิสัยก็ไม่แย่มากเท่าไร
อะไรกัน แย่มากๆเลยด้วย เจอกันครั้งเดียวมาชงมาชอบ ใจง่ายชะมัด เราไม่ชอบคนแบบนี้ ถ้ารู้จักกันให้ดีก่อน แล้วมาบอกว่าชอบค่อยเป็นผู้เป็นคนหน่อยทอสิตาหยุดหายใจ สุ เธอไปบอกเขาเลยนะ ว่าถ้าต่อไป โทรมาอีก ไม่ใช่เราหรอก ที่จะรับสาย แต่เป็นคุณแม่เราที่จะเฉ่งเขาให้วางโทรศัพท์ลง
ฮ่าๆๆๆ เอาละๆ ไม่ชอบก็ไม่ชอบ แต่เธอบอกว่าถ้ารู้จักกันนานก็ว่าไปอย่างใช่ไหม เราเลยชวนเขาไปดูคอนเสริ์ตนอร่า โจนส์ด้วยกันแล้วล่ะ สุถิกาพูดตอบกลับมาเสียงสดชื่น
สุ! ทำไมเธอทำอย่างนี้ เอาซิ ถ้าตานั่นไป ฉันไม่ไปแน่ พรุ่งนี้จะเอาบัตร ไปคืนเธอ ทอสิตาตอบกลับมาอย่างกราดเกรี้ยว
โถ...ทอสิตาจ๋า...จะอะไรขนาดนั้น ทำไมเธอไม่ใจกว้างยอมรับอะไรๆ เข้ามาในชีวิตบ้าง 18แล้วนะ โตพอ มีความรักแล้ว อย่าปิดโอกาสที่จะรู้จักใครสิ คิดว่าเป็นการศึกษาคนแล้วกัน ถ้ารู้จักกันแล้ว ไม่ชอบอะไรยังไงก็บอกกันทีหลังได้ แล้วมันก็ไม่ได้น่าเกลียดตรงไหน เราก็ไปด้วย อ้อ....ลืมบอก พี่พลก็ไปด้วยนะ เห็นไหมละ ตั้ง 4 คน สุถิกาหว่านล้อม
ทอสิตาก็เริ่มเห็นจริงอย่างที่เพื่อนว่า แต่เป็นเพราะโอกาสที่จะได้ไปคอนเสิร์ตของ นอรา โจนส์ สำคัญกว่า เธอเลยไม่ขัดขืน ยอมไปโดยดี ก็...ด้ายยย แต่มีข้อแม้ เธอห้ามทิ้งเราคุยกับนพ 2 คนนะ เรากลัวเธอคุยกับพี่พีรพล จนไม่สนใจเรา ทอสิตาแอบเหน็บ แล้วนี่อยู่ดีดีพี่พีรพลไปด้วยได้ไง ไหนเธอว่าไม่ชอบเขา
เออออออน่า...แบบว่า จริงๆแล้วบัตรเนี้ย คุณพ่อพี่พลให้คุณพ่อเรามา แล้วเขาขอเราไปด้วย จะไมให้ไปได้ยังไงเล่า
จากคุณ :
harry_potty
- [
11 ก.ย. 48 15:56:26
]