สองวันก่อนเพื่อนผมโทร.มาทวงถามขอคำยืนยันการจองบัตรงานเลี้ยงรุ่นที่จะมีในวันที่ 15 ตุลาคมนี้ ในงานเลี้ยงพบปะสังสรรค์เช่นนี้ผมไม่รู้หรอกว่าเพื่อนคนอื่นๆพวกเขารู้สึกอย่างไรกันบ้าง..แต่พอเดาได้โดยสัญชาตญาณว่า หลายคนคงดีใจที่จะได้กิน-ดื่ม-พูดคุย ท่ามกลางหมู่มิตรสหายเป็นรุ่น เป็นกลุ่ม เป็นสถาบัน มากกว่าการดื่ม-กินอยู่แต่เพียงลำพัง หรือมิตรสหายเพียง 2-3 คน
ใช่-มันคงเป็นความรู้สึกที่พิเศษและแปลกออกไปจากวันวันเดิมๆ
งานเลี้ยงรุ่นของพวกเราปีนี้จัดเป็นปีที่ 3 ในปีที่ 2 - ปีก่อนหน้า ผมได้เว้นวรรคว่างเว้นไม่ได้ไปร่วมงาน เหตุผลในครั้งนั้นผมและเพื่อนบางส่วนไม่เห็นด้วยกับค่าบัตรที่รุ่นเราซึ่งรับเป็นเจ้าภาพจัดงานจะต้องเสียราคาบัตร-ค่าหัวคนละ 1,000 บาท
หลายเสียงบอกว่ามันแพงไป-มากไป สำหรับกลุ่มที่เป็นฝ่ายตัวตั้งตัวตีจัดงานบอกว่ามันเป็นราคาที่พวกเอ็งสมควรจะต้องจ่าย เพราะเงินที่เหลือจากหักค่าใช้จ่ายจะนำไปมอบเข้ากองทุนซื้ออุปกรณ์การเรียนให้กับน้องๆ--ไม่ได้เข้ากระเป๋าใคร..เมื่อได้ฟังเหตุผลของฝ่ายจัดงานเข้าดังนี้ เสียงที่ไม่เห็นด้วยเริ่มออกอาการไม่พอใจในคำอ้าง-ชี้แจง
ส่วนตัวผมเองซึ่งอยู่ในกลุ่มคัดค้านราคาค่าบัตรไม่ได้ใส่ใจเรื่องเงินส่วนที่เหลือว่ามันจะเข้าไปอยู่ในกระเป๋าใคร--ผมยังไมได้คิดไปถึงตรงจุดนั้น เพราะในขณะที่นั่งฟังเหตุผลของทั้งสองฝ่ายผมกลับคิดอะไรได้ขึ้นมาอย่าง ผมถามฝ่ายจัดงานว่า สรุปแล้วว่าการจัดงานในครั้งนี้ของพวกเรามีวัตถุประสงค์อะไร ระหว่าง 'สังสรรค์' และ 'ช่วยเหลือ' อุปกรณ์การเรียนของน้อง-ของสถาบัน
- ทำไมการที่เราจะให้ความช่วยเหลือต่างๆนั้นต้องผ่านกระบวนการสังสรรค์..ทำไมต้องให้หลังจากหักค่าใช้จ่าย..ทำไมเราไม่ให้เปล่า.
ดูเหมือนสังคมนี้จะไม่เคยให้ความช่วยเหลือใครโดยที่ไม่คิด 'ตักตวง' หาความสุขใส่ตัวเองไว้ก่อน - ไม่มี
สุดท้ายเมื่อคนสองกลุ่มซึ่งมีความคิดขัดแย้ง-ตกลงกันไม่ได้ ทางออกคือ 'ทางแยก' หันหน้าเดินกันคนละทาง เพื่อนฝ่ายจัดงานสะกิดถามผมว่าจะมาหรือไม่มา..จะร่วมหรือไม่ร่วม
ผมไม่มีคำตอบ แต่ทะลึ่งถามกลับไปว่า "เอ็งตอบคำถามมาก่อน ตอบมาตามตรงว่า ระหว่าง 'สังสรรค์' กับ 'ช่วยเหลือ' เอ็งตั้งใจทำสิ่งไหนมากกว่ากัน"
.............................
เสียงเพื่อนเร่งเร้าขอคำตอบมาจากปลายสาย ราคาบัตรร่วมงานเลี้ยงรุ่นปีนี้ 500 บาทเอง-เพื่อนบอก
ห้าร้อย - ครึ่งพันเอง เงินจำนวนนี้ผมเคยใช้ดำรงชีวิตได้ถึงเกือบหนึ่งสัปดาห์ และสำหรับคนที่ขัดสนมากกว่าเขาคงใช้มันได้นานกว่าผม..อาจมากขึ้นเป็นอีกหนึ่งเท่า หรือบางทีมันอาจมากกว่า-มากว่านั้น
ผมตอบปฏิเสธไม่ร่วมงานนี้อีกหนึ่งปี และให้ความหวังกับเพื่อนว่า 'ปีหน้า' ผมเองจะไปร่วมงานเลี้ยงรุ่นนี้ด้วยอีกก็เป็นได้
หากว่าปีหน้านั้นงานเลี้ยงรุ่นของพวกเราไม่เอาเงินรายได้ 'หลังหักค่าใช้จ่าย' ไปช่วยการกุศล.
ด้วยมิตรภาพ
3 ตุลาคม 2548
จากคุณ :
อานันท์-โจนาธาน
- [
4 ต.ค. 48 00:34:01
]