CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    สวัสดี...ความรัก (เรื่องของปรีญาภรณ์3)

    บทที่ 3
    To: อ้อย<auanchalee@nnnm.or.th>, เป้า<srikarnchana@nnnm.or.th
    From: พี่อี่<preyaporn@nnnm.or.th>
    Subject: กลับก่อนนะจ้ะ
    พี่กลับก่อนน้าเพราะเพื่อนเก่าโทรมานัดกระทันหัน   วันนี้อ้อยกลับพร้อมเป้าแล้วกัน
    Bye
    พี่อี่
    …

    ในขณะที่ฉันกำลังนั่งอ่านเอกสารอย่างคร่ำเคร่ง   เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ที่ดังขึ้น   บ่งบอกว่าเพื่อนเก่าที่ว่า…คงมาถึงแล้ว…

    “อี่…เรารออยู่ที่ลานจอดรถ”

    แค่ประโยคเดียวแล้ววาง…เน้นเพียงความต้องการที่จะถ่ายทอดถึงสิ่งที่เขาอยากบอก  

    นั่นทำให้ฉันนึกถึงวันเวลาเก่าๆ   เมื่อครั้งที่ตัวตนของภูชิตแสดงความเป็นเขาออกมาอย่างชัดเจน   ทั้งนิสัยที่ต้องการบอกถึงสิ่งที่รู้สึก…รับรู้…หรือสัมผัส   และนิสัยของความเป็นผู้นำที่ยังคงฉายแววอยู่            

    ที่สำคัญ…นิสัยแบบนี้เคยทำให้ฉันก้าวตามเขาเมื่อครั้งในอดีต   และกลับมาย้อนให้ทำอีกครั้งในปัจจุบัน

    “กลับบ้านแล้ว?” พี่มลโผล่หน้ามาทักทาย   จากประตูห้องทำงาน

    “จ๊ะ…อี่มีนัดกับเพื่อนเก่า   อย่าพึ่งชวนคุยนะ   ไม่อยากให้เขาต้องรอ”

    ฉันพูดไปก็ก้มหน้าก้มตาเก็บข้าวของอย่างเร่งรีบ   ก่อนจะสะพายกระเป๋าใบโตที่ข้างในบรรจุเอกสารเต็มแน่นกับกระเป๋าแลปท๊อป   และหันไปโบกมือบ๊ายบายเพื่อน

    แต่ยังทันได้ยินเสียงตะโกนแนะนำของพี่มลแว่วมา…

    “แต่งหน้าหน่อยซิ   โทรมไปนะ”

    ฉันถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม   และสะกดความอยาก…ที่จะเข้าไปทาแป้ง   เพื่อลบหน้ามันๆจากการตรากตรำทำงานเสียหน่อย   ก็ไม่บ่อยนักนะคะที่ฉันจะมีนัดกับเพื่อน(ผู้ชาย)

    ซึ่งคงไม่ดีแน่ที่จะปล่อยให้เพื่อน (ผู้ชาย) ต้องรอคนเดียวในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย   เพราะความรักสวยรักงามของฉัน

    “อ้าวคุณอี่…ให้ผมช่วยนะครับ”

    ลุงยามที่ประจำอยู่หน้าตึกที่ทำงานกุลีกุจอจะเข้ามาช่วยฉันยกของให้   แต่ก็ไม่ทันร่างสูงๆในชุดดำทั้งเสื้อและกางเกงที่เข้ามาฉวยสัมภาระของฉันไปถือเรียบร้อยแล้ว

    “อ้า…ขอบคุณค่ะลุง   เพื่อนอี่ช่วยถือให้แล้ว”

    ฉันหันไปขอบคุณลุงยามที่กำลังทำตาเขม่นมองร่างสูงๆของภูชิต   เหมือนจะประเมินว่าหมีภูนี่เป็นตัวอันตรายหรือไม่

    “อ่า…ภู” ฉันส่งยิ้มทักทายเขาก่อน   แต่อดกระดากใจเล็กน้อย   ในความทรงจำอันแสนเลอะเลือนของตัวเองไม่ได้  

    ทำไมฉันยังลืมได้ลงนะ!   ในเมื่อใบหน้านี้ฉันเคยคลั่งไคล้มาแล้วเมื่อในอดีต

    “รถจอดทางโน้น” เขาจับข้อศอกฉันเบาๆเพื่อนำทาง

    ระหว่างที่เดินคู่กับภูชิตไปที่รถ   ฉันอดเหลือบมองเขาเป็นระยะๆไม่ได้   ก็เมื่อครั้งที่เห็นไกลๆในวันงานแต่งงาน   ฉันคิดว่าเขาน่าจะสูงประมาณ 6 ฟุต   แต่เมื่อมาเดินข้างกันจริงๆ   ฉันกลับคิดว่า…เขาน่าจะมีความสูงมากกว่าที่เคยคิดไว้  

    สำหรับรัศมีความเป็นคนอันตรายของเขา   ยังคงกระจายอยู่รอบตัวไม่เปลี่ยน   และมันถูกตอกย้ำด้วยชุดสีดำล้วนที่เขาใส่   ซึ่งฉันเชื่อว่าถ้าเขาถอดเจ้าแว่นดำที่คาดอยู่บนหน้าออกซะ   ภูชิตอาจจะดูอันตรายน้อยลงกว่านี้อีกมาก

    “อี่…มองเราทำไม”

    ฉันจะบอกได้ยังไงว่าเพื่อนฉันดูเป็นผู้ชายที่อันตราย   แม้ว่าจะเป็นหนุ่มหล่อขนาดไหนก็ตาม

    “อ๋อ…อี่คิดว่ามันจะมืดแล้ว   แต่ทำไมภูชิตยังใส่แว่นดำอยู่อีก” ฉันเลยต้องเปลี่ยนไปแก้ตัวถึงเรื่องอื่น   ที่นอกเหนือจากความคิดแทน  

    ภูชิตไม่ตอบว่าอะไรนอกจากหันมามองหน้า   ซึ่งฉันก็ไม่สามารถแปลความหมายของดวงตาที่อยู่เบื้องหลังแว่นดำนั้นได้เลย

    จนเมื่อก้าวเข้าไปนั่งใน BMW คันหรูนั่นแหละ   ที่เขายอมถอดแว่นดำออก   ซึ่งทำให้ความคิดของฉันที่เชื่อว่า   จะช่วยลดความดุของใบหน้าคมๆนั่นลง   กลับผิดไป   เพราะกลายเป็นว่าดวงตาที่คมดำเมื่อประกอบเข้ากับคิ้วเข้มๆด้วยแล้ว   ส่งให้เขากลับดูอันตรายมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ

    แต่ฉันไม่ยักกลัวเขาแฮะ…คงเป็นเพราะเราเป็นเพื่อนกันมานานแล้วมากกว่า…

    “หิวไหม?” เขาถาม   เมื่อเอี้ยวตัวไปวางสัมภาระของฉันที่เบาะหลัง

    กลิ่นน้ำหอมผู้ชายที่อวลมาเข้าจมูกฉันอย่างชัดเจน   ทำให้รู้สึกตัวว่าภูชิตเข้ามาอยู่ใกล้ฉันขนาดไหน

    ความตื่นเต้นทำให้ฉันตอบคำถามออกไปโดยไม่ทันคิด “เอ่อ…ฮื่อ”

    คราวนี้ดวงตาของเขาที่เข้ามาสบกับฉัน   บ่งบอกถึงความขบขันอย่างชัดเจน   โดยไม่ต้องแปลความหมายให้ยุ่งยาก

    “งั้นไปร้านฝนพรำนะ…อาหารอร่อย” เขาสตาร์ทรถเพื่อขับพาไปยังจุดหมาย

    “จ้ะ” แต่ฉันอดไม่ได้ที่จะแก้ตัวเล็กน้อย “วันนี้อี่ทำงานหนักไปหน่อยนะ”

    ภูชิตไม่ตอบอะไร   นอกจากการพยักหน้ารับรู้   ฉันเลยไม่กล้าชวนคุยเพราะยังอดเขินๆไม่ได้   ก็เราไม่ได้พบกันนานแล้วนี่ค่ะ

    ใช้เวลาไม่นานภูชิตก็ขับรถพาเรามายังร้านอาหารที่ว่านี้    ซึ่งดูจะอยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานฉันเท่าไหร่   อาจเป็นเพราะลักษณะการจัดร้านที่ใช้ไม้ใหญ่และไม้ใบมาเสริมทำให้ตัวร้านดูเหมือนบ้านพักหลังใหญ่ที่แสนจะร่มรื่น   ฉันเลยไม่เคยสังเกตว่าบริเวณนี้มีร้านอาหารตั้งอยู่

    ภูชิตคงมาที่นี่บ่อยเพราะสังเกตจากการที่เจ้าของร้านเข้ามาพูดคุยอย่างสนิทสนม   และเป็นผู้พาเราเข้าไปนั่งที่โต๊ะด้วยตัวเอง   ซึ่งฉันอดประหม่าไม่ได้เมื่อต้องเดินตามภูชิต…ก็แขกที่เข้ามาทานอาหารในร้านพร้อมใจกันเหลียวมามองดูเรากันหมด  

    ลืมไปว่าฉันมากับนักร้องคนดัง…

    โชคดีที่เราได้ที่นั่งซึ่งแยกออกมาเป็นสัดส่วนต่างหาก   และรายรอบด้วยใบไม้ที่เล่นระดับลดหลั่นกันอย่างหน้าดู   กับเสียงของน้ำตกจำลองที่ไม่ห่างจากมุมที่เรานั่ง   ซึ่งฉันเดาว่านี่เป็นส่วนรับแขกที่สวยที่สุดของร้าน  

    “บ้านอี่อยู่ไกลไหม?”

    ภูชิตถามขึ้นมาหลังจากที่เราสั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว

    “แถวรังสิตนี่แหละจ้ะ   พ่อกับแม่มาซื้อไว้นานแล้ว   ตอนนั้นยังราคาถูกอยู่” ฉันตอบคำถามเขาก่อนและอดไม่ได้ที่จะถามกลับถึงสิ่งที่ฉันกังวลอยู่

    “ภูชิตหายโกรธอี่แล้วใช่ไหม?” เสียงของฉันเริ่มลังเล

    ต่อค่ะ

    จากคุณ : โตขึ้นจะกลายเป็นยุง - [ 4 ต.ค. 48 16:08:08 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป