CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ~~~~~~~~ .. ไอ้ป๋อง .. ~~~~~~~ ( ฉบับฝากเนื้อฝากตัว)

    ฟ้ายังไม่ทันสาง แต่ไอ้ป๋องก็ตื่นแล้ว

    ถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีนับแต่เราเสียกรุง ฯ ครั้งที่สอง

    ที่ไอ้ป๋องเปิดตัวก่อนพระอาทิตย์จะปรากฏบนแนวขอบฟ้า

    หรือจะมีเหตุจูงใจอะไรที่ทำให้ไอ้ป๋องเป็นเช่นนี้  
    คนแรกที่งุนงงกับพฤติกรรมอันเหลือเชื่อของมันก็คือ “ป้าศรี ฯ” ซึ่งเป็นแม่ในไส้ของมันนั่นเอง  

    “ละเมอหรือไงว๊ะ ไอ้ป๋อง”
    เสียงป้าศรีตะโกนถามมาจากในครัว
           
    แต่เงียบ..ไม่มีเสียงตอบจากไอ้ป๋อง

    คงเป็นเพราะเสียงน้ำที่มันตักราดหัว พร้อมกับการแหกปากตะโกนร้องเพลงประกอบละครหลังข่าวขณะอาบน้ำนั่นเอง

    กลิ่นแกงเขียวหวานที่ไอ้ป๋องโปรดปราน ลอยละล่องออกมาจากในครัว
    แสดงว่าป้าศรีกำลังเตรียมตัวออกไปใส่บาตร

    ไอ้ป๋องออกจากห้องน้ำตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้   เห็นอีกทีมันแต่งชุดนักศึกษาที่ดูเนี๊ยบกว่าทุกวัน

    เน็คไทที่เคยพาดบ่า วันนี้มันก็อยู่ในตำแหน่งที่ควรจะอยู่   เนคไทแกว่งเล็กน้อยเพราะไอ้ป๋องพลิ้วกายออกจากบ้านไปอย่างเงียบกริบ

                                   
    บ้านไอ้ป๋องอยู่ไม่ไกลจากปากซอยมากนัก
    แต่มันกลับเร่งฝีเท้าถี่ยิบกว่าทุกวัน  
    ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้มันแทบจะเป็นคนสุดท้ายที่ออกจากซอยเพื่อไปขึ้นรถเมล์

                                    “หวัดดีหลวงพ่อ” มันทักทายพระที่เดินสวนกับมัน
                                    “ออกบิณฑบาตแต่เช้าเลยนะครับ” มันถามต่อ
                                    “อ๋อ..เปล่าหรอกโยม..อาตมาเพิ่งกลับ” หลวงพี่ตอบ
                                    “เพิ่งกลับ..” เฮ้ย.’! เป็นพระ..ไปไหนมาว๊ะ เพิ่งกลับ (ประโยคหลังนี่ มันคิดในใจ)
                             

    ถึงปากซอยแล้ว.....
                                   
    มันมาถึงป้ายรถเมล์เป็นคนแรกและคนเดียวของวันนี้  
    ความรู้สึกของการรอรถเมล์วันนี้ช่างแตกต่างกับเมื่อวานอย่างสิ้นเชิง......

    มันนึกย้อนภาพกลับไปถึงเมื่อวานนี้อีกครั้ง
                                   

    “......คนเยอะฉิ..หาย เมื่อไหร่แม่จะซื้อ มอ’ไซด์ ให้ซะทีวะ จะได้ไม่ต้องตาแหกตาเหลือกแย่งกันขึ้นรถเมล์อย่างนี้ ”

    มันคิดไปก็ชะเง้อคอ มองรถเมล์ไป  
    แม้เรื่องการไปเรียนสายจะเป็นเรื่องปกติสำหรับมันอยู่แล้ว เพราะเฟรชชี่อย่างมัน ไม่เคยยอมรุ่นพี่เรื่องไปถึงมหา’ลัยช้า  

    แต่เมื่อวานเป็นวันที่มันสายพิเศษกว่าทุกวัน
    อีกทั้งมันยังไม่คิดจะทุบสถิติการไปสายของตัวเองตั้งแต่ภาคเรียนแรก  

    มันเริ่มหงุดหงิด ไม่ใช่เพราะรถเมล์ยังไม่มา แต่เป็นเพราะมีใครก็ไม่รู้มายืนบังทำเลในการมองรถเมล์ของมัน  

    โดยมิชักช้าด้วยสัญชาติญาณการโต้กลับของอดีตนักฟุตบอลโรงเรียนมัธยม  

    มันขยับตัวหลอก  ก่อนที่จะใช้กระบวนท่า “งูเหลือมรอรถเมล์” เบียดตัวเองขึ้นไปยืนข้างหน้าผู้บังอาจยืนขวางวิสัยทัศน์มัน  
    การกระทำเป็นไปอย่างหมดจดและแนบเนียน ก่อนที่มันจะคิดในใจประกอบการหันมามองอย่างเย้ยหยันว่า  .....  “ ฝีมือเด็ก ๆ ”....

