CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    รักได้ไม๊ถ้าหัวใจเคยแพ้

    รักได้ไหมถ้าหัวใจเคยแพ้
    ตอนที่1: ป่วยใจ

    ที่โรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ  มีคนป่วยจำนวนมากมายนั่งรอคิวคุณหมอที่บริเวณหน้าห้องตรวจ  คนป่วยแต่ละคนมีอาการต่างกัน  ส่วนใหญ่จะมีหน้าตาหมองคล้ำ  แต่บางคนก็ดูดีมากจนแทบมองไม่รู้ว่าเป็นคนป่วย  นึกว่าเป็นดาราหนังได้เลยด้วยซ้ำ   บริเวณหน้าห้องคุณหมอมีผู้ชายคนหนึ่ง อายุราวๆ40กว่าปลายๆ นั่งขัดสมาธิกับพื้น ง่วนอยู่กับการเอาสก็อตเทปใสปิดสันหนังสืออ่านเล่นและนิตยสารที่ทางโรงพยาบาลจัดไว้ให้คนที่มารอคิวอ่านฆ่าเวลา  ดูๆแล้วเหมือนเขากำลังทำงานอันยิ่งใหญ่  เพราะเขาทำอย่างขะมักเขม้นมาก  ไม่มีใครห้ามเขาไม่ให้ทำเลย  ทุกคนมองผ่านไป ทำเหมือนเป็นเรื่องปกติ  อาจเป็นเพราะคนที่นั่นชินกับการเห็นคนทำอะไรแปลกๆ
    ซึ่งถ้าไม่เป็นอันตรายหรือมีพิษมีภัยก็ไม่มีใครไปขัดขวาง
    คนป่วยส่วนใหญ่จะมีแววตาไม่เหมือนคนปกติ  ดูแล้วเศร้าหมองเหมือนอยู่ในโลกของตัวเองที่เกิดจากการจินตนาการตามความเชื่อของตัวเอง  โดยความคิดจะถูกปรุงแต่งด้วยการรับรู้ผิดๆจากประสาทสัมผัสที่ผิดพลาดเนื่องจากการป่วย  เช่น บางคนหูแว่วว่าใครกำลังนินทาหรือพูดอะไรอยู่ข้างๆ  ทั้งๆที่ไม่มีคนๆนั้นอยู่  เหมือนได้ยินเสียงคนกระซิบอยู่ข้างหูอยู่ตลอดเวลา  รู้สึกขวัญอ่อนและจะสะดุ้งทุกครั้งที่มีใครอยู่ข้างหลัง  หรือแม้กระทั่งเวลานอนก็รู้สึกเหมือนมีใครมาจ้องมองอยู่ข้างๆ  และจะไม่กล้านอนหลับทั้งๆที่ง่วงมากเพราะกลัวว่าจะมีผีสางมาเข้าสิงหรือเข้ามาทำร้าย  เห็นคนในครอบครัวหรือคนที่รักเป็นคนอื่น  บางทีก็คิดว่าจะมีใครจะมาทำร้าย  รู้สึกหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา  บางคนประกาศศักดาว่าตนเองเป็นผู้วิเศษ  สามารถตรัสรู้ได้ด้วยตนเองเยี่ยงพระพุทธเจ้า โลกแห่งความเชื่อที่ใครๆพิสูจน์ไม่ได้ก็ถูกจินตนาการอันบรรเจิดนำเข้ามาปรุงแต่งเป็นเรื่องของตัวเองได้ทั้งสิ้น  การมองเห็นก็เปลี่ยนไป  สายตาที่รับภาพอาจเหมือนเดิมแต่การรับรู้และการจินตนาการจะเปลี่ยนไป     โลกของคนป่วยจึงวนเวียนกับจินตนาการเฉพาะตัวของตัวเองที่ไม่มีใครเข้าถึงได้
    วันนี้วิวัฒน์ ชายหนุ่มที่หน้าตาจัดว่าดีคนหนึ่งก็มาเข้าคิวรับการรักษากับคุณหมอด้วยเหมือนกัน  วิวัฒน์มีนัดกับคุณหมอวีรภาพทุกๆ 3 เดือน  วันนี้คิวคุณหมอยาวมากแต่วิวัฒน์ก็ชินกับการรอคอยซะแล้ว  เขาเข้าออกโรงพยาบาลนี้มาก็เกือบ 10 ปีแล้ว  วันนี้วิวัฒน์ได้คิวที่ 12  โดยคนป่วยแต่ละคนจะใช้เวลากับคุณหมอไม่เกิน 15นาที ส่วนใหญ่จะเข้าไป 5 นาทีก็ออกมาแล้ว  เนื่องจากเป็นคนไข้ขาประจำที่ได้รับการตรวจมาเป็นเวลานานหลายปี  คุณหมอแค่ถามความรู้สึกว่าที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง  ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติก็จ่ายยาเหมือนเดิม หรือบางครั้งถ้าคนป่วยที่ทานยาเท่าเดิมมานานและอาการเป็นปกติดีแล้ว  คุณหมอก็จะลองให้ลดยา  วันนี้วิวัฒน์รอคุณหมอประมาณ 1ชั่วโมงครึ่งก็ได้คิว  เขาเข้าไปพบคุณหมอด้วยความมั่นใจในหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มเบิกบาน  คุณหมอทักทายวิวัฒน์และถามทุกข์สุขเช่นเคย  “ เป็นอย่างไรบ้างครับ สบายดีไม๊ ” คุณหมอเอ่ยทักทายเช่นคนที่คุ้นเคยกันมานาน
    สบายดีครับ  สบายใจ  แล้วก็ไม่มีอะไรผิดปกติเลยครับ”   วิวัฒน์ตอบด้วยความมั่นใจ “ คุณแม่คุณละ  พักนี้ไม่เห็นมาด้วยกันเลย ท่านสบายดีไหมครับ ”  คุณหมอถามถึงคุณแม่  เพราะทุกครั้งวิวัฒน์จะมีคุณแม่มาเป็นเพื่อนเสมอ  สำหรับคนป่วยทางจิต  คุณหมอจะแนะนำให้มีผู้ดูแลมาด้วย เพื่อจะได้ถามไถ่อาการ  และให้ผู้ดูแลผู้ป่วยได้รู้ว่าจะต้องดูแลผู้ป่วยอย่างไรบ้าง  “ ท่านสบายดีครับ พอดีตอนนี้ผมก็อาการดีแล้ว  และก็มีชีวิตเหมือนคนปกติ  ไม่มีอะไรน่าห่วง  สามารถดูแลตัวเองได้ ก็เลยขับรถมาคนเดียวครับ “  วิวัฒน์ตอบด้วยความมั่นใจพร้อมกับอยากให้คุณหมอทราบว่าตอนนี้เขาหายแล้ว  “ คุณคิดว่าจะลองลดยาดูไม๊ละครับ ”  คุณหมอถาม  “ ก็ดีครับ “ วิวัฒน์ตอบด้วยความดีใจ  เขาเองก็ไม่อยากต้องเป็นคนป่วยที่ต้องทานยาไปตลอดชีวิต  ถ้ามีโอกาสลดหรือไม่ต้องรับประทานเลยได้  เขาจะมีความสุขมาก “ เอาเป็นว่าผมจะลดตัว DEPAKIN ลงครึ่งเม็ดนะครับ “ คุณหมอเอ่ย  “ ครับ “  วิวัฒน์ตอบด้วยความรู้สึกมีความหวัง  เขาคิดว่าเมื่อใดที่เขาไม่ต้องทานยาเลย  ก็เหมือนเขาได้ตัดขาดจากการเป็นคนป่วยทางจิตได้  และมีโอกาสที่จะรักใครได้โดยไม่มีใครรังเกียจที่เขาต้องได้ชื่อว่าเป็นคนป่วยโรคจิตอยู่อย่างนี้   ถึงแม้วิวัฒน์จะเป็นชายหนุ่มที่หน้าตาดี  มีการศึกษาสูง สติปัญญาเฉลียวฉลาด  ทำงานทำการได้ดี  เป็นที่ยอมรับของบุคคลภายนอก  แต่ด้วยความที่เขาเป็นคนจริงจังกับชีวิตมาก  จึงทำให้ที่ผ่านมาเขาเจ็บปวดอย่างมากมายกับเรื่องๆเล็กๆน้อยๆในชีวิต  จนทำให้มันกลายเป็นปัญหาใหญ่ในชีวิตในเวลาต่อมา
    ครอบครัววิวัฒน์ เป็นครอบครัวที่อบอุ่น  ด้วยความที่เป็นลูกคนเดียว เขาเติบโตมาพร้อมกับความรักและความเอาใจใส่ของพ่อและแม่  ในวัยเด็กวิวัฒน์  เป็นเด็กร่าเริง แจ่มใส  ชอบเข้าวัดฟังเทศน์ฟังธรรมอย่างสม่ำเสมอ  แต่ด้วยความเป็นคนยอมคน  เขาจึงถูกรังแกเสมอมา  วิวัฒน์ไม่ใช่คนเก็บกด  แต่ค่อนข้างจะจริงจังกับชีวิต  เขาเป็นคนทะเยอทะยาน  วางแผนชีวิตไว้เป็นขั้นเป็นตอนมาตลอด  และก็ประสบผลสำเร็จทุกครั้ง  แต่เขาจะจริงจังกับการคบเพื่อนมาก  เมื่อเขาคบใครเขาจะให้ความจริงใจและทุ่มสุดตัว  เขามีนิยามของการคบเพื่อนว่า ”เป็นเพื่อนแท้ไม่ใช่เพื่อนกิน”  ทำทุกอย่างได้เพื่อเพื่อน  ถ้าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง  ด้วยความที่วิวัฒน์เป็นคนที่จริงใจ  ร่าเริง แจ่มใส เขาจึงมีเพื่อนมาก
    ปางสีดา สาวน้อยหน้าใสวัย 18 ปี เป็นเฟรชชี่ใหม่ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยชื่อดังของรัฐ หล่อนไม่ใช่ผู้หญิงที่จัดว่าสวย  แต่ก็ดูเก๋และน่ามอง ด้วยผิวพรรณของเธอละเอียด ขาวใส และมีบุคลิกที่เด่นสะดุดตา  ปางสีดาจึงมีหนุ่มๆมากมายมาสนใจ  แต่ไม่มีใครกล้าจีบเธอซักคน  ผู้ชายทุกคนที่พยายามเข้ามาตีสนิทกับเธอ ต่างพบว่า  นอกจากจะจีบไม่ได้ง่ายๆแล้ว   หล่อนยังชอบทำเป็นไม่รู้เรื่องด้วยว่ากำลังโดนจีบอยู่   เอกฤทธิ์ เพื่อนร่วมคณะของปางสีดา เป็นอีกคนหนึ่งที่สะดุดในความน่ารักและสดใสของปางสีดา  อาจเพราะปางสีดามีเสน่ห์อย่างประหลาด  ทำให้เขาต้องลอบแอบมองปางสีดาบ่อยๆ  เอกฤทธิ์เองไม่ใช่คนหล่อ  แต่บางสิ่งบางอย่างทำให้เขารู้สึกว่ามีคนหล่อๆมากมายที่มาสนใจปางสีดา  แต่หล่อนไม่สนใจใครเลย  บางทีหล่อนอาจจะชอบของแปลกอย่างเขาก็ได้  ไม่หล่อแต่เร้าใจ   และวันนี้เขาก็ตั้งใจมั่นว่าจะต้องจีบเธอให้ได้  
    “เฮ้ ดากำลังทำอะไรอยู่”  เอกฤทธิ์ทักปางสีดาอย่างสนิทสนม  
    “อ๋อ อ่านหนังสืออยู่ “ ปางสีดาตอบ
    “หนังสืออะไรหน่ะ” เอกฤทธิ์อยากรู้
    “อ๋อ หนังสือธรรมะหน่ะ พอดีพี่วัฒน์เขาให้มา เพิ่งรู้ว่ามีหนังสือธรรมะที่อ่านสนุกอยู่ในโลกนี้ด้วย”
    เอกฤทธิ์ชักสนใจ  ด้วยความอยากรู้ว่าปางสีดาชอบอะไร เขาจะได้พยายามจูนตัวเองให้ตรงกับโลกของเธอ  
    “ชื่อเรื่องอะไรหน่ะดา” เอกฤทธิ์ถามแบบอยากมีส่วนร่วม
    “เรื่องกรรมพยากรณ์จ๊ะ”
    “สนุกมากเหรอ”
    “ใช่ อ่านแล้วน่าติดตามมากเลย  ถ้าฤทธิ์สนใจไว้เราอ่านจบแล้วให้ยืมเอาไม๊” ปางสีดาเสนอ โดยอยากให้คนอื่นได้สิ่งดีๆ จากหนังสือ เหมือนอย่างที่เธอได้  หล่อนเป็นอย่างนี้เสมอ  ได้สิ่งดีๆมาก็อยากจะเผื่อแผ่ให้กับคนอื่น
    “ดีเหมือนกัน  เผื่ออ่านแล้วจะกล่อมเกลาใจฤทธิ์ให้ดีเท่าดาได้มั่ง” เอกฤทธิ์เริ่มหยอดเพื่อนสาว
    “โห อย่าพูดอย่างงั้นเลย เราก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่หรอก ยังกิเลสหนา ปัญญาเบาอยู่ นี่ดีนะได้พี่วัฒน์คอยเตือนสติอยู่เรื่อยๆตอนนี้เพิ่งได้เป็นบัวปริ่มน้ำเอง ยังไม่ถึงพ้นน้ำเลย ยังต้องฝึกจิตอีกมาก”  ปางสีดาตอบแบบถ่อมตน
    “พี่วัฒน์สนิทกับดามากเหรอ  เห็นพูดถึงอยู่บ่อยๆ” ฤทธิ์ลมหึงขึ้นจมูก   แต่ก็พยายามข่มอารมณ์ไม่ให้เพื่อนสาวจับได้  เขาชักไม่แน่ใจถึงสัมพันธภาพระหว่างเพื่อนสาว  กับรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยซะแล้ว
    “อ๋อ พอดีพี่วัฒน์เขาเป็นเพื่อนสนิทพี่ชายเราหน่ะ  ไปมาหาสู่ที่บ้านเราเป็นประจำ เขาชอบคุยธรรมะให้เราฟัง  เขายังแนะนำเวปไวต์เผยแพร่ธรรมะให้เราด้วย  เราลองเข้าไปเยี่ยมชมดูเสมอเลย  พักหลังก็เลยคุยเรื่องธรรมะกันบ่อยๆ  นี่เขาก็ให้ยืมหนังสือมาอ่านอีก  ก็ถือว่าพี่เขาเป็นคนชี้ทางสว่างให้เราเลยทีเดียว” ปางสีดาตอบอย่างชื่นชม
    เอกฤทธิ์ชักกังวล  นี่แสดงเขากำลังมีคู่แข่งคนสำคัญแล้ว  และไอ้หนุ่มคนนั้นยังทำคะแนนได้เหนือเขาไปหลายแต้มด้วย  ที่สำคัญพี่วัฒน์เป็นนักเรียนเรียนดี  ผลคะแนนอยู่ในระดับต้นๆของคณะเศรษฐศาสตร์  รูปสมบัติ คุณสมบัติ  พร้อมไปซะทุกอย่าง  มาดก็ดี  นิ่งสนิท ดูน่าเคารพบูชาของพวกสาวๆ  นี่ก็แสดงว่าเขาคงจะต้องกินแห้วตั้งแต่ยังไม่เริ่มแล้วซะนี่

    จากคุณ : ป๋อป่วย - [ 12 ก.ย. 48 17:25:12 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป