CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    - ผู้วิเศษ -

    สมภพกับวิษณุเป็นเพื่อนเก่าแก่มาครบยี่สิบห้าปีเมื่อเดือนที่ผ่านมา ทั้งคู่คบหาสนิทสนมกันมาตั้งแต่อายุห้าขวบเล่นดินเล่นทรายด้วยกัน ตราบจนเติบโตก็ยังไปมาหาสู่กันเหมือนกับเป็นญาติพี่น้องแท้ๆ เมื่อทั้งสองเรียนจบสายอาชีพความจำเป็นด้านการทำมาหาเลี้ยงชีพได้แยกให้ทั้งสองต้องโยกย้ายห่างกันไป สมภพติดตามญาติลงมาทำงานโรงงานกลึงเหล็กที่สมุทรปราการ รายได้พอกินพอใช้ไปวันๆ และเริ่มเห็นแววอัตคัดเมื่อลำดวนเมียของเขากระซิบบอกในเย็นวันหนึ่งว่าลูกคนที่สามกำลังจะมาเกิดในท้องแล้ว

    วิษณุไม่ได้โยกย้ายถิ่นไปไหน เขาเปิดบ้านเดิมใกล้ตลาดเป็นสถานที่ทำงานแต่ไม่ได้เปิดเป็นอู่ซ่อมรถตามที่ได้ร่ำเรียนมา วิษณุนุ่งขาวห่มขาว มีลูกประคำสีดำแวววาวเป็นเครื่องมือ มีกุมารทองเป็นลูกน้องบริวาร เขาเปิดบ้านรับบทบาทเป็นคนทรงเจ้าให้แก่ผู้คนที่มาหาเช้าจรดเย็น กิตติศัพท์ความเข้มขลังของคนทรงเจ้าหนุ่มเป็นที่ร่ำลือไปทั่วทั้งจังหวัด สิ่งที่สะท้อนชื่อเสียงของเขากลับมาคือทรัพย์สินเงินทองและลูกศิษย์ลูกหามากมาย

    แม้สมภพจะกังขาในอุตริวิชาของเพื่อน แต่ด้วยความรักและสนิทเหมือนญาติทำให้เมื่อสมภพมีโอกาสได้กลับมาเยี่ยมบ้านเกิดเมื่อไหร่ก็จะต้องไปหาวิษณุอยู่เสมอ ทุกครั้งสมภพจะเปิดผ้าม่านที่มีอักขระยันต์ผ่านเข้าไปทักเพื่อนที่กำลังพักผ่อนอยู่หลังบ้านหลังเวลา “งาน” อย่างไม่เกรงใจกัน ส่วนตัวคนทรงเองก็ไม่ได้ถือตัวกับเพื่อนว่าตัวเองเป็นผู้มีวิชาอาคมวิเศษระดับอาจารย์แต่อย่างใด เมื่อปิดประตูบ้านและคลี่บังตาออกมามิดชิดแล้ว ทั้งคู่ก็นั่งกินเหล้าคุยกันอย่างออกรสตามที่เคยทำมาตลอดเมื่อได้พบปะกัน

    “งานแกที่สมุทรปราการเป็นยังไงบ้าง” วิษณุถามไถ่ตามประสา แต่แล้วก็อึ้งไปเมื่อสมภพยกนิ้วชี้ข้างซ้ายที่พันผ้ากอซและดามเหล็กให้เขาดูแทนคำตอบ

    “ปีนี้นิ้วแตกไปสองครั้งแล้ว วันก่อนก็เพิ่งไปหาหมอจมูก เขาบอกว่าฉันหายใจเอาสารเคมีเข้าไปเยอะจนทางเดินหายใจอักเสบ ดีแต่ว่าเถ้าแก่ช่วยออกค่ารักษาให้ส่วนหนึ่ง”

    “เถ้าแก่แกเหมือนจะเป็นคนดี” คนทรงยกแก้วเหล้าขึ้นจรดปาก “แต่ถ้าดีจริงน่าจะหาทางป้องกันไม่ให้แกทำงานในสภาพเฮงซวยแบบนี้มากกว่า แบบนี้แกจะทำงานไปได้สักกี่มากน้อยกันเชียว เดี๋ยวอีกไม่กี่เดือนฉันว่าแกก็ต้องเข้าโรงพยาบาลอีก”

    “ทำไงได้ ฉันมันเรียนมาน้อย ไม่ได้งานกับเถ้าแก่ที่นี่ก็ไม่รู้จะไปทำงานที่ไหน ไม่เหมือนแก ถึงจะเรียนหนังสือมาด้วยกัน แต่แกมีวิชาเข้าทรง แค่นี้แกก็สบายแล้ว”

    สมภพเห็นเพื่อนหัวเราะ ปกติวิชาชีพจะทำให้วิษณุต้องวางท่าสำรวมมากกว่านี้ แต่ด้วยความเป็นเพื่อนสนิทพอสมกับฤทธิ์แอลกอฮอลล์ คนทรงวัยหนุ่มก็หัวเราะชอบใจเสียงดังลั่น

    “หัวเราะอะไรของแกวะ” หนุ่มโรงงานวางแก้วเหล้าลงทำท่าจะลุกมาดู “องค์ลงรึไง”

    “เปล๊า......” วิษณุหัวเราะเอิ๊กๆจนหน้าแดง “กินเหล้าต่อเหอะวะ”


    หลายเดือนผ่านไป ลำดวนก็คลอดลูกคนที่สามออกมา เมื่อมีเด็กที่บ้านมากขึ้นลำดวนก็ต้องลาออกจากโรงงานปั่นด้ายมาเลี้ยงลูกเต็มตัว ลูกสามคนกับลูกสองคนมันต่างกัน จะอาศัยไหว้วานให้เพื่อนบ้านที่สนิทกันคอยดูแลลูกแทนเหมือนเมื่อตอนที่มีลูกสองคนไม่ได้แล้ว สมภพพยายามทำงานหนักขึ้นเพื่อหาเงินมาจุนเจือปากท้องที่บ้าน ทั้งขอเพิ่มกะ อาสาทำงานล่วงเวลา เข้าเวรแทนเพื่อน ผลตอบแทนที่ได้รับคือเงินเพิ่มเพียงเล็กน้อยแลกกับสุขภาพร่างกายที่ทรุดโทรมหนักกว่าเก่า สมภพไปพบหมอบ่อยขึ้น นานวันเข้าเถ้าแก่ที่เคยช่วยเหลือก็กลับกลายเป็นเพ่งเล็งการลาป่วยเดือนละหลายครั้ง ยังไม่นับความอ่อนเพลียในเวลาทำงานจนหมิ่นเหม่ที่จะเกิดอุบัติเหตุในแต่ละคืน โชคดีที่ปีนี้นิ้วที่สามของเขายังไม่แตก

    แต่เขาก็โชคดีได้ไม่นาน


    คืนหนึ่งสมภพลุกขึ้นไอกลางดึก รู้สึกเหมือนมีอะไรอุดตันอยู่ในทางเดินหายใจ เขาพยายามลุกไปรินน้ำแต่ก็ไอแรงจนสำลักน้ำหกเต็มพื้น นับชั่วโมงผ่านไปชายหนุ่มยังไปเสียงดังไม่หยุดจนตัวงอ เลือดปนหนองเสมหะย้อยลงจากมุมปาก ลำดวนพยายามแก้ไขตามมีตามเกิดจนหมดปัญญาก็พอดีกับเพื่อนบ้านถอยรถกระบะอาสาพาไปส่งโรงพยาบาลให้ สมภพต้องนอนโรงพยาบาลและหายใจผ่านสายยางนานนับสัปดาห์ หมอยื่นคำขาดไม่ให้สมภพทำงานแบบนี้อีก แต่เขาไม่มีทางเลือก หลังออกจากโรงพยาบาลสมภพเร่งควงกะทำงานหลายวันเพื่อชดเชยรายได้ที่ขาดหายไป ความดื้อดึงของเขาทำให้เดือนถัดมาสมภพต้องกลับมานอนโรงพยาบาลอีกครั้ง หมอได้แต่ดูแฟ้มประวัติกับผลการตรวจร่างกายแล้วส่ายหน้า สมภพนั่งนิ่งบีบมือตัวเองจนสั่น โรคร้ายของเขาหมดทางรักษาแล้ว

    เดือนต่อมาเถ้าแก่เรียกชายหนุ่มไปพบและกดดันเกี่ยวกับการลาป่วยหลายวันของเขา สมภพแม้จะเรียนน้อยแต่ก็เดาเจตนาของเจ้านายออก เขาชวนเมียเก็บข้าวของพาลูกทั้งสามคนกลับมาฝากพ่อแม่ที่บ้านเกิดเลี้ยง แน่นอนเขาแวะไปเยี่ยมวิษณุเพื่อนเก่าเช่นเดิม และแน่เสียยิ่งกว่าแน่คือมีเหล้าตั้งอยู่กลางวงสนทนาเสมอ

    “แกป่วยแบบนี้ยังจะกินเหล้าอีกรึ” วิษณุปรามเพื่อนเป็นพิธี ทั้งสองไม่เคยห้ามอะไรกัน

    “ช่างฉันเถอะ” สมภพกลั้วคอด้วยน้ำสีอำพัน ใบหน้าหมดอาลัยตายอยาก “ชีวิตมันก็แค่นี้ละวะ อีกไม่กี่มากน้อยฉันก็ตายแล้ว”

    “ใครบอกว่าแกจะตาย” คนทรงเจ้าพูดด้วยเสียงหนักแน่นจนเพื่อนวางแก้วเงยหน้ามอง “ฉันมีวิชาดีช่วยแกได้ก็แล้วกัน แกไม่ตายเร็วนักหรอก”

    วิษณุกดไหล่เพื่อนพยุงตัวลุกขึ้น ช่างกลึงเหล็กมองตามหลังเพื่อนที่เดินโงนเงนไปหลังบ้าน สักครู่ก็เดินกลับมาพร้อมกับผงป่นสีขาวในห่อกระดาษเล็กๆ

    “นี่เป็นยาผงเจ็ดกะโหลกผี บดละเอียดจากกะโหลกผีตายโหงและผ่านพิธีกรรมของฉันมาแล้ว ยานี้มีสรรพคุณรักษาโรคแบบที่แกเป็นได้ เชื่อฉันเถอะ หมอแผนปัจจุบันฝีมือดีสักสิบคนก็ช่วยแกไม่ได้เท่ากับผงนี่อีกแล้ว”

    สมภพยื่นมือมารับด้วยสีหน้ามีความหวัง “ขอบใจแกมาก ฉันขอเยอะๆได้ไหม จะเอาลงไปกินที่กรุงเทพฯ” แต่จบคำพูดนี้วิษณุก็หดมือกลับทันที

    “ไม่ได้ แกจะต้องมารับยาที่บ้านฉันทุกวันวันละสองเวลาเท่านั้น ยานี้ฉันจะต้องปรุงสดให้แกกินทุกวันถึงจะได้ผล แกจะขอสำรองเผื่อไปกินที่อื่นไม่ได้”

    “แกหมายความว่าฉันต้องอยู่ที่บ้านเพื่อจะได้มากินยาแกให้ได้ทุกวันเท่านั้นเหรอ”

    “ใช่”

    “ถ้าอย่างนั้นฉันก็ลงไปทำงานที่กรุงเทพฯไม่ได้อีกแล้วน่ะสิ”

    “ใช่”

    “แล้วลูกเมียฉันจะเอาอะไรกิน ที่นี่ไม่มีโรงงานอะไรเลย”

    “นั่นเป็นเรื่องของแก ฉันมีหน้าที่ปรุงยาให้แกกินเท่านั้น” วิษณุชี้มาที่หน้าผากของเพื่อนก่อนยกเหล้าแก้วสุดท้าย “แกมีสมองอันหนึ่งเหมือนกับฉัน ใช้งานมันหน่อยสิ”

    จากคุณ : ธามาดา - [ 12 ก.ย. 48 21:36:42 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป