ขุนช้าง-ขุนแผน ฉบับนิทานข้างกองฟาง
ชุด พระไวยวรนารถ ( ๑)
กำเนิด
พ่อแม่พี่น้องที่เคารพ มาแล้วขอรับ บัดนี้ กระผม นาย พจนารถ ได้ กลับมารายงานตัวกับพ่อแม่พี่น้องอีกครั้งหนึ่งแล้วนะขอรับ ในขุนช้าง-ขุนแผน ฉบับนิทานข้างกองฟาง ชุดใหม่ ในชุด พระไวยวรนารถ ขอรับ
พระไวยวรนารถ คือใคร ? ก็คงจะต้องท้าวความกันก่อนตั้งแต่ที่พ่อขุนแผนแกไปฉุดกระชากลากถูแม่วันทองจากบ้านนายขุนช้างไปอยู่ด้วยกันกลางป่านั่นแหละขอรับ พอได้ไปพึ่งใบบุญ ท่านพระพิจิตร และ นางบุษบา ผู้ภรรยาจนได้กลับเข้ามา ชำระความในกรุงศรีอยุธยา
จนกระทั่งชนะความขุนช้างแล้ว ขุนแผนตะแกก็เกิดปากพล่อยกำเริบไปขอนาง ลาวทอง ที่ต้องโทษอยู่ในวัง สมเด็จพระพันวษาจึงทรงพระพิโรธขุนแผนเป็นอันมาก โดยทรงว่าอ้ายนี่ได้หนึ่งจะเอาสอง จึงทรงมีพระราชโองการให้จำคุกขุนแผนไว้โดยไม่มีกำหนด
อยู่ทางนี้นายขุนช้างก็เลยถือโอกาสไปฉุดแม่วันทองมาอยู่ด้วยกันเสียอีกครั้งหนึ่ง โดยที่แม่วันทองเองก็ต้องกล้ำกลืนอยู่กับนายขุนช้าง ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็กำลังตั้งครรภ์อยู่เสียด้วย
(ความทั้งนี้ปรากฏรายละเอียดอยู่ใน ขุนช้าง-ขุนแผน ฉบับนิทานข้างกองฟาง ชุด พระสุรินทภาไชย ฯ ตั้งแต่ตอน ฟันม่าน-เข้าห้อง จนถึงตอน ลูกชายแล้วนะขอรับ)
คราวนี้พอถึงเวลาครบกำหนด แม่วันทองก็เจ็บท้องคลอด ดังที่ว่าไว้ในฉบับหลวงดังนี้ขอรับ
ครานั้นวันทองผ่องโสภา
อยู่เคหากับขุนช้างไม่หมางหมอง
ไม่มีสุขทุกเวลาน้ำตานอง
ด้วยว่าท้องสิบเดือนไม่เคลื่อนคลา
จะคลอดบุตรสุดปวดให้รวดเร้า
ตึงหัวเหน่าเหน็ดเหนื่อยเมื่อยต้นขา
แสงหิ่งห้อยพรอยพรายพร่างสายตา
จะเรียกหาเจ้าขุนช้างให้หมางใจ
ได้แต่นวดปวดมวนให้ป่วนปั่น
สุดจะกลั้นกลอกหน้าน้ำตาไหล
พยุงท้องร้องเรียกพวกข้าไท
จะขาดใจแล้วด้วยช่วยแม่คุณ ฯ
แล้วในที่สุด...
นางวันทองร้องไห้ใจจะขาด
พอกรรมชวาตวาตะปะทะถอน
อรุณฤกษ์เบิกสุรินทร์ทินกร
อุทรคลอนเคลื่อนคลอดไม่วอดวาย
ในที่นี้กระผมใคร่ขออธิบายสักนิดหนึ่งนะขอรับ คำว่ากรรมชวาตวาตะหรือ ลมกรรมชวาต นี้ ท่านนักปราชญ์ท่านได้ให้อรรถาธิบายไว้ว่า แปลว่าลมเบ่งเมื่อจะคลอดขอรับกระผม
จนกระทั่ง...
แล้วทอดเตาเข้าไฟไม่ใคร่เจ็บ
ครั้นจะเก็บความกล่าวยาวหนักหนา
ค่อยกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงไว้จนใหญ่มา
กระทั่งอายุเจ้าได้เก้าปี
ไม่คลาดเคลื่อนเหมือนแม้นขุนแผนพ่อ
เหลืองลอออวบอ้วนเป็นนวลศรี
ทั้งจุกผมกลมกล่อมกระหม่อมดี
ช่างพาทีฉอเลาะพูดเพราะพราย
นางวันทองน้องคะนึงถึงขุนแผน
ด้วยลูกแม้นเหมือนเหลือเป็นเชื้อสาย
บอกบ่าวไพร่ให้สำเหนียกเรียกลูกชาย
ชื่อว่าพลายงาม น้อยแก้วกลอยใจ ฯ
ก็พ่อ พลายงาม นี้แหละขอรับพ่อแม่พี่น้อง ที่จะได้เติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า ได้รับยศถาบรรดาศักดิ์เป็นถึงที่ พระไวยวรนารถ แหละขอรับ
คราวนี้เรื่องมันก็เกิดขึ้น อีตรงที่ว่า นายขุนช้าง แกเจ็บใจเสียเหลือประมาณ เพราะแม่วันทองก็อยู่ก๊ะกูมา ดั๊นคลอดลูกออกมา หน้าเหมือนอ้ายขุนแผนศัตรูเก่าไปเสียฉิบ
(ซึ่งตัวเองก็คงจะลืมไปว่า ไปคร่าเมียเขามาในขณะที่ตั้งท้องแล้ว ฉะนั้น ลูกออกมา มันก็ต้องหน้าเหมือนพ่อเขาเป็นธรรมดา )
จึงให้เจ็บแค้นแสนสาหัสยิ่งนัก และก็เป็นที่ขัดหูขวางตานายขุนช้างเป็นอย่างยิ่ง
อยู่มาวันหนึ่งนายขุนช้าง (ผู้อาฆาต) ก็เลยชวนพ่อพลายงามไปเที่ยวป่า เมื่อคราวที่แม่วันทองแกเจ็บป่วยด้วยโรคเคราะห์ ด้วยเจตนาที่ร้ายกาจนัก โดยชักชวนให้เด็กน้อยตายใจ ดังนี้ขอรับ
ทั้งนกยูงฝูงหงส์มันลงเกลื่อน
จับไก่เถื่อนมาเลี้ยงฟังเสียงขัน
พูดให้เพลินเดินพลางกลางอรัญ
แกล้งให้หมั่นดูแลฝูงแกกา
โพระดกนกงั่วกระตั้วเต้น
กระแตเล่นไม้โจนโผนผวา
เจ้าพลายงามถามพ่อพูดจ้อมา
ขุนช้างพาเลี้ยวไปปะไม้ซุง
เห็นลับลึ้ที่สงัดขัดเขมร
สะบัดเบนเบือนเหวี่ยงลงเสียงผลุง
ปะเตะซ้ำต้ำผางเข้ากลางพุง
ถีบกระทุ้งถองทุบเสียงอุบโอย ฯ
พลายงามร้องสองมือมันอุดปาก
ดิ้นกระดากถลากไถลรัองไห้โหย
พอหลุดมือรื้อร้องวันทองโวย
หม่อมพ่อโบยตีฉันแทบบรรลัย
ไม่เห็นแม่แลหาน้ำตาตก
ขุนช้างชกฉุดคร่าไม่ปราศรัย
จนเหงื่อตกกระปรกกระปรอมขึ้นคร่อมไว้
หอบหายใจฮักฮักเข้าหักคอ
พลายงามดิ้นสิ้นเสียงสำเนียงร้อง
ยกแต่สองมือไหว้หายใจฝ่อ
มันห้ามว่าอย่าร้องก็ต้องรอ
เรียกหม่อมพ่อเจ้าขาอย่าฆ่าเลย
จงเห็นแก่แม่วันทองของลูกบ้าง
พ่อขุนช้างใจบุญเจ้าคุณเอ๋ย
ช่วยฝังปลูกลูกไว้ใช้เช่นเคย
ผงกเงยมันก็ทุบหงุบลงไป
บีบจมูกจุกปากลากกระแทก
เสียงแอ๊กแอ๊กอ่อนซบสลบไสล
พอผีพรายนายขุนแผนผู้แว่นไว
เข้ากอดไว้มิให้ถูกลูกของนาย
ขุนช้างเห็นว่าทับจนตับแตก
เอาคาแฝกฝุ่นกลบให้ศพหาย
แล้วกลิ้งขอนซ้อนทับให้ลับกาย
ทำลอยชายชมป่ากลับมาเรือน ฯ
นายขุนช้างนี่ พอบทจะโหดขึ้นมาเป็นครั้งแรกที่ปรากฏในเรื่องก็ถึงกับคิดฆ่าเด็กอายุเก้าขวบทีเดียวเลยนะขอรับ รุนแรงเหลือเกิน ก็ยังเป็นโชคดีของพ่อพลายงามน้อยอยู่ที่ผีคุ้ม พอตกเย็นฟื้นจากสลบก็โซซัดโซเซกลับบ้านมาฟ้องแม่
เจ้าพลายน้อยสร้อยเศร้าแล้วเล่าว่า
หม่อมพ่อพาเวียนวงให้หลงใหล
แล้วทุบถีบบีบจมูกของลูกไว้
เอาขอนไม้ทับคอแทบมรณา
พอพวกพ้องของขุนแผนแล่นมาช่วย
จึงไม่ม้วยแม่คุณบุญหนักหนา
ยังช้ำชอกยอกเหน็บเจ็บกายา
พูดน้ำตาผอยผอยด้วยน้อยใจ ฯ
และในที่สุด นางวันทองก็จึงต้องชักประวัติให้ลูกชายฟังให้ลูกชายฟัง ว่าพ่อของเจ้านั้นชื่อขุนแผน กลอนสำนวนนี้ที่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายมากอยู่ ขอรับ
นางวันทองร้องไห้ใจจะขาด
โอ้ชาตินี้มีกรรมจะทำไฉน
แล้วเล่าความตามจริงทุกสิ่งไป
เจ้ามิใช่ลูกเต้าเขาจึงชัง
พ่อของเจ้านั้นฤๅชื่อ ขุนแผน
เป็นคนแค้นกับขุนช้างแต่ปางหลัง
เอาทุกข์ร้อนก่อนเก่าเล่าให้ฟัง
เดี๋ยวนี้ยังอยู่ในคุกเป็นทุกข์ทน
จึงจนใจไม่มีที่จะพึ่ง
มันทำถึงสาหัสก็ขัดสน
ครั้นจะฟ้องร้องเล่าเราก็จน
แม้นไม่พ้นมือมันจะอันตราย
แต่รู้อยู่ว่าย่าทองประศรี
อยู่บ้านกาญจน์บุรีวัดเซิงหวาย
แม้นไปถึงพึ่งพาย่าพ่อพลาย
จะสบายบุญปลอดตลอดไป
แต่ทางนั้นวันครึ่งจึงถึงบ้าน
ทางกันดารเดินดงจะหลงใหล
โอ้ใครเล่าเขาจะพาเจ้าคลาไคล
นางร้องไห้สะอื้นกลืนน้ำตา ฯ
จากคุณ :
พจนารถ๓๒๒
- [
1 ต.ค. 48 20:04:25
]