    ยังไม่ทันที่มันจะคิดว่าจะถากถางอะไรต่อดี  สมองมันก็ต้องหยุดทำงานลงชั่วขณะ  

    เพราะในทันทีที่สายตาของมันประสานเข้ากับเธอผู้เป็นโจทก์เมื่อชั่วอึดใจที่ผ่านมา  

    ความประหม่าก็กลับแผ่ซ่านไปทั่วกายวัยรุ่นของไอ้ป๋องอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

    เพราะโดยมิได้นัดหมาย ลิ้นของมันก็แข็ง  ตาก็ค้าง ปากก็ห้อย มือไม้มันเกะกะไปหมด  

    ขนาดเอาล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้ว ยังมีความรู้สึกว่ามีอยู่ข้างนอกอีกสองมือเลย  

    มันรู้สึกถูกชะตากับเธออย่างมากถึงมากที่สุด หรือนี่แหละที่เขาเรียก....  “พรหมลิขิต”  
    .....
    .....
    มันจ้องมองเธอนานแค่ไหนไม่รู้ แต่มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ฝูงคนที่ยืนรอรถเมล์เริ่มมีการเคลื่อนไหว ซึ่งแสดงว่ากำลังจะมีรถเมล์เข้าป้าย  แต่มันกลับไม่เห็น
     
    เพราะมีเพียงมันคนเดียวที่หันหน้าสวนทางกับผู้คนทั้งป้ายรถเมล์  มันไม่อาย แต่ก็ต้องหันหน้ากลับมาในทิศทางที่ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น

    รถเมล์ออกจากป้ายไปแล้ว แต่ไอ้ป๋องยังยืนอยู่ที่เดิมด้วยท่ายืนที่เพิ่งคิดค้นขึ้นเอง  และเป็นความสามารถเฉพาะตัว ห้ามลอกเลียนแบบ ผู้ปกครองควรให้คำแนะนำ

    เพราะไอ้รถเมล์คันเมื่อกี้มันเอาหัวใจของไอ้ป๋องไปแล้ว แต่ไอ้ป๋องยังอยู่  ขาก็ยังแข็ง ตาก็ยังค้าง ปากก็ยังห้อย และมือก็ยังเกะกะเหมือนเดิม

    เหตุการณ์ทั้งหมดมันเกิดขึ้นเร็วมาก  เธอเป็นใคร ชื่ออะไร เรียนที่ไหน

    ทำไม่มันไม่เคยเห็นเธอที่ป้ายรถเมล์แห่งนี้มาก่อน

    เพราะมันแทบจะคุ้นหน้ากับคนที่มายืนรอรถเมล์ที่ป้ายนี้แทบทุกคน เพราะส่วนมากจะมายืนด้วยหน้าเดิม ๆ ทุกครั้ง ไม่เคยมีใครทำหน้ามาใหม่เลยในแต่ละวัน  

    แต่ด้วยความฉลาดของไอ้ป๋อง มันคิดออกในทันที เพราะมันสังเกตเห็นว่าเธอมองดูนาฬิกาบ่อยมาก ....

    ...แสดงว่าเธอกำลังกังวลเรื่องเวลา ...

    หรือว่าวันนี้เป็นวันที่เธอออกจากบ้านสายกว่าทุกวัน  

    ใช่แล้ว แสดงว่าทุกวันเธอต้องออกจากบ้านเช้ากว่านี้แน่นอน เหตุการณ์เมื่อวาน จบลงตรงนี้

    วันนี้ ไม่ใช่เมื่อวาน แต่พระอาทิตย์ขึ้นนานแล้ว มันร้อนเหมือนเมื่อวานไม่มีผิด

    ไอ้ป๋องมองดูนาฬิกา  แปดโมงกว่าแล้ว ไม่น่าเชื่อว่ามันยืนมาตั้งเกือบสี่ชั่วโมงแล้ว  

    ..มันไม่เมื่อย..
    ..มันไม่เหนื่อย..  

    แต่มันสงสัยว่าวันนี้ทำไม่เธอคนนั้นยังไม่มา  

    เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะเล็ดลอดสายตาที่สอดสายตลอดเวลาของมันไปได้  สมาธิของมันอยู่ที่ใบหน้าเธอตลอดเวลา จนไม่ได้สังเกตคนรอบข้าง

    เสียงโทรศัพท์มือถือของมันดังด้วยเสียงเรียกเข้าที่มันคุ้นเคยดี


    “โหล  แม่เหรอ ”

    “เออ แม่เอง แกตื่นแล้วไปไหนเนี่ย  ที่หลับนอนก็ไม่เก็บ” เสียงต้นทางตอบกลับมา

    “ ก็กำลังจะไป มหา’ลัย น่ะซีแม่ มีอะไรเหรอ”
                                 
                                   “แกจะบ้าเหรอไอ้ป๋อง นี่มันวันเสาร์นะ..ไอ้บ้า ..”
                                 
                                    “???....”


    *************************************

    ฉบับนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวมาในแนวเรื่องสั้นหรือนิยาย (ไม่รู้เข้าข่ายไหน) ...นะคะ

    ขอขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่านค่ะ




    ~~~~~~~~~~~~~~~~

    แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 48 16:30:31

    แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 48 16:12:02

    จากคุณ : อำพันสีทอง - [ 12 ก.ย. 48 22:05:29 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป