CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    เรื่องราว...ยาวนาน...สยาม...กับ...ดัชท์

    ร่องรอยประวัติศาสตร์อันยาวนานของสยามประเทศ ตั้งแต่เข้าสู่ยุคประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ที่สุด  นับแต่อาณาจักรที่ก่อกำเนิด  รุ่งเรือง  และดับสูญไปตามกาลเวลาดังเช่น  รัฐทวารวดี  รัฐศรีวิชัย  อาณาจักรสุโขทัย  อาณาจักรเชียงแสน-ล้านนา  อาณาจักรอยุธยาหรืออโยธยาศรีรามเทพนคร  อาณาจักรก็ล้วนแต่มีความสัมพันธ์กับนานาประเทศ ทั้งประเทศที่อยู่แถบตะวันตกและตะวันออก  หากแต่กรุงศรีอยุธยาก็เปรียบได้ดั่งอู่ข้าวอู่น้ำของชนชาติตะวันตกที่เข้ามาติดต่อค้าขายจีน โดยเป็นเมืองท่าสำหรับจอดแวะพักเรือ  จึงทำให้สยามประเทศมีโอกาสที่จะได้มีการค้าขายจนก่อให้เกิดสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศต่างๆ และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมซึ่งกันและกัน หากแต่ดัชท์หรือฮอลันดาก็เป็นหนึ่งในประเทศที่สยามมีสัมพันธไมตรีอันดีด้วยเช่นกัน    
    หากกว่า ๔๐๐ ปีที่ผ่านมาความสัมพันธ์ระหว่างสยามประเทศกับดัชท์ก็เป็นไปด้วยดีมาตลอด  จุดกำเนิดความสัมพันธ์ระหว่างสยามประเทศกับดัชท์ ก็ได้เริ่มต้นขึ้นครั้งแรกสมัยกรุงศรีอยุธยา  นับแต่รัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรโปรดให้มีการส่งทูตไปเจริญสัมพันธไมตรีกับนานาประเทศ  เมื่อปีพุทธศักราช ๒๑๔๗ คณะทูตไทยที่สมเด็จพระนเรศวรโปรดให้เดินทางไปยังบอร์เนียวได้มาหยุดที่เมืองปัตตานี  คณะทูตไทยจึงได้แจ้งกับดัชท์ซึ่งตั้งสถานีการค้าในนามของบริษัทVOCว่า  พระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยานั้นได้ส่งทูตไปกระชับสัมพันธไมตรีกับจีนอยู่เสมอ  และในไม่ช้านี้ก็จะส่งคณะทูตไปจีนอีกครั้งหนึ่ง  ดัชท์ซึ่งต้องการที่จะติดต่อกับจีนเพื่อประโยชน์ทางการค้าได้โอกาส จึงส่งคณะทูตของดัชท์เองเดินทางไปพร้อมกับคณะทูตของไทยในเวลานั้น  ก่อนที่คณะทูตดัชท์จะเข้าไปทำการเจริญสัมพันธไมตรีกับจีนจึงได้แวะพักเรือที่กรุงศรีอยุธยา  และได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระนเรศวรเพื่อขอเปิดสถานีการค้า  และด้วยทางกรุงศรีอยุธยาเองก็ต้องการที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังจากที่ทำศึกสงครามกับพม่าประเทศ  สมเด็จพระนเรศวรจึงทรงอนุญาตให้ดัชท์มาเปิดสถานีการค้าด้วย  
    ไม่เพียงแต่ความสัมพันธ์ทางการค้าเท่านั้น  ชาวดัชท์เองก็ยังได้นำวิทยาการความรู้ต่างๆมาเผยแพร่กับคนไทยเป็นอย่างมาก  เช่น  ความรู้ทางด้านการเดินเรือและต่อเรือซึ่งเป็นเรื่องที่ชาวดัชท์มีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างมาก  อาวุธต่าง  เช่น  ปืนใหญ่
    เมื่อปีพุทธศักราช ๒๑๕๐  สมเด็จพระเอกาทศรถโปรดให้คณะทูตไทยเดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีที่ประเทศฮอลันดา  ในขณะนั้นโปรตุเกสซึ่งรวมเป็นประเทศเดียวกับสเปนแล้วรูสึกวิตกกังวลยิ่งนักเนื่องจากการเป็นคู่แข่งทางการค้า  จนกระทั่งในปีพุทธศักราช  ๒๑๖๐  เกิดความบาดหมางจนก่อให้เกิดการรบพุ่งกันระหว่างชาวไทยกับโปรตุเกส เนื่องจากดัชท์ได้สิทธิพิเศษในการซื้อหนังสัตว์ทำให้สร้างความไม่พอใจโปรตุเกสเป็นอย่างมาก  จึงทำการยึดเรือชาวดัชท์ไว้ลำหนึ่ง  ทางการไทยบังคับให้โปรตุเกสคืนเรือ  แต่โปรตุเกสไม่ยอมคืนเรือให้จึงเกิดรบกันขึ้นนั่นเอง ครั้นมาถึงในรัชสมัยของพระเจ้าทรงธรรม  ทรงต้องการที่จะดึงอำนาจของดัชท์มาถ่วงดุลอำนาจกับโปรตุเกส  และยังขอความช่วยเหลือกับดัชท์ในเรื่องปราบอาณาจักรล้านช้างที่ยอทัพมาต่อตีกรุงศรีฯในเวลานั้นด้วยโดยเสนอที่จะยกที่ดินเมืองตะนาวศรีและมะริดให้  แต่ทางดัชท์มีนโยบายที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวการเมืองของประเทศที่ตนเข้าไปค้าขายด้วยจึงไม่ตอบรับ  ทำให้สร้างความไม่พอพระทัยให้พระเจ้าทรงธรรมเป็นอันมาก  แต่ไม่นานนักพระเจ้าทรงธรรมก็กลับไปติดต่อกับดัชท์อีกครั้ง เนื่องจากต้องการความช่วยเหลือในเรื่องการปราบปรามเขมรโดยให้ส่งเรือรบมาให้  แต่ดัชท์ก็ไม่ตกลงเช่นเคยเนื่องจากเพิ่งเข้าไปตั้งสถานีการค้าที่เขมร จึงอ้างว่าไม่มีเรือพอที่จะมาช่วยได้เนื่องจากติดพันการรบกับโปรตุเกสอยู่และยังปิดสถานีการค้าในกรุงศรีฯอีกด้วย  ทำให้ความสัมพันธ์ช่วงนี้ไม่ราบรื่นเท่าใดนัก  แต่ในช่วงท้ายรัชกาลความสัมพันธ์ก็กลับมาราบรื่นอีกรอบ  เนื่องจากดัชท์ต้องการที่จะมาเปิดสถานีการค้าใหม่อีกรอบที่กรุงศรีฯ  จึงส่งช่างฝีมือในการต่อเรืออย่างดีให้มารับราชการที่กรุงศรีฯอีกด้วย  สร้างความพอใจให้กับพระเจ้าทรงธรรมเป็นอย่างมากด้วย
    ในรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง  ดัชท์ดำเนินนโนบายใหม่จากที่ไม่ยุ่งเกี่ยวทางการเมืองก็กลับมามีส่วนร่วมด้วย  คือดัชท์ก็ได้มีส่วนร่วมในการปราบกบฏที่ปัตตานี  สงขลา  และเขมรอีกด้วย  ทำให้สัมพันธภาพระหว่างสยามกับดัชท์มีความใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น  หากแต่ในช่วงกลางของรัชกาลก็มีเหตุทำให้ขัดแย้งกันอยู่บ้าง  เช่น  ผลประโยชน์ทางการค้า  การทะเลาะวิวาทระหว่างพ่อค้าดัชท์กับขุนนางไทย  แต่ในช่วงปลายรัชกาลความสัมพันธ์ก็กลับมาราบรื่นดังเดิม
    เมื่อครั้งในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์  ในตอนต้นรัชกาลความสัมพันธ์เป็นไปด้วยความไม่ราบรื่นเท่าใดนัก  ด้วยเหตุที่ตกลงผลประโยชน์ทรงการค้าไม่ลงตัว  ต่อมาชาวดัชท์กลับเป็นที่โปรดปรานของสมเด็จพระนารายณ์  เนื่องจากดัชท์ได้พยายามทำให้สมเด็จพระนารายณ์พอพระทัยด้วยประการต่างๆ เช่น ส่งสินค้าฟุ่มเฟือยจากยุโรปเข้ามาถวายเป็นอย่างมากและยังส่งทหารและช่างฝีมือเข้ามารับราชการกับสมเด็จพระนารายณ์อีกด้วย  ที่ดัชท์กระทำเช่นนี้ก็เพราะต้องการผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจนั่นเอง  สัมพันธภาพระหว่างสยามกับดัชท์ก็เป็นไปอย่างราบรื่นตลอดอาจมีจุดสะดุดเนื่องจากผลประโยชน์ไม่ลงตัวกันบ้าง แต่ไม่นานก็จะกลับมาดีเหมือนเดิมจนกระทั่งปีพุทธศักราช ๒๓๑๐ กรุงศรีอยุธยาเสียเอกราชให้กับพม่าทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับทุกประเทศรวมถึงดัชท์ด้วยก็ได้หยุดชะงักไป
    ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์  ความสัมพันธ์ระหว่างสยามกับดัชท์ก็เป็นไปด้วยดีตั้งแต่รัชสมัยของรัชกาลที่ ๑  มาถึงในสมัยรัชกาลที่ ๓ สยามได้ทำสนธิสัญญาทางพระราชไมตรีและการค้าขายกับดัชท์ในปีพุทธศักราช ๒๔๐๓  มาถึงสมัยรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ เสด็จประพาสยุโรปทำให้ความสัมพันธ์เป็นไปอย่างแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นอีก  เมื่อสงครามโลกครั้งที่ ๒  อุบัติขึ้นเป็นเหตุทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสยามกับดัชท์ต้องหยุดชะงักลงระยะหนึ่ง   แต่เมื่อสงครามยุติสัมพันธภาพระหว่างประเทศก็ได้ดีขึ้นดังเดิม
    จะเห็นได้ว่าสยามประเทศจึงได้มีความสัมพันธภาพกับดัชท์หรือเนเธอร์แลนด์  ถึงแม้ว่าในสมัยอยุธยาจะมีความสัมพันธ์ทางการค้าขายเท่านั้นก็ตาม  แต่ดัชท์ก็ให้ความช่วยเหลือพึ่งพิงกับสยามประเทศในหลายๆด้านมาโดยตลอด  จนมาในปัจจุบันปีพุทธศักราช ๒๕๔๗  สัมพันธภาพที่ดีงามระหว่างสยามประเทศกับดัชท์นั้นก็ยังคงอยู่และจะเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันตลอดไป

    จากคุณ : ครีมเค้ก - [ 12 ก.ย. 48 12:26:27 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป