นี่เป็นเรื่องแรกที่ผมแต่ง นอกจากแฟนฟิคชั่นหัวขโมยแห่งบารามอสนะครับ หวังว่าจะได้รับความเมตตาคอมเม้นท์จากนักอ่านในพันทิพย์ทุกท่านเลยนะครับ
ปล.ที่กำหนดไว้ว่าอื่น ๆ เพราะว่ายังมองไม่ออกเลยว่าเรื่องของตัวเองมันแนวไหนกันแน่ ช่วยตัดสินกันหน่อยนะครับ ^^
*****************************************
ท้องฟ้าสีเทาค่อย ๆ สว่างขึ้นทีละนิด เสียงนาฬิกาปลุกเริ่มทำหน้าที่ของมันอย่างขะมักเขม้น
มือลึกลับเอื้อมไปกดสลักห้ามเจ้านาฬิกาปลุกผู้น่าสงสารให้หยุดส่งเสียง ฉัน ยังไม่อยากตื่น
เพราะวิญญาณของ ฉัน กำลังโลดแล่นเสพสุขกับนิทานอยู่ในอีกมิติหนึ่ง
เวลาผ่านไปไม่นานนัก คน ที่โลกโน้น ก็ออกปากไล่
ไปโรงเรียนก่อนไป๊ คืนนี้กลับมาใหม่ จะเตรียมเรื่องใหม่มาเล่าให้ฟัง เธอ ปิดหนังสือ การแก้แค้นของกระต่าย
ฉัน ผงกหัวรับ กล่าวลา แม่ ในอีกมิติ เดินทางกลับโลกเดิม
สายตาจับจ้องไปที่นาฬิกาปลุกอย่างมึน ๆ ตีห้าครึ่งแล้ว นอนต่อมาตั้งครึ่งชั่วโมง แต่ทำไมมันดูแปบเดียวเอง
ฉัน ปรารภกับตนเองในใจ พลางพลิกตัวลุกขึ้นยืน และด้วยความเคยชิน ฉัน หลับตาเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัว จากนั้นก็ให้ความมืดโอบไล้ และฉุดกระชากไปอาบน้ำอย่างโดยดี
ขณะกำลังแต่งตัว ฉัน ก็ได้ยินเสียงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดเจือน้ำเสียงเศร้าของ ใคร บางคน
กาเหว่า ก๊าเหว่า ก่าเหว้า ก๋าเหว้า กาเหว่า นี่คือเสียงของ ใคร ที่ว่า แต่อีกเสียงที่ไม่ลดละความดังก็แทรกขึ้น
แกว๊ก แกว้ก กว๊าก แกว๊ก แกว่ก ใคร พวกนั้น น่าจะโกรธกันพอดู ในใจ ฉัน ว่าเสียงนี้น่ารำคาญจริง ๆ
ถ้าเปิดประตูมุ้งลวดนี่ออกไป ยิงปืนอัดลมขึ้นสักนัดพอตกใจ ฉัน จะสบายหูขึ้น
แต่ก่อนจะได้กระทำกรรม เสียงอ่อย ๆ ของ ใคร อีกคนก็ดังขึ้นใกล้เคียง โทนเสียงเหมือนกับเสียงที่สอง แต่ห้าวกว่า ทุ้มนุ่มกว่า
ด้วยความกระหายใคร่รู้ พวกเขา ทะเลาะอะไรกัน ฉัน เปิดใจ รับภาษาของพวกเขา เพื่อแปลเสียงเมื่อครู่
กาเหว่า ก๊าเหว่า ก่าเหว้า ก๋าเหว้า กาเหว่า แม่ไม่เข้าใจหนูเลย ไม่เคยแม้แต่จะพยายามเข้าใจ ! กาเหว่า
วัยแรกแตกรุ่นแสนสวยกำลังน้ำตานองหน้า
แกว๊ก แกว้ก กว๊าก แกว๊ก แกว่ก แกจะให้ฉันเข้าใจแกเหรอ ไอ้ลูกนอกคอก ! ไม่เคยอยู่
ในโอวาท ! ผู้ตอบคือ
แม่กระสาหญิงวัยกลางนก และเสียงทุ้มนุ่มก็เอ่ย อย่างอ่อย ๆ ตามมา ใจเย็น ๆ กันหน่อยซี
เย็นยังไงไหว ดันไปเที่ยวลืมรังซะหลายวัน ไปกับพวกตัวผู้รึเปล่าก็ไม่รู้ รู้อยู่ว่าสมัยนี้พวก
ตัวผู้เลว ๆ มันเยอะ สายตาจับจ้องยังร่างของสามี ถ้อยคำกระแทกแดกดัน
หนูบอกแล้วว่าไปติวที่รังเพื่อน โรงเรียนจะสอบแล้ว แม่ไม่เคยเชื่อหนู แม่ไม่เคยฟังหนูเลย
เผียะ ! ปีกใหญ่สีน้ำตาลตบลงบนหน้าของนกกาเหว่าสาว จนหน้าหัน น้ำตาซึม
เอ่อ อย่ารุนแรงกันเลย พ่อนกผู้แสนอ่อนแอเอ่ยห้าม
นังลูกนอกรัง แกรู้ไหม ทำไมตัวของแก สีของแกถึงไม่เหมือนฉัน ไม่เหมือนพี่ ๆ น้อง ๆ ของแก
ทำไม สีของหนูแตกต่างแล้วมันมีเหตุผลอะไรมากกว่านั้น ? กาเหว่าสาวสงสัย สะกิดใจในคำพูดของมารดา
แกน่ะ เป็นลูกกาเหว่าไงล่ะ พ่อแกน่ะ มันเคยมีเมียน้อยเป็นกาเหว่า แม่แกน่ะไข่ทิ้งไว้ก่อนที่จะบินหนีไปหาตัวผู้ตัวใหม่ แล้วฉันต้องมารับภาระเลี้ยงชีวิตเน่า ๆ ของแกไงล่ะ แกน่ะทำตัวไม่ผิดกับแม่แกเลยจริง ๆ ฉันรู้ ว่าแกแอบไปมีตัวผู้ ไปนอนกับพวกตัวผู้มาแน่ ๆ นางกระสาเผยธาตุแท้ ความเกลียดชังล้นทะลัก ไหลพรูออกมาเป็นคำพูด
ที่แท้
หนูก็เป็นเพียงลูกกาเหว่า
ที่ไม่มีใครรัก
ดวงจิตไหววูบกับประโยคที่ได้ยิน
ชีวิตเน่า ๆ อย่างนั้นหรือ ?
เธอมันก็แค่กาเหว่า พันธุ์ที่ถือว่าไร้ค่า เป็นแกะดำ พฤติกรรมเลวทรามที่สุดในหมู่ปักษา
เธอเคยได้ยินเขาพูดกัน กาเหว่าตัวนั้นไปไข่ทิ้งที่นั่น ที่นี่ อีกแล้ว แต่เธอบอกกับตัวเองว่าไม่เห็นเกี่ยวกับเธอ เธอเป็นลูกนกกระสา แม้สีจะแผกเพี้ยน แต่เธอก็เป็นลูกของพ่อแม่ แต่สิ่งที่เธอได้รับฟังในเช้านี้ ทำให้ดวงใจเธอแหลกสลาย
หนู
ขอบคุณ
ที่
พ่อ
แม่
เลี้ยงหนูมา ต่อไปนี้
หนูคงต้องออกเผชิญโลกกว้าง
เพียงลำพัง
หนูขอลา กาเหว่าสาวกล่าวอำลาและก้มลงกราบพ่อ และนกตัวที่เธอเรียกว่า
แม่ ใบหน้าเต็มใบด้วยน้ำตา ก่อนจะโผบินสู่ฟ้ากว้าง ไม่กลับมาอีก
โธ่
ลูกพ่อ ไปซะแล้ว
พ่อนกกระสาคราง ใจแทบสลายเมื่อลูกสาวสุดรักจากไป
ฮ้า สบายใจจังเลย ทีนี้ก็ไล่มารคอหอยไปได้อีกตัว เหมือน ตอนนั้น ที่ นังกาเหว่าโง่
เมื่อรู้ตัวว่าหลุดอะไรออกมานางกระสาก็รีบหยุดปาก ก่อนจะหลุดอะไรมามากกว่านั้น
ความโกรธเข้าครอบงำ ดวงตาของเจ้ากระสาตัวผู้ส่องแสงวิบวับอย่างน่ากลัว พร้อมกับบันดาลโทสะกระชากปีกนางกระสามาเขย่าเค้นเอาความอย่างแรงจนขนหลุดรุ่ย ก็ยังไม่ยอมหยุดกระชาก
กรี๊ด ! หยุดเดี๋ยวนี้ ไอ้บ้า หยุดเดี๋ยวนี้ โอ๊ย ! เจ็บ ฉันเป็นเมียแกนะ ทำยังงี้ได้ยังไง !
ด้วยความตกใจที่ไม่เคยถูกปฏิบัติเยี่ยงนี้ ร่างที่บอบบางจึงถูกกระทำได้ง่ายนัก ไม่เคยถูกกระทำ เคยแต่กระทำตัวอื่น !
นังนกใจร้าย แกบอกมานะ ตอนนั้น เมียกาเหว่าของข้าทำไม บอกมาให้หมดเดี๋ยวนี้ บอกมา
ให้หมด เจ้ากระสาไม่หยุด ยังคงเค้นความจริงที่ไม่ยอมหลุดออกจากปากเมียของมัน จนเจ้าตัวเมียปีกหักลง และร่วงหล่นจากลูกกรงที่เกาะสู่พื้นซีเมนต์ด้านล่าง
ตุ้บ ! เนื่องจากปีกใช้การไม่ได้ ร่างที่ร่วงหล่นลงมาจากตึกชั้นสองนั้นก็เปรียบได้กับก้อนหินหนักที่ถูกขว้างลงมาสู่พื้นแข็ง อนิจจา นางกระสาท่าทางจะบาดเจ็บสาหัสเกินเยียวยาเป็นแน่แท้
เจ้าตัวผู้ที่ธรรมดาจะเฉื่อยชากลับเดือดดาลได้ถึงขนาดนี้แสดงว่าถึงขีดสุดมาก ๆ จริง ๆ ไม่ต่างอะไรไปกับช้างป่าที่กำลังตกมัน พอบ้าได้ที่ก็ไล่เหยียบควาญช้างผู้เลี้ยงดูจนแบน ไส้ปลิ้นออกแผ่หรากับพื้นดิน
ดูท่าเจ้าพ่อนกจะยังไม่หายแค้น มันพุ่งตัวเร็วจี๋ลงจิกอย่างบ้าดีเดือดจนอีกฝ่ายที่กำลังบาดเจ็บไม่มีทางได้อุทธรณ์ฎีกาแต่อย่างใด มีเพียงเสียงร้องขอชีวิตของนางกระสากับเสียงกราดด่าและเค้นถามของเจ้ากระสาตัวผู้สลับไปมาอยู่โหวกเหวก จนคนข้างบ้านทนรำคาญไม่ไหว เขวี้ยงกระป๋องน้ำอัดลมเปล่า ๆ ข้ามรั้วมาโดนเจ้าตัวผู้ จนตกใจกระพือปีกหนีไป เหลือเพียงนางกระสาที่นอน
รอให้ความตายค่อยๆ คืบคลานเข้ามากัดกินชีวิตของเธอ
ถึงเวลาชดใช้บาปกรรมที่ตามมาทันเสียแล้ว !
ฉัน เองก็ตื่นจากภวังค์เพราะเสียงกระป๋อง ฉัน มองดูนาฬิกาปลุกเรือนเก่าว่าเวลาผ่านไปเท่าใดแล้ว ตายล่ะ !
นี่มันเจ็ดโมงครึ่งแล้วนี่ ฉัน เผลอตัวเฝ้าดูละครชีวิตของ พวกเขา อยู่นานขนาดนี้เชียวหรือ
ไม่ได้การแล้ว !
ฉัน รีบคว้ากระเป๋านักเรียน วิ่งออกจากบ้านจับรถเมล์ไปโรงเรียนในทันที
วันนี้ ฉัน มาสาย จึงถูกทำโทษเสียยกใหญ่ แต่ผู้คนรอบข้างก็ช่วยได้แค่หัวเราะเย้ยในความโชคร้ายของ ฉัน ให้อับอายมากขึ้นเท่านั้น
ตลอดทั้งวัน ฉัน เรียนไม่รู้เรื่องเลย คงจะเป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อเช้าประกอบกับคำพูดของกาเหว่าสาวที่พูดทั้งน้ำตาก่อนจะร่ำลา แต่ถ้าพูดไปคงไม่มีใครเชื่อ คงหาว่า ฉัน ฝันเป็นตุเป็นตะแน่ ๆ แต่มันก็ทำให้ ฉัน ได้คิด
ไม่ใช่แต่มนุษย์ที่มีความขัดแย้ง นกเองก็ยังมีความขัดแย้งภายในหมู่คณะ ในครอบครัวของพวกมัน มีการแก่งแย่งชิงดี มีความอาฆาต พยาบาท แก้แค้นทำร้ายกันไม่รู้จักจบสิ้นอย่างมนุษย์
และที่สำคัญ นกก็มีน้ำตา !!!
************************************
ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาเข้ามาอ่านนะครับ จะรีบแต่งตอนต่อไปมาลงครับ
TBC...
จากโจรผู้ที่ยัง.....โง่เขลา
จากคุณ :
gataring
- [
4 ต.ค. 48 16:34:10
]