CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    เหตุ(ไร้)ผล ของคนเมืองอมร

    แสงไฟสีเหลืองนวลปะทะเข้ากับวงโค้งสีทองของกรอบแว่นตา  ด๊อกเตอร์อรุณ กำลังยืนมอง  จ้องมอง และเหล่มอง ผลงานศิลปะแนวจัดวาง ที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายเม็ดถั่วลิสง ผสมฝักมะขาม และเม็ดมะม่วง ของศิลปินผู้หนึ่งในพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งหนึ่งในนครโตเกียว  

    “อาจารย์ขอยืมเงินกินเบียร์หน่อยครับ” เสียงลมปะทะเข้ากับหูด๊อกเตอร์อรุณ ผ่านโสตประสาทเข้าสู่สมองแปลงเป็นสัญญาณภาษาสร้างความตะลึง และงงงันกับการเคลื่อนของลมเมื่อสักครู่ สมองคิดตอบโต้กับที่มาของเสียงนั่นผ่านออกมาเป็นภาษาและเปล่งเป็นวาจาออกมา

    “แป๊บเธอมาทำอะไรที่นี่”

    “อาจารย์ขอยืมเงินกินเบียร์หน่อยครับ” เจ้าของเสียงตอบกลับมาราวกับไม่ได้ยินสิ่งที่ด๊อกเตอร์อรุณพูดออกไป

    ด๊อกเตอร์อรุณงุนงง และงงงันอีกครั้ง พร้อมกับเลื่อนมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงสีดำ พร้อมกับล้วงกระเป๋าสตางค์สีแดงออกมา หลังจากนั้นจึงควักเงินหนึ่งหมื่นเยน ยื่นให้กับลูกศิษย์ ที่มาจากไหน และมาได้อย่างไรก็ไม่รู้คนนั้นไป

    สายตาของด๊อกเตอร์อรุณเลื่อนจากผลงานศิลปะแนวจัดวาง ที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายเม็ดถั่วลิสง ผสมฝักมะขาม และเม็ดมะม่วง มาสู่ผลงานอีกชิ้นหนึ่งในแนวเดียวกัน ที่มีหน้าตาคล้ายฟักทอง ผสมแตงโม และหัวใจหมู แสงไฟยังคงปะทะเข้ากับกรอบแว่นและผมยาวสลวยของเขาต่อไป


    แสงของดวงอาทิตย์ยังคงปะทะเข้ากับปีกของเครื่องบินโบอิ้งเจ็ดสี่เจ็ดที่กำลังนำผู้โดยสารแหวกว่ายผ่านอากาศอันเบาบางสู่กรุงเทพ เมืองฟ้าอมร  เมืองที่ครั้งหนึ่งตัวละครใน The Unbearable Lightness of Being ของ Milan Kudera ได้มาเยือน ยลโฉม และลิ้มรสกับโลกีย์มาแล้วครั้งหนึ่ง

    เสียงอันเคร่งขรึมหนักแน่นของกัปตันประกาศให้ผู้โดยสารเตรียมพร้อมสำหรับการลงจอดในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า  แผ่นปิดหน้าต่างถูกเปิดออก เก้าอี้ถูกปรับให้ตั้งตรงและเข็มขัดถูกรัดให้เข้าที่  ด๊อกเตอร์อรุณเตรียมพร้อมสำหรับการลงจอด  แต่ภายในหัวสมองยังคงคิดงงงันและงุนงัก กับเหตุการณ์เมื่อวานนี้ การมาของแป๊บและการจากไปพร้อมกับเงินหนึ่งหมื่นเยน “ทำไมเราถึงได้ให้มันไป” ด๊อกเตอร์อรุณคิด


    ....ถนนสายหนึ่งเลาะเลียบริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาในกรุงเทพ เมืองฟ้าอมร

    ด๊อกเตอร์อรุณ กำลังนั่งคุยกับหญิงสาวผิวคล้ำแดดผู้หนึ่งในร้านอาหารกึ่งผับแห่งหนึ่ง

    “อาจารย์ไปญี่ปุ่นครั้งนี้เป็นไงบ้างค่ะ”

    “จะเป็นไงละปิงปอง เสียเงินไปหมื่นเยน ให้แป๊บที่มันมาจากไหนก็ไม่รู้”

    “แป๊บ?”

    “ก็แป๊บรุ่นน้องเธอนั่นแหละ”

    “แล้วอาจารย์ให้เงินเขาไปทำไมค่ะ”

    “ก็มันมาของเงินฉันไปกินเบียร์ แต่ฉันก็ยังคิดไม่ออกว่าฉันให้มันไปทำไม และมันไปอยู่ที่ญี่ปุ่นได้อย่างไง”

    “ค่อยๆคิด ค่ะอาจารย์ แต่หนูว่าเงินคงไม่ได้หายไปไหนหรอก เดี๋ยวน้องก็เอามาคืน เชื่อเถอะค่ะ”



    เวลาผ่านไปสักครู่ลูกศิษย์ของดอกเตอร์อรุณที่ขอเงินกินเบียร์ได้เดินเข้ามายังร้านที่อาจารย์ของเขานั่งอยู่พร้อมกับหญิงสาวรูปงามหน้าไทยผสมจีน  แต่ดีเอ็นเอเกิดจากการผสมของลาว จีน ทมิฬ เขมร มอญ  ไทใหญ่ ไทดำ ไทอาหม และอีกมากมาย ทันทีที่แป๊บเห็นหน้าด๊อกเตอร์อรุณผู้เป็นอาจารย์ แป๊บได้ยกมือไหว้ ทักทายตามแบบไทยๆ พร้อมกับยิ้มแย้มตามแบบสยาม หญิงสาวที่มากับเขาก็ทำตามเช่นเขาแต่ท่าการไหว้ก็มิได้ย่อตัวลงตามแบบกุลสตรีไทยในแบบเรียน   ด๊อกเตอร์อรุณ ยิ้มตอบรับ แต่มิได้ยกมือรับไหว้ตามแบบอย่างไทยเช่นกัน

    “แป๊บเธอไปอยู่ญี่ปุ่นได้อย่างไง”

    “ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ”

    “ห๊า!!!  ไม่ทราบ? หมายความว่าอย่างไง เหรอ?”

    “ก็ไม่ทราบไงครับ อาจารย์อย่าเสือกได้ไหมครับ” แป๊บเปล่งวาจาออกไปขัดกับจารีตแห่งความเป็นไทยด้วยการเอ่ยคำที่มิควรเอ่ยต่อผู้ใหญ่ในที่สาธารณะ

    ด๊อกเตอร์อรุณตะลึง งึงงัน และงงงันอีกครั้งในรอบสามวัน


    “อาจารย์ก็ยังไม่รู้เลยว่าให้เงินผมมาทำไม? อย่าหาว่าผมไม่รู้นะ และจะให้ผมบอกว่าไปอยู่ญี่ปุ่นได้ยังไงทำไมครับ การไปปรากฏกายของผมที่ญี่ปุ่นมันแปลกตรงไหนแม้แต่อาจารย์ยังไปได้เลย”

    “แต่เธอไปยืมเงินฉันนะแป๊บ”

    “ยืมเงินผิดตรงไหนครับอาจารย์ เป็นคนไทยต้องมีความโอบอ้อมอารี มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อคนไทยด้วยกัน”

    “ถ้างั้น ก็คืนเงินฉันมาเดี๋ยวนี้นะ”

    “คิดไป คิดมา ผมไม่คืนอาจารย์ดีกว่าครับ เพราะผมคิดว่าตอนที่ผมยืมเงินอาจารย์ กับผมในตอนนี้คงไม่ใช่คนเดียวกันแล้วละครับ ตอนนั้นผมคือแป๊บในญี่ปุ่นแต่ตอนนี้ผมคือแป๊บในเมืองไทย เพราะฉะนั้นผมถือว่าแป๊บในเมืองไทยไม่ได้ยืมเงินอาจารย์ เซลล์เนื้อเยื่อของผมในตอนนั้นก็คงเสื่อมสลายไปมากแล้วในตอนนี้รวมถึงเซลล์สมองที่ใช้คิดในตอนนั้นด้วย เข้าใจไหมครับท่านอาจารย์ที่เคารพ”

    อาจารย์อรุณงงงัน งุนงง พร้อมกับเปล่งวาจาออกไป
    "นี่เธอคิดจะเบี้ยวฉันเหรอ”

    “ผมไม่ได้เบี้ยว แต่ผมคิดว่าผมไม่ได้ยืมเงินอาจารย์เท่านั้นเองครับ เราไปหาที่นั่งกันดีกว่า”แป๊บเอ่ยวาจาพร้อมกับโอบหญิงสาวรูปงามหน้าไทยผสมจีน แต่ดีเอ็นเอเหลากหลายเคลื่อนตัวไปพร้อมกับเขายังที่นั่งที่ว่างอยู่


    ด๊อกเตอร์อรุณ ทั้งโกรธ ฉุนเฉียว งุนงง งงงัน และหัวหมุน ท่ามกลางเสียงเพลงเปียโน Exodus ของ Maksim และสายตาของลูกศิษย์สาวที่นั่งอยู่ตรงข้าม

    “ไหนเธอบอกว่า เดี๋ยวน้องก็เอามาคืนไงปิงปอง” ด๊อกเตอร์อรุณย้อนถามลูกศิษย์สาว

    “นู๋ก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ อาจารย์ยังไม่รู้เลยนิค่ะว่าให้เงินน้องเขาไปทำไม”



    แสงไฟยามเข้าคืนบนท้องถนนปะทะเข้ากับสีเขียวของใบไม้หน้าร้านแห่งนั้น พาหนะบนท้องถนนยังคงวิ่งพ่นควันพิษให้สรรพสิ่งสูดดม ผู้คนยังคงเดินขวักไขว่ ยลโฉมกับความมืดสลัวในยามค่ำคืน  สายตาด๊อกเตอร์อรุณมองออกไปนอกหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ เสียงลมเคลื่อนตัวแผ่วเบาปะทะเข้ากับหูของเขาดั่งเสียงกระซิบ


    “กรุงเทพ ทำไมถึงเป็นเมืองฟ้าอมร?”
    “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แม้แต่ตัวฉันก็ยังไม่รู้เลย”

    จากคุณ : Mr.ปู - [ 23 ก.ย. 48 13:44:30 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป